ขอเท้าความยาวหน่อยนะคะ เพื่อความละเอียดของการข้อความคิดเห็นค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ค่ะ
ดิฉันทำงานในบริษัทนี้มานานเกือบ 2 ปี ดิฉันเป้นบุคลากรที่ทำงานที่บริษัทแห่งนี้นานเป็นอันดับที่ 2 รองจากแม่บ้านอีกคน และเนื่องด้วยความเอาเปรียบที่ดิฉันรับไม่ได้ เช่นไล่พนักงานออกแบบไม่มีความผิด และไม่จ่ายเงินชดเชย ไม่จ่ายเงินเดือนตามหลัง เปลี่ยนกฎบริษัททุก 2 เดือน ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โบนัสลดลง ทั้งที่ผลประกอบการดีขึ้นประมาณ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ มีพนักงานเข้าออกทุกๆเดือน เนื่องจากรับการกระทำและระบบขององกรณ์ไม่ไหว บางคนทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็โดนเรียกไปลดเงินเดือนครึ่งนึงด้วยเหตุผลที่แย่มากคือ ฉันคิดว่าคุณทำงานไม่เหมาะสมกับค่าจ้าง (คล้ายกับการไล่ออกทางอ้อมเลยค่ะ)
ดิฉันเห็นเรื่องเหล่านี้มาตลอด 2 ปี ที่ดิฉันอยู่ได้เพราะคิดว่าการออกจากงานบ่อยๆมันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก จึงทนทำค่ะ แต่ตัวดิฉันเองก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงานนี้ (ใจไม่อยู่) จึงเคยเข้าไปคุยแล้วว่าจะขอออก แต่ทางบริษัทก็ขอร้องให้ทำงานต่อ โดยมีขอเสนอในการพาไปดูงานต่างประเทศค่ะ ดิฉันจึงอยู่ทำงานต่อเพราะคิดถึงอนาคต ทำอยู่ได้อีกประมาณ 2 เดือน เรียกดิฉันไปคุยว่าจะไม่มีการไปดูงานต่างประเทศเพราะจะจ่ายเป็นโบนัสแทน (น้อยกว่าปีก่อนถึง 2 เท่า) และมีอีกหลายเรื่องค่ะ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกถูกเอาเปรียบ จึงทำจดหมายลาออกยื่นให้กับทางบริษัท(เคลียงานทุกอย่าง) และลงวันที่ให้มีผลในวันดังกล่าว พร้อมทั้งมีจดหมายแนบในการชี้แจงสิ่งของๆบริษัทที่ต้องคืนว่าครบถ้วน (พร้อมสิ่งของๆบริษัท)
เว้นแต่เรื่องของเงินกู้ยืมบริษัท ที่ดิฉันได้ทำการข้อกู้กับทางบริษัท
ดิฉันกู้ยืมบริษัทเป็นเงินจำนวนหนึ่ง และได้ทำเรื่องคืนเดือนละ 10,000 บาท โดยบริษัทได้ทำการหักออกจากเงินเดือนทุกสิ้นเดือน จนเดือนสุดท้ายที่ฉันออก(กลางเดือน) มียอดคงเหลือที่ต้องชำระเป็นงวดสุดท้าย 10,000 บาท ดิฉันจึงทำจดหมายแนบชี้แจงในใบลาออกว่า ดิฉันทำงานในเดือนนั้น 10 วันทำการ จะเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระกับทางบริษัทในงวดสุดท้าย
จะเท่ากับจำนวนเงิน x,xxx บาท (xx,xxx หาร 20 วัน)
ค่าน้ำมัน + ค่าบำรุงรักษา x,xxx บาท (x,xxx หาร 20 วัน)
ไม่รวมค่าคอมมิชชั่นและค่าที่จอดรถค้างจ่ายทั้งของเดือนที่แล้วและเดือนนี้ (รวมเป็นจำนวนเงินที่เกินจากที่ดิฉันจะต้องโดนหักค่ะ)
จึงขอให้ทางบริษัทหักตามปกติ ก็จะเท่ากับว่าดิฉันไม่ได้ติดหนี้บริษัทแต่อย่างใด
ดิฉันคิดว่าน่าจะจบด้วยดี เพราะสิ้นเดือนที่ออกจากงาน ไม่มีเงินเดือนเข้ามา รวมทั้งคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดิฉันไม่ได้ติดใจเงินที่เหลือจากการหักหนี้ในงวดสุดท้าย เพราะทุกคนที่ออกจากบริษัทนี้ไม่เคยได้เงินย้อนหลังค่ะ (ง่ายๆนะคะ คือทำใจแต่แรกว่าจะไม่ได้เงินที่เหลือ)
แต่แล้ว 2 เดือนต่อมา มีหนังสือเรียกตัวจากศาลแรงงานกลาง
ในจดหมายเรียกนั้น
โจทย์ ให้จ่ายค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างเป็นเงิน 200,000 บาท เนื่องจากทำให้บริษัทต้องรีบหาคนมาทำหน้าที่แทน และจ่ายเงินตามสัญญากู้ 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินแต่ละจำนวน นับตั้งแต่วันฟ้อง
โจทย์ได้มีการชี้แจงมาในเอกสารแนบของศาลว่า ได้ส่งหนังสือทวงถามดิฉันให้ชำระเงินภายในสิ้นเดือนที่ดิฉันออก แต่จำเลยกลับเพิกเฉย … >>> ดิฉันเองไม่ได้รับหนังสือแจ้งใดๆค่ะ
ทั้งๆที่ดิฉันได้มีการส่งe-mailถึงบริษัทในการขอหนังสือ 50 ทวิ มีการถามตอบในการได้รับเอกสาร 50ทวิหรือไม่ แต่ทางบริษัทก็ไม่มีการทวงถามเรื่องเงินกู้ หรือเรื่องที่ไม่พอใจดิฉัน ทั้งทางe-mailหรือทางโทรศัพท์ หรือการติดต่อใดๆจากบริษัท
ดิฉันได้แต่เพียงจดหมายเรียกเพื่อให้ไปไกล่เกลี่ย เป็นเอกสารที่เป็นcopy ไม่มีซอง มีแต่ตัวเอกสาร เสียบที่รั้วบ้าน(บ้านดิฉันมีตู้จดหมายนะคะ) ในช่วงสายของวันนี้ค่ะ
ดิฉันจึงขอปรึกษา และขอคำแนะนำค่ะ ว่า
-ดิฉันควรจะต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีคะ ดิฉันไม่เคยขึ้นศาลหรือมีคดีความค่ะ
- ต้องจ้างทนายหรือไม่ ทางดิฉันจะชนะคดีหรือไม่ เงิน 2 แสน ในการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับดิฉันมันมากมายมากนะคะ
ปล. ในระหว่างนี้ มีลูกค้าของทางบริษัทติดต่อดิฉันมาทางไลน์เพื่อออเดอร์หรือซักถามการใช้ผลิตภัณฑ์ ดิฉันก็ตอบด้วยความต็มใจ และมีการส่งต่อออเดอร์ให้กับคนในบริษัททางไลน์ พร้อมทั้งบอกกับลูกค้าให้ติดต่อทางบริษัทเบอร์ออฟฟิศข้อมูลจะได้ไม่ตกหล่น ทุกข้อความที่คุยดิฉันมีเก็บไว้หมดค่ะ รวมทั้ง e-mailที่คุยกันเรื่องทวง 50 ทวิเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เก็บไว้ค่ะ
Log in นี้เป็นของพี่ชายที่รู้จักค่ะ ถ้าแท็กห้องผิดข้อโทษด้วยนะคะ
ขอคำปรึกษาค่ะ มีหมายศาลเรียกไปไกล่เลี่ยที่ศาลแรงงานกลาง
ดิฉันทำงานในบริษัทนี้มานานเกือบ 2 ปี ดิฉันเป้นบุคลากรที่ทำงานที่บริษัทแห่งนี้นานเป็นอันดับที่ 2 รองจากแม่บ้านอีกคน และเนื่องด้วยความเอาเปรียบที่ดิฉันรับไม่ได้ เช่นไล่พนักงานออกแบบไม่มีความผิด และไม่จ่ายเงินชดเชย ไม่จ่ายเงินเดือนตามหลัง เปลี่ยนกฎบริษัททุก 2 เดือน ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โบนัสลดลง ทั้งที่ผลประกอบการดีขึ้นประมาณ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ มีพนักงานเข้าออกทุกๆเดือน เนื่องจากรับการกระทำและระบบขององกรณ์ไม่ไหว บางคนทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็โดนเรียกไปลดเงินเดือนครึ่งนึงด้วยเหตุผลที่แย่มากคือ ฉันคิดว่าคุณทำงานไม่เหมาะสมกับค่าจ้าง (คล้ายกับการไล่ออกทางอ้อมเลยค่ะ)
ดิฉันเห็นเรื่องเหล่านี้มาตลอด 2 ปี ที่ดิฉันอยู่ได้เพราะคิดว่าการออกจากงานบ่อยๆมันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก จึงทนทำค่ะ แต่ตัวดิฉันเองก็เริ่มรู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงานนี้ (ใจไม่อยู่) จึงเคยเข้าไปคุยแล้วว่าจะขอออก แต่ทางบริษัทก็ขอร้องให้ทำงานต่อ โดยมีขอเสนอในการพาไปดูงานต่างประเทศค่ะ ดิฉันจึงอยู่ทำงานต่อเพราะคิดถึงอนาคต ทำอยู่ได้อีกประมาณ 2 เดือน เรียกดิฉันไปคุยว่าจะไม่มีการไปดูงานต่างประเทศเพราะจะจ่ายเป็นโบนัสแทน (น้อยกว่าปีก่อนถึง 2 เท่า) และมีอีกหลายเรื่องค่ะ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกถูกเอาเปรียบ จึงทำจดหมายลาออกยื่นให้กับทางบริษัท(เคลียงานทุกอย่าง) และลงวันที่ให้มีผลในวันดังกล่าว พร้อมทั้งมีจดหมายแนบในการชี้แจงสิ่งของๆบริษัทที่ต้องคืนว่าครบถ้วน (พร้อมสิ่งของๆบริษัท)
เว้นแต่เรื่องของเงินกู้ยืมบริษัท ที่ดิฉันได้ทำการข้อกู้กับทางบริษัท
ดิฉันกู้ยืมบริษัทเป็นเงินจำนวนหนึ่ง และได้ทำเรื่องคืนเดือนละ 10,000 บาท โดยบริษัทได้ทำการหักออกจากเงินเดือนทุกสิ้นเดือน จนเดือนสุดท้ายที่ฉันออก(กลางเดือน) มียอดคงเหลือที่ต้องชำระเป็นงวดสุดท้าย 10,000 บาท ดิฉันจึงทำจดหมายแนบชี้แจงในใบลาออกว่า ดิฉันทำงานในเดือนนั้น 10 วันทำการ จะเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องชำระกับทางบริษัทในงวดสุดท้าย
จะเท่ากับจำนวนเงิน x,xxx บาท (xx,xxx หาร 20 วัน)
ค่าน้ำมัน + ค่าบำรุงรักษา x,xxx บาท (x,xxx หาร 20 วัน)
ไม่รวมค่าคอมมิชชั่นและค่าที่จอดรถค้างจ่ายทั้งของเดือนที่แล้วและเดือนนี้ (รวมเป็นจำนวนเงินที่เกินจากที่ดิฉันจะต้องโดนหักค่ะ)
จึงขอให้ทางบริษัทหักตามปกติ ก็จะเท่ากับว่าดิฉันไม่ได้ติดหนี้บริษัทแต่อย่างใด
ดิฉันคิดว่าน่าจะจบด้วยดี เพราะสิ้นเดือนที่ออกจากงาน ไม่มีเงินเดือนเข้ามา รวมทั้งคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดิฉันไม่ได้ติดใจเงินที่เหลือจากการหักหนี้ในงวดสุดท้าย เพราะทุกคนที่ออกจากบริษัทนี้ไม่เคยได้เงินย้อนหลังค่ะ (ง่ายๆนะคะ คือทำใจแต่แรกว่าจะไม่ได้เงินที่เหลือ)
แต่แล้ว 2 เดือนต่อมา มีหนังสือเรียกตัวจากศาลแรงงานกลาง
ในจดหมายเรียกนั้น
โจทย์ ให้จ่ายค่าเสียหายจากการผิดสัญญาจ้างเป็นเงิน 200,000 บาท เนื่องจากทำให้บริษัทต้องรีบหาคนมาทำหน้าที่แทน และจ่ายเงินตามสัญญากู้ 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินแต่ละจำนวน นับตั้งแต่วันฟ้อง
โจทย์ได้มีการชี้แจงมาในเอกสารแนบของศาลว่า ได้ส่งหนังสือทวงถามดิฉันให้ชำระเงินภายในสิ้นเดือนที่ดิฉันออก แต่จำเลยกลับเพิกเฉย … >>> ดิฉันเองไม่ได้รับหนังสือแจ้งใดๆค่ะ
ทั้งๆที่ดิฉันได้มีการส่งe-mailถึงบริษัทในการขอหนังสือ 50 ทวิ มีการถามตอบในการได้รับเอกสาร 50ทวิหรือไม่ แต่ทางบริษัทก็ไม่มีการทวงถามเรื่องเงินกู้ หรือเรื่องที่ไม่พอใจดิฉัน ทั้งทางe-mailหรือทางโทรศัพท์ หรือการติดต่อใดๆจากบริษัท
ดิฉันได้แต่เพียงจดหมายเรียกเพื่อให้ไปไกล่เกลี่ย เป็นเอกสารที่เป็นcopy ไม่มีซอง มีแต่ตัวเอกสาร เสียบที่รั้วบ้าน(บ้านดิฉันมีตู้จดหมายนะคะ) ในช่วงสายของวันนี้ค่ะ
ดิฉันจึงขอปรึกษา และขอคำแนะนำค่ะ ว่า
-ดิฉันควรจะต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีคะ ดิฉันไม่เคยขึ้นศาลหรือมีคดีความค่ะ
- ต้องจ้างทนายหรือไม่ ทางดิฉันจะชนะคดีหรือไม่ เงิน 2 แสน ในการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับดิฉันมันมากมายมากนะคะ
ปล. ในระหว่างนี้ มีลูกค้าของทางบริษัทติดต่อดิฉันมาทางไลน์เพื่อออเดอร์หรือซักถามการใช้ผลิตภัณฑ์ ดิฉันก็ตอบด้วยความต็มใจ และมีการส่งต่อออเดอร์ให้กับคนในบริษัททางไลน์ พร้อมทั้งบอกกับลูกค้าให้ติดต่อทางบริษัทเบอร์ออฟฟิศข้อมูลจะได้ไม่ตกหล่น ทุกข้อความที่คุยดิฉันมีเก็บไว้หมดค่ะ รวมทั้ง e-mailที่คุยกันเรื่องทวง 50 ทวิเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เก็บไว้ค่ะ
Log in นี้เป็นของพี่ชายที่รู้จักค่ะ ถ้าแท็กห้องผิดข้อโทษด้วยนะคะ