[CR] -- GREENLAND -- หนีร้อนไปไกลถึงขั้วโลก! กรีนแลนด์.. สวรรค์บนธารน้ำแข็ง!

กรีนแลนด์! อีกหนึ่งประเทศที่ธรรมชาติสวยงามแต่คนไทยไม่ค่อยนิยมมา ทั้งแสงเหนือ ธารน้ำแข็ง มหาสมุทรอาร์กติก และสัตว์ขั้วโลกที่หาดูไม่ได้จากที่อื่น เราโชคดีมีโอกาสได้ไปเที่ยวกรีนแลนด์มา เลยอยากมาเล่าแบ่งปันประสบการ์ณ และหวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่อยากไปนะคะ : )






กรีนแลนด์.. สวรรค์บนธารน้ำแข็ง





กรีนแลนด์ ประเทศที่ไม่ได้เขียวเหมือนชื่อ! ทั้งประเทศมีแต่น้ำแข็ง ปลูกต้นไม้ไม่ขึ้นสักต้น และเราก็ดันมากรีนแลนด์ตอนหน้าหนาว ฤดูที่ทางตอนเหนือมืด 24 ชม. ไม่มีแสงอาทิตย์ทั้งวันตลอดเป็นเดือนๆ เดินทางด้วยเรือก็ไม่ได้ ไปไหนมาไหนต้องบินอย่างเดียว เพราะทะเลก็กลายเป็น น้ำแข็ง!





แน่นอนว่าเกินกว่า 80%ของที่นี่เป็นน้ำแข็ง มีคนอยู่อาศัยได้เพียงแค่ขอบๆของประเทศเท่านั้น เมืองเลยกระจุกแยกตัวกันเป็นหย่อมๆ เท่าที่ธรรมชาติจะอำนวย ในช่วงหน้าร้อนการเดินทางหลักที่นี่คือเรือ แต่พอถึงหน้าหนาว ทะเลเป็นน้ำแข็ง เดินเรือไม่ได้ ต้องเปลี่ยนมาบินอย่างเดียว เราเลยเลือกเดินทางจากเมือง Nuuk -> Kangeq -> Qoornoq และไปจบที่เมือง Kangerlussuaq



เราบินจากไอซ์แลน์มาลงที่เมือง Nuuk ของกรีนแลนด์ ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กแต่ก็ครบครัน รถเมล์ขับวนจอดทุกป้ายชั่วโมงเดียวก็ครบแล้ว



อากาศที่นี่ไม่เลวร้ายนัก ประมาณ -15 ํc มีพระอาทิตย์โผล่วันละสามสี่ชั่วโมง ได้เห็นสภาวะ White-out ครั้งแรกที่นี่ ลม หิมะใหม่ หิมะเก่า ตีกันจนฟุ้งขาว บังทุกอย่างสนิท เห็นเป็นแค่ลมสีขาวทึบพัดแรงๆผ่านหน้า ไม่สามารถกะระยะใกล้ไกลได้เลย บ้านสีสดๆที่เคยเห็นก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน รอบตัวมีแต่สีขาว ทั้งอันตรายทั้งมหัศจรรย์





กรีนแลนดิกบางคนมีหน้าตาคล้ายๆคนเอเชีย ตาเรียวๆเล็กๆ บางคนก็ฝรั่งนิดๆ เห็นแล้วระบุไม่ได้ว่าเค้ามาจากไหน ไม่อ๋อ เหมือนเวลาที่เจอคน จีน หรือ ญี่ปุ่น เราก็ไม่รู้ละเอียดถึงประวัติความเป็นมามากนัก

คนที่นั่นเล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนนู้น คนแทบไม่หลงเข้ามาที่นี่ ถ้ามีแขกมาเยือนทีถือว่าพิเศษมากๆ ก็จะชวนมาทานอาหารที่บ้าน พอทานเสร็จสามีก็ยินดีออกไปนอกบ้าน เหลือไว้แต่ภรรยากับแขกผู้มาเยือน บางหมู่บ้านก็มีงานประจำปี ที่ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน... ปิดไฟแล้วก็ XXXหมู่กัน แบบมืดๆ ไม่ให้รู้ว่าใครเป็นใคร อาจเป็นเพราะแบบนี้มั้ง เลยทำให้คนที่นี่หน้าตาหลากหลายมาก O_o



กรีนแลนด์เคยทดลองนำต้นไม้มาปลูก ใช้ต้นคริสมาสที่ขึ้นในที่หนาวๆได้มาประเดิม แต่ก็ไม่สำเร็จ ผ่านไปหลายสิบปี ต้นเพิ่งสูงได้เท่าเอวเราเอง แม้ดินและอากาศที่นี่จะไม่เอื้ออำนวยให้ปลูกผักผลไม้เท่าไหร่ แต่มีเนื้อทานนะ ก็เนื้อสัตว์แถวขั้วโลกเนี่ยแหละ สิงโตทะเลเอย ปลาวาฬเอย ในร้านอาหารไทยก็มีลาภปลาวาฬเป็นเมนูแนะนำ ( whale hunting ที่นี่ถูกกฏหมาย และล่ากันเยอะมาก! )





ของในซุปเปอร์ส่วนใหญ่จะขายแบบแช่แข็ง ถูกฟรีซไว้ตั้งแต่ตอนจับได้ ไม่ก็ตอน Import จากที่อื่นมา ถ้าอยากได้เนื้อสดต้องไปตลาดเฉพาะ นายพรานจะเอาสัตว์ที่จับได้มาวางขายไว้ที่นี่ แล้วแต่ว่าเค้าจะจับอะไรได้ วันนั้นที่ไปเค้าจับนกหน้าตาคล้าย เพนกวิ้นได้พอดีเลย TT



ก่อนนั่งเครื่องบินเล็กย้ายมาเมือง Kangerlussuaq คนหลายคนเตือนว่า หนึ่งวันที่นี่เหมือนหนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือนยาวนานเหมือนหนึ่งปี หนาวมากกกก เพราะอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ อุณหภูมิปกติประมาณ -37 ํc และไม่มีอะไรเลย มีแค่คนทำงานที่สนามบิน

ถึงไม่มีอะไร แต่สี่ห้าวันของเราที่นี่คุ้มมากได้ Hiking แบบเย็นสุดขั้ว, ข้ามทะเลสาบน้ำแข็ง, เดินบนภูเขาน้ำแข็ง และเจอตัว Musk ox ดาราดังของที่นี่



อ้อ นอกจากเครื่องบินเล็กแล้ว คนที่นี่ก็มีใช้ Snowmobile ที่วิ่งบนถนนก็ได้ บนหิมะก็ดี บนน้ำแข็งในทะเลก็ยังได้อีก! กรีนแลนดิกขับรถเก่งมาก หมุนซ้าย หมุนขวา ล้อฟรี บนถนนที่เป็นน้ำแข็งได้อย่างชำนาญ หยุดก็ง่ายแค่เอารถชนก้อนหิมะ  : )



นี่คือเจ้า Musk ox ! ทั้งคลานทั้งซ่อนถึงสี่ชั่วโมงเพื่อไม่ให้มันรู้ตัวแล้ววิ่งหนีไป ตัวจริงตัวใหญ่และขนเยอะมากกกก จนต้องหันไปถามพี่นายพรานว่า ล่าแล้วเอากลับบ้านยังไง เค้าบอกแล่เก็บแต่เนื้อส่วนที่กินได้ใส่เป้กลับ... ตอนเย็นเรากลับมาเจออีกสองตัวหน้าที่พัก มาทั้งตัวเลยแต่โดนตัดหัวออก นอนแผ่เต็มรถเข็น อืมมมม วิธีใคร วิธีมันเนอะ



เมืองนี้เล็กมากจริงๆ มีแค่สนามบินแล้วก็บ้านไม่กี่หลัง เสาไฟไม่กี่ต้น เหมือนไม่ใช่เมืองเป็นแค่ถนนที่มีบ้านคนประปรายมากกว่า เราอดถามไกด์ที่พาเรามา trekking ไม่ได้ว่า ทำไมเค้าถึงเลือกอยู่ที่นี่ เค้าบอกว่า "เพราะที่นี่สงบมาก ไม่มีคน เดินออกจากบ้านไม่กี่ก้าวก็เข้าเขตป่าแล้ว หิวก็แค่ออกไปล่าสัตว์ และเวลาได้นอนดูดาวบนหนังของตัว Musk ox ที่ฟอกเอง มันทั้งอุ่นสบาย และสงบมากจริงๆนะ" : )



พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ถูกปกคลุมด้วย Ice sheet มีมาตั้งแต่ดินแดนถูกค้นพบ มองออกไปจะเห็นภูเขาน้ำแข็งสีขาวๆ ยาวสุดลูกหูลูกตา ตอนที่เค้าพานั่งรถออกไปจากเมือง ไปเดินบนส่วนของน้ำแข็ง ก้มลงมองตรงเท้าที่ยืนอยู่จะเห็นเลยว่า ใสมากไม่มีอะไรเจือปนสักนิด และลึกจนเห็นชั้นดินเป็นสีดำ



ตอนนี้มีแค่กรีนแลนด์ กับแอนตาร์กติกา ที่ยังเหลือ Ice sheet อยู่ ส่วนประเทศอื่นที่เคยมี ก็ละลายไปหมดแล้ว



ในรูปนี้คือ Ice berg เป็นก้อนน้ำแข็งที่แตกออกมาจาก Glacier ลักษณะพิเศษของมันคือจะลอยอยู่ตามน้ำ และมีแค่ 10% เท่านั้นที่โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็น นอกนั้นจะจมอยู่ข้างใต้ ก้อนนี้เห็นไม่ใหญ่มากแต่เวลาขับเรือไปใกล้ๆต้องระวัง ไกด์บอกว่าข้างใต้ลึกถึง 42 เมตรแหนะ





ที่กรีนแลนด์นี้ เห็นแสงเหนือชัดกว่าที่ไอซ์แลนด์เยอะมาก แต่ละคนมีความเชื่อเกี่ยวกับแสงเหนือไม่เหมือนกัน บางคนก็ว่ามันเปลี่ยนรูปได้แต่ตาจะมองไม่เห็นทันที ต้องหันไปที่อื่นก่อน บางคนก็ว่าจะเห็นเฉพาะในที่ที่มืดสนิทเท่านั้น



เราเห็นแสงเหนือทั้งหมดสี่ครั้งด้วยกันแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย บางคืนก็มานิ่งๆอ่อนๆ ต้องดูผ่านเลนส์ถึงจะเห็น บางคืนก็เต้นไม่หยุด เปลี่ยนรูปไว และใหญ่คลุมทั้งเขา เอาซะตกใจจนลืมถ่าย



คนที่นี่บอกว่าจริงๆ แสงเหนือเนี่ย เค้ามีมาตลอดแหละ ทั้งกลางวันและกลางคืน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะโชคดีเห็นตอนไหน  : )
ชื่อสินค้า:   ประเทศกรีนแลนด์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่