การก้าวสู่การเป็น “ผู้ประกอบการ” นั่นคือ การเป็นผู้ยอมรับ ‘ความเสี่ยง’ โนโลกของธุรกิจการเงิน ความเสี่ยงที่ว่านั้นมีความเป็นไปได้ทั้ง ‘กำไร’ และ ‘ขาดทุน’ ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเสี่ยงนั้นก็คือ ‘เวลาและเงินออม‘ เพราะเมื่อกิจการไม่ดี ทั้งเวลาและเงินออมที่เก็บหอมรอมริบมาอย่างยากลำบากก็จะต้องสูญเสียไป แต่ในทางกลับกันหากกิจการเป็นไปด้วยดี ผู้ประกอบการก็จะได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ
เพื่อการเข้าสู่ความพร้อมในการเป็น “ผู้ประกอบการ” มี 5 เรื่องหลักที่คุณต้องตรวจสอบและที่คุณต้องเตรียมตัว หรือต้องรู้ มาแนะนำดังนี้
1.
วินิจฉัยตัวเอง คุณมีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับการเป็นผู้ประกอบการแล้วหรือไม่? ตอบคำถามเหล่านี้
- คุณตั้งใจที่บรรลุความสำเร็จให้ได้มากกว่าที่คาดหวังไว้หรือไม่?
- คุณยินดีทำงานมากกว่าวันละ 10-12 ชั่วโมงติดต่อกันแล้วหรือไม่?
- คุณพร้อมจะเอาเงินทุนของตัวเองมาเสี่ยงแล้วหรือไม่?
- คุณมีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการสร้างธุรกิจ ด้วยการเผชิญงานหนัก แม้โอกาสของความสำเร็จจะมีไม่มากนักได้หรือไม่?
- คุณพร้อมที่จะเผชิญศัตรูที่มีอำนาจมากกว่าหรือไม่?
2.
การสร้างตัวแบบทางธุรกิจและกลยุทธ์ คือ การตัดสินใจทางธุรกิจของแหล่งที่มาของรายได้ ต้นทุนของกิจการ และปัจจัยแห่งความสำเร็จ
แหล่งที่มาของรายได้ - เงินจำนวนนี้ได้มาจากอะไรบ้าง ยอดขาย ค่าบริการ ค่าโฆษณา อื่นๆ
สิ่งที่ทำให้เกิดต้นทุน - อะไรคือต้นทุน? ค่าแรง วัตถุดิบที่ซื้อมาเก็บไว้ เชื้อเพลิง
ขนาดของการลงทุน - คือการลงทุนที่ใช้เพื่อตั้งธุรกิจเป็นจำนวนเท่าไหร่? รวมทั้ง เงินทุนหมุนเวียน ที่ทำให้ธุรกิจดำเนินงานต่อไปได้ด้วย
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - อาทิ ความสามารถในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหญ่ ภายในระยะเวลาที่กำหนด
3.
การเติบโตของกิจการ โดยคุณต้องถาม 3 คำถามนี้กับตัวเอง
กลยุทธ์ที่ใช้มีความยั่งยืนหรือไม่? มีสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจจนทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งวัดผลจาก “การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้” นั่นเอง
มีความได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์ อันนำไปสู่ความสำเร็จที่จะขยายเข้าไปสู่ตลาดอื่นได้หรือไม่? โดยตลาดอื่นนั้นอาจจะเป็นภูมิภาคอื่นที่คุณยังไม่ได้ไปจัดจำหน่าย หรือปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้มีความละเอียดหรือสามารถแยกประเภทผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น อาทิ รส กลิ่น สี เป็นต้น
การขยายขนาดของธุรกิจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่?โดยการสร้างการเติบโตของยอดขาย เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก โดยเฉพาะธุรกิจบริการ คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจ้างคนที่มีคุณสมบัติ หรือ “จ้างคนเก่ง” เข้ามาเรื่อยๆถ้าหวังที่จะเติบโต
4.
ทำความเข้าใจงบการเงิน เพราะเป็นเอกสารสำคัญสำหรับธุรกิจ ด้านฝ่าย “ทีมบริหาร” ก็จะเอามาใช้ประเมิณผลปฏิบัติงาน ส่วน “ผู้ถือหุ้น” จะติดตามดูว่าเงินลงทุนของตนได้รับการบริหารดีเพียงใด และสำหรับ ‘ผู้ลงทุนภายนอก” ก็จะใช้ดูว่ามีโอกาสหรือมีความเหมาะสมที่ควรจะเข้าไปลงทุนด้วยหรือไม่ ทั้ง งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด
นอกจากนั้น ควรทำความเข้าใจ “อัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของคุณด้วย”
5.
เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะการจะเติบโตต่อไปจำเป็นต้องอาศัยเงินลงทุนเพิ่มเติม เพื่อกระจายความมั่งคั่ง เพื่อนำพาธุรกิจให้ขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น หรือเพื่อลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยมี 2 วิธีการ คือ
การขายกิจการ โดยเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชน (IPO) และ การควบรวมและซื้อกิจการ (Acquisitions) เพื่อมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจหลัก เพื่อประสิทธิภาพในการแข่งขันสูงขึ้น และทำให้การดำเนินงานมั่นคง
การเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวคุณเองนั้น มีทั้ง “โอกาส” มี “ความก้าวหน้า” และ “ความเสี่ยงต่อความล้มเหลว” ควบคู่กันไป ดังนั้น ทุกกิจกรรมและทุกๆการตัดสินใจที่คุณทำเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง คุณพึงต้องมีทั้ง “ความรู้รอบด้าน” และ “ความมีสติที่ต้องเผชิญกับปัญหาด้วย”
Credit : TerraBKK
=====================================================================================
ติดตามข่าวสาร ศูนย์รวมความรู้-บทความเรื่องการลงทุน,อสังหา, และธุรกิจ ได้ที่
Thinkvestment Fanpage :
https://www.facebook.com/thinkvestment
=== การก้าวสู่การเป็น “ผู้ประกอบการ” นั่นคือ การเป็นผู้ยอมรับ ‘ความเสี่ยง’ ===
การก้าวสู่การเป็น “ผู้ประกอบการ” นั่นคือ การเป็นผู้ยอมรับ ‘ความเสี่ยง’ โนโลกของธุรกิจการเงิน ความเสี่ยงที่ว่านั้นมีความเป็นไปได้ทั้ง ‘กำไร’ และ ‘ขาดทุน’ ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเสี่ยงนั้นก็คือ ‘เวลาและเงินออม‘ เพราะเมื่อกิจการไม่ดี ทั้งเวลาและเงินออมที่เก็บหอมรอมริบมาอย่างยากลำบากก็จะต้องสูญเสียไป แต่ในทางกลับกันหากกิจการเป็นไปด้วยดี ผู้ประกอบการก็จะได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ
เพื่อการเข้าสู่ความพร้อมในการเป็น “ผู้ประกอบการ” มี 5 เรื่องหลักที่คุณต้องตรวจสอบและที่คุณต้องเตรียมตัว หรือต้องรู้ มาแนะนำดังนี้
1. วินิจฉัยตัวเอง คุณมีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับการเป็นผู้ประกอบการแล้วหรือไม่? ตอบคำถามเหล่านี้
- คุณตั้งใจที่บรรลุความสำเร็จให้ได้มากกว่าที่คาดหวังไว้หรือไม่?
- คุณยินดีทำงานมากกว่าวันละ 10-12 ชั่วโมงติดต่อกันแล้วหรือไม่?
- คุณพร้อมจะเอาเงินทุนของตัวเองมาเสี่ยงแล้วหรือไม่?
- คุณมีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการสร้างธุรกิจ ด้วยการเผชิญงานหนัก แม้โอกาสของความสำเร็จจะมีไม่มากนักได้หรือไม่?
- คุณพร้อมที่จะเผชิญศัตรูที่มีอำนาจมากกว่าหรือไม่?
2. การสร้างตัวแบบทางธุรกิจและกลยุทธ์ คือ การตัดสินใจทางธุรกิจของแหล่งที่มาของรายได้ ต้นทุนของกิจการ และปัจจัยแห่งความสำเร็จ
แหล่งที่มาของรายได้ - เงินจำนวนนี้ได้มาจากอะไรบ้าง ยอดขาย ค่าบริการ ค่าโฆษณา อื่นๆ
สิ่งที่ทำให้เกิดต้นทุน - อะไรคือต้นทุน? ค่าแรง วัตถุดิบที่ซื้อมาเก็บไว้ เชื้อเพลิง
ขนาดของการลงทุน - คือการลงทุนที่ใช้เพื่อตั้งธุรกิจเป็นจำนวนเท่าไหร่? รวมทั้ง เงินทุนหมุนเวียน ที่ทำให้ธุรกิจดำเนินงานต่อไปได้ด้วย
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ - อาทิ ความสามารถในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหญ่ ภายในระยะเวลาที่กำหนด
3. การเติบโตของกิจการ โดยคุณต้องถาม 3 คำถามนี้กับตัวเอง
กลยุทธ์ที่ใช้มีความยั่งยืนหรือไม่? มีสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจจนทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งวัดผลจาก “การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้” นั่นเอง
มีความได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์ อันนำไปสู่ความสำเร็จที่จะขยายเข้าไปสู่ตลาดอื่นได้หรือไม่? โดยตลาดอื่นนั้นอาจจะเป็นภูมิภาคอื่นที่คุณยังไม่ได้ไปจัดจำหน่าย หรือปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้มีความละเอียดหรือสามารถแยกประเภทผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น อาทิ รส กลิ่น สี เป็นต้น
การขยายขนาดของธุรกิจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่?โดยการสร้างการเติบโตของยอดขาย เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก โดยเฉพาะธุรกิจบริการ คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจ้างคนที่มีคุณสมบัติ หรือ “จ้างคนเก่ง” เข้ามาเรื่อยๆถ้าหวังที่จะเติบโต
4. ทำความเข้าใจงบการเงิน เพราะเป็นเอกสารสำคัญสำหรับธุรกิจ ด้านฝ่าย “ทีมบริหาร” ก็จะเอามาใช้ประเมิณผลปฏิบัติงาน ส่วน “ผู้ถือหุ้น” จะติดตามดูว่าเงินลงทุนของตนได้รับการบริหารดีเพียงใด และสำหรับ ‘ผู้ลงทุนภายนอก” ก็จะใช้ดูว่ามีโอกาสหรือมีความเหมาะสมที่ควรจะเข้าไปลงทุนด้วยหรือไม่ ทั้ง งบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด
นอกจากนั้น ควรทำความเข้าใจ “อัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของคุณด้วย”
5. เวลาแห่งการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะการจะเติบโตต่อไปจำเป็นต้องอาศัยเงินลงทุนเพิ่มเติม เพื่อกระจายความมั่งคั่ง เพื่อนำพาธุรกิจให้ขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น หรือเพื่อลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยมี 2 วิธีการ คือ
การขายกิจการ โดยเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชน (IPO) และ การควบรวมและซื้อกิจการ (Acquisitions) เพื่อมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจหลัก เพื่อประสิทธิภาพในการแข่งขันสูงขึ้น และทำให้การดำเนินงานมั่นคง
การเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวคุณเองนั้น มีทั้ง “โอกาส” มี “ความก้าวหน้า” และ “ความเสี่ยงต่อความล้มเหลว” ควบคู่กันไป ดังนั้น ทุกกิจกรรมและทุกๆการตัดสินใจที่คุณทำเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง คุณพึงต้องมีทั้ง “ความรู้รอบด้าน” และ “ความมีสติที่ต้องเผชิญกับปัญหาด้วย”
Credit : TerraBKK
=====================================================================================
ติดตามข่าวสาร ศูนย์รวมความรู้-บทความเรื่องการลงทุน,อสังหา, และธุรกิจ ได้ที่
Thinkvestment Fanpage : https://www.facebook.com/thinkvestment