เรื่องมีอยู่ว่า ดิฉันเป็นได้ไปสมัครทำงานบริษัทผลิต software แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ซึ่งเจ้าของบริษัทเป็น อาจารย์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากที่ลาออกจากที่ทำงานเดิม โดยทางบริษัทตกลงจะจ่ายเงินเดือนเป็นจำนวนเงิน 17,000 บาท แต่ในช่วงทดลองงาน จะจ่ายเป็นจำนวน 15,000 บาท ( คิดเป็นรายวัน) โดยจะต้องทำงาน 6 วัน ดิฉันเริ่มทำงานที่นี่ในเดือน กุมพาพันธ์ ที่ผ่านมา
ในบริษัทมีพนักงานประจำประมาณ 5-6 คน โดยเจ้านายให้ดิฉันทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเขาไปก่อนในช่วงทดลองงาน การทำงานก็ไม่ติดขัดอะไร เป็นการเรียนรู้งาน และค่อยๆถ่ายเทงานจากเจ้านาย แต่แปลกตรงที่ ทุกสัปดาห์มีการประชุมเพื่อปรับโครงสร้างการทำงานและทบทวนหน้าที่ของการทำงาน และการส่งงานก็ล่าช้าทุกครั้ง การเข้าไปประชุมกับลูกค้าเกือบทุกครั้ง ก็เหมือนไปพูดเรื่องเดิม ..... ในเดือนแรกดิฉันต้องไปทำงานต่างจังหวัด โดยเจ้านายรับปากว่าจะให้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติม ... เดือนแรกผ่านไป ดิฉันได้เงินเดือนเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท โดยเจ้านายบอกว่าเดี๋ยวจะโอนให้อีก
การทำงานยังคงดำเนินต่อไปในเดือนที่ 2 .... เดือนมีนาคม ก็มีการประชุมปรับโครงสร้างทุกอาทิตย์เหมือนเดิม แต่เดือนนี้ ค่อนข้างเครียด ดิฉันและเพื่อนร่วมงานต้องกลับบ้านดึกๆบ่อยครั้ง เพื่อที่จะเร่งงานส่งลูกค้า การส่งงานระบบไม่ค่อยผ่านการ test เพราะทำเสร็จเลยในวันที่จะขึ้นระบบ และในเดือนนี้ดิฉันก็ยังไม่ได้รับเงินที่เคยรับปากว่าจะได้เลย แต่เจ้านายยังคงทำตัวปกติทุกอย่าง ไปกินร้านอาหาร ไฮๆ กินกาแฟสตาร์บัค สุดท้ายในเดือนนี้ ก็ไม่ได้เงินส่วนที่ค้าง และไม่ได้เงินในส่วนของเดือนที่ 2 โดยทางเจ้านายรับปากว่าจะจ่ายให้ในเดือนที่ 3 ประมาณกลางเดือน แต่ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เจ้านายเรียกดิฉันเข้าไปคุยและพูดว่า "ผมอาจจะให้เงินเดือนคุณได้น้อยหน่อยแต่จะจ่ายให้จนครบจำนวนที่เราตกลงกันไว้แน่นอนโดยจะทยอยจ่าย ในเดือนนี้ จะมีพนักงานที่ต้องจากเราไป 2 คนเป็นพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็กของออฟฟิศ ...และการทำงานในเดือนที่ 2 ก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เงินซักบาทแต่พนักงานที่ทำงานคนอื่นๆ ( พี่ที่ทำงานมานาน) ได้คนละ 1,000-2,000 บาท
ในเดือนที่ 3 เป็นวันประเมินผ่านงาน เจ้านายบอกว่า ก็โอเคกับการทำงาน และจะขึ้นเงินเดือนให้เป็น 17,000 บาท ตามที่ตกลง แต่เราต้องเร่งปิดงานเพื่อจะเบิกเงิน โดยเจ้านายให้เหตุผลว่า "อยากได้เงินก็ต้องทำงาน" ก็ทำกันอยู่ทุกวัน เดือนนี้ดิฉันไม่มีเงินใช้เลย และจำเป็นจะต้องใช้เงินเก็บที่มีอยู่ และได้จากที่บ้านบ้าง (ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าคนอายุ 25 จะต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้)
ที่บ้านของดิฉันก็เริ่มสงสัย และได้โทรไปถามทางเจ้านาย วันนั้นเป็นวันที่ได้รู้ธาตุแท้ของบุคคลนี้ เขาพูดถึงดิฉันในทางที่ไม่ดี เช่น ทำงานแย่ ทำให้ส่งงานลูกค้าไม่ทันบ้างละ มาสายบ้างละ ขาดบ่อยบ้างละ ไม่มีระเบียบวินัยบ้างละ สารพัดจะหามาว่า ตอนนั้นดิฉันโมโหแทบจะระเบิด แต่ก็ต้องปล่อยไปก่อน แต่สิ่งที่ทำให้เสียความรู้สึกสุดๆเลยคือ เขาบอกกับที่บ้านว่า ให้เงินดิฉันเป็นรายวัน......และบอกต่ออีกว่า เรื่องที่เขาพูดทั้งหมด เขายังไม่ได้คุยกับดิฉันและฝากให้ที่บ้านทำความเข้าใจกับดิฉันด้วย
ตอนนั้นที่บ้านโกรธดิฉันมากที่ทำตัวไม่ดี แต่ดิฉันก็แก้ปัญหาด้วยการให้คุยกับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงบอกว่า เขาไม่อยากจะจ่ายเงิน จึงหาข้ออ้างต่างๆมากมาย
เดือนนี้เราเบิกเงินจากลูกค้าได้จำนวนหนึ่ง เจ้านายจ่ายให้เพียง 5,000 บาท (ตอนจ่ายดิฉันต้องเป็นคนไปทวง ทั้งๆที่คนอื่นไม่ต้องทวง) ตอนต้นเดือน และได้อีกที คือ 2,000 บาท ตอนสิ้นเดือน
ในเดือนที่ 4 ดิฉันตัดสินใจว่า จะทำงานเป็นเดือนสุดท้าย เพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุข ทำงานก็เครียด ไม่ได้เงินอีกก็เครียดหนัก.... แต่การทำงานพึ่งผ่านไป สัปดาห์เดียวดิฉันเริ่มรับไม่ได้กับ พฤติกรรม แย่ๆ และคำด่าทอที่เจ็บแสบ จากเขา จึงตัดสินใจลาออกทันที โดยไม่ต้องคิด และเขาสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้ภายในต้นเดือนถัดไป....
ในเดือนถัดมาประมาณต้นเดือนดิฉันก็ได้ทวงถาม แต่เขาบอกว่าเขาจะติดต่อกลับมาเอง....และหายไป ดิฉันจึงคุยกับน้องที่ออกๆไปก่อนหน้านี้ เขาบอกว่า เจ้านายบอกว่าจะจ่ายเงินให้กลางเดือน โดยจะให้ดิฉันกับน้องก่อนพนักงานคนอื่น ... ช่วงกลางเดือน คนอื่นๆได้รับเงินจากเขาเป็นหลักหมื่น แต่.... ดิฉันไม่ได้ จึงได้ทวงถาม วันรุ่งขึ้น เขาโอนมาให้แต่เป็นเงินจำนวนหลักพันต้นๆ โดยเขาบอกว่ารอสรุปวันทำงานแล้วจะติดต่อกลับมาอีกที
...... ดิฉันคิดจะไปฟ้องกรมแรงงาน หรือแจ้งความ แต่เพื่อนๆก็บอกว่าไม่อยากให้เป็นเรื่อง.... ประกอบกับที่บ้านไม่อยากให้แจ้งความเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะมันไม่คุ้ม ..... อีกหนึ่งความจริงที่ได้รับรู้คือ เขาจะทำแบบนี้กับพนักงานคนก่อนๆที่ออกไปแล้ว คือ ไม่ยอมจ่าย ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ หาข้ออ้างที่จะไม่จ่ายบ้าง จนคนทวงเบื่อและเลิกทวงไปเอง ....
สำหรับดิฉัน ถึงมันจะเป็นเงินน้อยนิด แต่มันก็เป็นเงินที่เราสมควรจะได้ เราไม่ได้ทำผิดอะไร... เราต้องแลกทั้งกำลังกาย กำลังใจ และ อยากทำให้เจ้านายคนนี้ได้รับรู้ว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมเขา" ดิฉันจึงพยายามทวงถามแต่ก็ได้รับคำตอบเดิมและคำพูดที่ว่า "ผมต้องทำงานแทนคุณ" , "คุณทำให้ผมกับทีมงานวุ่นวายมาก" มาแทน... จนตอนนี้จนปัญญาแล้วค่ะ
ดิฉันควรทำยังไง.....ต่อไปกับบุคคลนี้ คนที่หลายๆคนเรียกว่า .. อาจารย์ บ้าง ดร. บ้าง กับสิ่งที่เขาทำ ที่เขาแถ .... มันจะเรียกว่าอะไร ถ้าเรียกว่าเลว ... มันก็ดูจะเบาไป
ดิฉันเครียดมากค่ะ เพราะยังหางานไม่ได้ ไม่มีเงินใช้ เงินเก็บก็หมดแล้ว และยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายทั้ง ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ..... T T ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยค่ะ
ปล.ยืมล็อคอินพี่มาใช้ค่ะ
เจ้านายค้างเงินเดือนพนักงานร่วมแสน ทำอย่างไรดีคะ
ในบริษัทมีพนักงานประจำประมาณ 5-6 คน โดยเจ้านายให้ดิฉันทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเขาไปก่อนในช่วงทดลองงาน การทำงานก็ไม่ติดขัดอะไร เป็นการเรียนรู้งาน และค่อยๆถ่ายเทงานจากเจ้านาย แต่แปลกตรงที่ ทุกสัปดาห์มีการประชุมเพื่อปรับโครงสร้างการทำงานและทบทวนหน้าที่ของการทำงาน และการส่งงานก็ล่าช้าทุกครั้ง การเข้าไปประชุมกับลูกค้าเกือบทุกครั้ง ก็เหมือนไปพูดเรื่องเดิม ..... ในเดือนแรกดิฉันต้องไปทำงานต่างจังหวัด โดยเจ้านายรับปากว่าจะให้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติม ... เดือนแรกผ่านไป ดิฉันได้เงินเดือนเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท โดยเจ้านายบอกว่าเดี๋ยวจะโอนให้อีก
การทำงานยังคงดำเนินต่อไปในเดือนที่ 2 .... เดือนมีนาคม ก็มีการประชุมปรับโครงสร้างทุกอาทิตย์เหมือนเดิม แต่เดือนนี้ ค่อนข้างเครียด ดิฉันและเพื่อนร่วมงานต้องกลับบ้านดึกๆบ่อยครั้ง เพื่อที่จะเร่งงานส่งลูกค้า การส่งงานระบบไม่ค่อยผ่านการ test เพราะทำเสร็จเลยในวันที่จะขึ้นระบบ และในเดือนนี้ดิฉันก็ยังไม่ได้รับเงินที่เคยรับปากว่าจะได้เลย แต่เจ้านายยังคงทำตัวปกติทุกอย่าง ไปกินร้านอาหาร ไฮๆ กินกาแฟสตาร์บัค สุดท้ายในเดือนนี้ ก็ไม่ได้เงินส่วนที่ค้าง และไม่ได้เงินในส่วนของเดือนที่ 2 โดยทางเจ้านายรับปากว่าจะจ่ายให้ในเดือนที่ 3 ประมาณกลางเดือน แต่ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เจ้านายเรียกดิฉันเข้าไปคุยและพูดว่า "ผมอาจจะให้เงินเดือนคุณได้น้อยหน่อยแต่จะจ่ายให้จนครบจำนวนที่เราตกลงกันไว้แน่นอนโดยจะทยอยจ่าย ในเดือนนี้ จะมีพนักงานที่ต้องจากเราไป 2 คนเป็นพี่ชายคนโตและน้องสาวคนเล็กของออฟฟิศ ...และการทำงานในเดือนที่ 2 ก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เงินซักบาทแต่พนักงานที่ทำงานคนอื่นๆ ( พี่ที่ทำงานมานาน) ได้คนละ 1,000-2,000 บาท
ในเดือนที่ 3 เป็นวันประเมินผ่านงาน เจ้านายบอกว่า ก็โอเคกับการทำงาน และจะขึ้นเงินเดือนให้เป็น 17,000 บาท ตามที่ตกลง แต่เราต้องเร่งปิดงานเพื่อจะเบิกเงิน โดยเจ้านายให้เหตุผลว่า "อยากได้เงินก็ต้องทำงาน" ก็ทำกันอยู่ทุกวัน เดือนนี้ดิฉันไม่มีเงินใช้เลย และจำเป็นจะต้องใช้เงินเก็บที่มีอยู่ และได้จากที่บ้านบ้าง (ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าคนอายุ 25 จะต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้)
ที่บ้านของดิฉันก็เริ่มสงสัย และได้โทรไปถามทางเจ้านาย วันนั้นเป็นวันที่ได้รู้ธาตุแท้ของบุคคลนี้ เขาพูดถึงดิฉันในทางที่ไม่ดี เช่น ทำงานแย่ ทำให้ส่งงานลูกค้าไม่ทันบ้างละ มาสายบ้างละ ขาดบ่อยบ้างละ ไม่มีระเบียบวินัยบ้างละ สารพัดจะหามาว่า ตอนนั้นดิฉันโมโหแทบจะระเบิด แต่ก็ต้องปล่อยไปก่อน แต่สิ่งที่ทำให้เสียความรู้สึกสุดๆเลยคือ เขาบอกกับที่บ้านว่า ให้เงินดิฉันเป็นรายวัน......และบอกต่ออีกว่า เรื่องที่เขาพูดทั้งหมด เขายังไม่ได้คุยกับดิฉันและฝากให้ที่บ้านทำความเข้าใจกับดิฉันด้วย
ตอนนั้นที่บ้านโกรธดิฉันมากที่ทำตัวไม่ดี แต่ดิฉันก็แก้ปัญหาด้วยการให้คุยกับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงบอกว่า เขาไม่อยากจะจ่ายเงิน จึงหาข้ออ้างต่างๆมากมาย
เดือนนี้เราเบิกเงินจากลูกค้าได้จำนวนหนึ่ง เจ้านายจ่ายให้เพียง 5,000 บาท (ตอนจ่ายดิฉันต้องเป็นคนไปทวง ทั้งๆที่คนอื่นไม่ต้องทวง) ตอนต้นเดือน และได้อีกที คือ 2,000 บาท ตอนสิ้นเดือน
ในเดือนที่ 4 ดิฉันตัดสินใจว่า จะทำงานเป็นเดือนสุดท้าย เพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุข ทำงานก็เครียด ไม่ได้เงินอีกก็เครียดหนัก.... แต่การทำงานพึ่งผ่านไป สัปดาห์เดียวดิฉันเริ่มรับไม่ได้กับ พฤติกรรม แย่ๆ และคำด่าทอที่เจ็บแสบ จากเขา จึงตัดสินใจลาออกทันที โดยไม่ต้องคิด และเขาสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้ภายในต้นเดือนถัดไป....
ในเดือนถัดมาประมาณต้นเดือนดิฉันก็ได้ทวงถาม แต่เขาบอกว่าเขาจะติดต่อกลับมาเอง....และหายไป ดิฉันจึงคุยกับน้องที่ออกๆไปก่อนหน้านี้ เขาบอกว่า เจ้านายบอกว่าจะจ่ายเงินให้กลางเดือน โดยจะให้ดิฉันกับน้องก่อนพนักงานคนอื่น ... ช่วงกลางเดือน คนอื่นๆได้รับเงินจากเขาเป็นหลักหมื่น แต่.... ดิฉันไม่ได้ จึงได้ทวงถาม วันรุ่งขึ้น เขาโอนมาให้แต่เป็นเงินจำนวนหลักพันต้นๆ โดยเขาบอกว่ารอสรุปวันทำงานแล้วจะติดต่อกลับมาอีกที
...... ดิฉันคิดจะไปฟ้องกรมแรงงาน หรือแจ้งความ แต่เพื่อนๆก็บอกว่าไม่อยากให้เป็นเรื่อง.... ประกอบกับที่บ้านไม่อยากให้แจ้งความเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะมันไม่คุ้ม ..... อีกหนึ่งความจริงที่ได้รับรู้คือ เขาจะทำแบบนี้กับพนักงานคนก่อนๆที่ออกไปแล้ว คือ ไม่ยอมจ่าย ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ หาข้ออ้างที่จะไม่จ่ายบ้าง จนคนทวงเบื่อและเลิกทวงไปเอง ....
สำหรับดิฉัน ถึงมันจะเป็นเงินน้อยนิด แต่มันก็เป็นเงินที่เราสมควรจะได้ เราไม่ได้ทำผิดอะไร... เราต้องแลกทั้งกำลังกาย กำลังใจ และ อยากทำให้เจ้านายคนนี้ได้รับรู้ว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมเขา" ดิฉันจึงพยายามทวงถามแต่ก็ได้รับคำตอบเดิมและคำพูดที่ว่า "ผมต้องทำงานแทนคุณ" , "คุณทำให้ผมกับทีมงานวุ่นวายมาก" มาแทน... จนตอนนี้จนปัญญาแล้วค่ะ
ดิฉันควรทำยังไง.....ต่อไปกับบุคคลนี้ คนที่หลายๆคนเรียกว่า .. อาจารย์ บ้าง ดร. บ้าง กับสิ่งที่เขาทำ ที่เขาแถ .... มันจะเรียกว่าอะไร ถ้าเรียกว่าเลว ... มันก็ดูจะเบาไป
ดิฉันเครียดมากค่ะ เพราะยังหางานไม่ได้ ไม่มีเงินใช้ เงินเก็บก็หมดแล้ว และยังมีหนี้สินที่ต้องจ่ายทั้ง ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ..... T T ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยค่ะ
ปล.ยืมล็อคอินพี่มาใช้ค่ะ