เรื่องนี้แต่งขึ้นมาเล่นๆนะคะ ออกจะน่าเบื่อหน่อย อยากเปลี่ยนแนวน่ะค่ะ
เนื่องจากเรื่องหลักปัจจุบันที่แต่งอยู่เริ่มสมองตันคิดคำไม่ออกแล้วค่ะ T . T
ยังไงก็เอาเรื่องน่าเบื่อๆนี่ไปอ่านเล่นก่อนนะคะ...... orz
จะแต่งจบรึเปล่าไม่แน่ใจจจจจ เพราะพยายามเปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเอง
อยากเขียนไรเบาๆหวานๆบ้าง เผื่อจะเลิกตันกันเรื่องหลักอันแสนมืดมนซักที.............
ใครที่หลงเข้ามาก็........ ขอบคุณที่อ่านนะคะ ยังไงก็ฝากเรื่องหลักไว้ในอ้อมอกด้วยยย
เรื่องหลัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/33849174
ปล. ขอโทษที่ตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะ ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกน่ะค่ะ
ยังไงช่วยติชมด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ ;__;
เรื่องนี้วันนี้จะแต่งไปเรื่อยๆในคอมเม้นนะคะ
ⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾ
ครืด…ครืด….
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนสั่นขึ้น
“..ฮัลโหล” ชายหนุ่มคนที่นอนอยู่บนเตียงบิดตัวมาตอบโทรศัพท์ด้วยท่าทางมึนงง “อืมๆ …ได้ๆ…” เขาตอบปลายสายไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาเท่าไหร่นัก
ทันทีที่ปลายสายตัดไปเขาก็คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงที่เดิมกับที่มันถูกวางอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็ขดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆของเขาอีกครั้ง
“ฮ้าวววว” เขาลุกพรวดขึ้นมาบิดขี้เกียจไปมา พยายามไล่ความง่วงออกไป รู้ดีว่าหากยังคงขดอยู่บนเตียงแบบนี้อีกคงได้ออกจากบ้านสายแน่
ร่างสูงก้าวเท้าลงจากเตียง เขาเซไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มไปเมื่อคืนก่อนยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเขาเล็กน้อย
“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย มองเตียงของตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเขาก็คว้ากางเกงยีนส์สีมืดที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมา
ร่างสูงใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นานนัก แล้วเขาก็รีบออกจากบ้านมาในสภาพเสื้อนักเรียนยับๆกับกางเกงยีนส์สีหม่นๆซึ่งไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียนแน่นอน หลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำแถบลายสีเขียว ส่วนในมือก็ถือโทรศัพท์ที่ชาร์ตอยู่กับพาวเวอร์แบงค์สีชมพูที่โดดเด่นจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของผู้ชายตัวสูงเก้งก้างคนนี้
เขาใช้เวลาเท่าๆกับวันอื่นๆในการพาร่างมึนๆของตัวเองมาจนถึงหน้าโรงเรียน และดูเหมือนว่าวันนี้เขาก็สายเหมือนกับวันอื่นๆอีกแล้ว แม้ว่าวันนี้จะมีคนโทรมาปลุกก็เถอะ
“ทินกร? You are late again? Next time you’re gonna get a detention for sure.” ทันทีที่’ทินกร’หรือ’ทิตย์’เปิดประตูห้อง อาจารย์ก็ถอนหายใจทันที
“Sorry, sir.” ทิตย์ยกมุมปากขึ้นยิ้มให้อาจารย์
อาจารย์หันกลับไปอธิบายเนื้อหาบนสไลด์ต่อ ส่วนทิตย์ก็วางกระเป๋าเป้ของเขาลงบนโต๊ะตัวหลังสุดของห้อง เขาพยายามไม่ทำเสียงดังรบกวนบรรยากาศของห้องเรียน แต่ผู้หญิงทั้งห้องกลับหันมาจ้องเป็นตาเดียวกันที่ร่างสูงๆของเขาอย่างเงียบๆ และแน่นอนว่าเขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“เหอะๆๆ” คนที่นั่งข้างทิตย์หัวเราะประชดขึ้นมาเบาๆแล้วหันมากระซิบถาม “ได้ส่องกระจกรึเปล่าเนี่ย”
“ส่อง” ทิตย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทั้งห้องทันทีที่เดินเข้ามา
“..ไม่คิดจะทำอะไรกับนั่นหน่อยหรอไง” คนข้างๆถามทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าก้มตาจดตามสไลด์สอนอยู่ “ไอ้รอยจูบนั่นน่ะ”
ทิตย์หัวเราะเบาๆ ท่าทางเขาจะค่อนข้างภูมิใจกับรอยแดงบนคอตัวเองไม่มากก็น้อย “หึงหรอจ้ะ ฝน” เขาท้าวแขนกับโต๊ะแล้วเอี้ยวตัวถามคนข้างๆ
“เหอะๆๆ” ฝนหัวเราะประชดอีกครั้ง “ระวังตัวไว้เหอะ ดูยัยพลอยจ้องอย่างกับจะฆ่านายแล้วเห็นมั้ย”
“หืม?” ทิตย์หุบยิ้มลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่จับจ้องมาจากผู้หญิงคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด “หวัดดี” ทิตย์ยกมือขึ้นทักคนที่จ้องมา แต่ก็อดขนลุกกับรังสีอาฆาตของเธอไม่ได้ “พักเช้านี้กูซวยแน่” ทิตย์หัวเราะแห้งๆ “ช่วยกูแก้ตัวหน่อยดิฝน” เขาอ้อนขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ
“เรื่องนี้กูช่วยไม่ได้ โทษทีว่ะ” ฝนกลั้นหัวเราะ
“Hey. How long are you two going to talk?” อาจารย์หน้าห้องตะโกนขึ้นมา ทำเอาสองคนที่คุยกันอยู่หลังห้องสะดุ้งโหยง “Or you guys want a detention?” หลังจากนั้น อาจารย์ก็เริ่มบ่นไปเรื่อยๆ
“น่าจะยาว” ทิตย์กระซิบบ่นอย่างที่ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิดเดียว
โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง มันพึ่งจะถูกเปิดมาได้ไม่ถึงห้าปี แถมยังมีลูกของคนมีชื่อเสียงเข้ามาเรียนกันมากมาย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโณงเรียนก็ต้องมีกฏ และแน่นอนว่าหากมีกฏก็ต้องมีคนแหกกฏแน่นอน
‘ทิตย์’ หรือที่อาจารย์ส่วนใหญ่เรียกด้วยชื่อจริงว่า ทินกร เด็กหนุ่มชั้นม.5ของโรงเรียนแห่งนี้ ถึงจะรวยแต่ก็มักจะทำตัวเหลวไหลไปเรื่อย ตกดึกก็มักจะไปก๊งเหล้ากันกับเหล่าเด็กเกเป็นประจำ แถมช่วงนี้ยังจะพยายามมั่วสาวไปเรื่อย ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจคบใครเลยสักคน
จะมีก็เพียงแต่’ฝน’ เพื่อนสนิทของทิตย์เท่านั้นแหละ ที่คอยจะดึงทิตย์กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้บ้างเป็นบางครั้ง ถึงโรงเรียนที่พวกเขาเรียนอยู่จะเต็มไปด้วยลูกคุณหนู แต่ก็มีฝนเนี่ยแหละ ที่เข้ามาเรียนในที่แห่งนี้ได้ด้วยสมองตัวเอง เขาใช้ทุนการศึกษาของโรงเรียน แถมยังทำงานพิเศษตอนเลิกเรียนอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะความธรรมดาและนิสัยนิ่งๆอันเงียบสงบของฝนเนี่ยแหละ ที่ทำให้ทิตย์มาวนเวียนอยู่รอบๆได้อยู่ตลอด
“ทิตย์ ช่วงนี้มึ_เป็นบ้าอะไรเนี่ย แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” ฝนถอนหายใจรัวๆ ในมือก็กำลังกางหนังสือเคมีอ่าน
“พักเที่ยงก็แดรกข้าวสิครับคุณฝน จะอ่านไรนักหนา” ทิตย์หลีกเลี่ยงคำถามก่อนโยนถุงขนมลงบนหนังสือที่อีกฝ่ายกำลังอ่านอยู่ “อ่านจนจะอ้วกออกมาเป็นสูตรเคมีแล้วมั้งเนี่ย” ร่างสูงชามก๊วยเตี๋ยวของตัวเองลงบนดต๊ะหินแล้วนั่งลงบนตำแหน่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
“ก่อนจะห่วงกู ห่วงตัวเองก่อนมั้ย โดนพลอยตบมาใช่มั้ย” ฝนเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนา แม้ว่าคำพูดจะดูค่อนข้างหยาบคายไม่เข้ากับบุคลิกเนิร์ดๆแต่มันก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงนิดหน่อย
“เออ” ทิตย์ตอบสั้นๆ แล้วเขาก็เริ่มกินก๊วยเตี๋ยวในชามของตัวเอง
“ถามจริงๆเหอะ คิดไรอยู่เนี่ย มั่วไปเรื่อยแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึ_เลยนะ” ฝนแกะห่อขนมที่ทิตย์โยนมาให้ก่อนหน้านี้ “เมื่อก่อนมึ_ไม่เห็นสนใจเรื่องไรแบบนี้เลยนี่นา” ฝนพูดไปด้วยเคี้ยวขนมกรุบกรอบไปด้วย
“แหม.. เป็นห่วงกูอะดิ” ทิตย์เงยหน้าขึ้นมามองฝน
“เป็นห่วงดิวะ มึ_เป็นเพื่อนกูนะ” ฝนตอบอย่างจริงจัง
“เป็นเพื่อน?” ทิตย์ถาม สีหน้ายังคงกวนอารมณ์เหมือนเดิม
“เออดิ” ฝนตอบกลับ
“แล้วถ้า..” ทิตย์วางตะเกียบลงแล้วยิ้มกวนๆใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง “กูไม่เคยคิดกับมึ_เป็นเพื่อนอะ?”
“…” ฝนนิ่งไปครู่นึงก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไอ้บ้า คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง ไม่รู้ตัวบ้างหรอไง!” ฝนปาถุงขนมใส่ทิตย์ก่อนที่จะเดินปึงปังออกไป
“เฮ้อ.. เผลอไปจนได้” ทิตย์หัวเสียเล็กน้อย เขาหยิบถุงขนมขึ้นมากินต่อก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ “คนที่ไม่รู้ตัวน่ะใครกันแน่...” ทิตย์หยิบหนังสือเรียนที่ฝนวางลืมเอาไว้ขึ้นมามอง พลางคิดอะไรในใจไปเรื่อยเปื่อย
'เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีนะฝน ว่าที่ฉันทำไปแบบนี้ ก็แค่อยากให้นายสนใจฉันบ้างเท่านั้นเอง'
ทำอะไรหวานๆบ้างเผื่อจะคิดไรขมๆออก
เนื่องจากเรื่องหลักปัจจุบันที่แต่งอยู่เริ่มสมองตันคิดคำไม่ออกแล้วค่ะ T . T
ยังไงก็เอาเรื่องน่าเบื่อๆนี่ไปอ่านเล่นก่อนนะคะ...... orz
จะแต่งจบรึเปล่าไม่แน่ใจจจจจ เพราะพยายามเปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเอง
อยากเขียนไรเบาๆหวานๆบ้าง เผื่อจะเลิกตันกันเรื่องหลักอันแสนมืดมนซักที.............
ใครที่หลงเข้ามาก็........ ขอบคุณที่อ่านนะคะ ยังไงก็ฝากเรื่องหลักไว้ในอ้อมอกด้วยยย
เรื่องหลัก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ขอโทษที่ตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะ ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกน่ะค่ะ
ยังไงช่วยติชมด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ ;__;
เรื่องนี้วันนี้จะแต่งไปเรื่อยๆในคอมเม้นนะคะ
ⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾⱾ
ครืด…ครืด….
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนสั่นขึ้น
“..ฮัลโหล” ชายหนุ่มคนที่นอนอยู่บนเตียงบิดตัวมาตอบโทรศัพท์ด้วยท่าทางมึนงง “อืมๆ …ได้ๆ…” เขาตอบปลายสายไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาเท่าไหร่นัก
ทันทีที่ปลายสายตัดไปเขาก็คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงที่เดิมกับที่มันถูกวางอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็ขดตัวเข้าไปอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆของเขาอีกครั้ง
“ฮ้าวววว” เขาลุกพรวดขึ้นมาบิดขี้เกียจไปมา พยายามไล่ความง่วงออกไป รู้ดีว่าหากยังคงขดอยู่บนเตียงแบบนี้อีกคงได้ออกจากบ้านสายแน่
ร่างสูงก้าวเท้าลงจากเตียง เขาเซไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของเหล้าที่ดื่มไปเมื่อคืนก่อนยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเขาเล็กน้อย
“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย มองเตียงของตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเขาก็คว้ากางเกงยีนส์สีมืดที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมา
ร่างสูงใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นานนัก แล้วเขาก็รีบออกจากบ้านมาในสภาพเสื้อนักเรียนยับๆกับกางเกงยีนส์สีหม่นๆซึ่งไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียนแน่นอน หลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำแถบลายสีเขียว ส่วนในมือก็ถือโทรศัพท์ที่ชาร์ตอยู่กับพาวเวอร์แบงค์สีชมพูที่โดดเด่นจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของผู้ชายตัวสูงเก้งก้างคนนี้
เขาใช้เวลาเท่าๆกับวันอื่นๆในการพาร่างมึนๆของตัวเองมาจนถึงหน้าโรงเรียน และดูเหมือนว่าวันนี้เขาก็สายเหมือนกับวันอื่นๆอีกแล้ว แม้ว่าวันนี้จะมีคนโทรมาปลุกก็เถอะ
“ทินกร? You are late again? Next time you’re gonna get a detention for sure.” ทันทีที่’ทินกร’หรือ’ทิตย์’เปิดประตูห้อง อาจารย์ก็ถอนหายใจทันที
“Sorry, sir.” ทิตย์ยกมุมปากขึ้นยิ้มให้อาจารย์
อาจารย์หันกลับไปอธิบายเนื้อหาบนสไลด์ต่อ ส่วนทิตย์ก็วางกระเป๋าเป้ของเขาลงบนโต๊ะตัวหลังสุดของห้อง เขาพยายามไม่ทำเสียงดังรบกวนบรรยากาศของห้องเรียน แต่ผู้หญิงทั้งห้องกลับหันมาจ้องเป็นตาเดียวกันที่ร่างสูงๆของเขาอย่างเงียบๆ และแน่นอนว่าเขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“เหอะๆๆ” คนที่นั่งข้างทิตย์หัวเราะประชดขึ้นมาเบาๆแล้วหันมากระซิบถาม “ได้ส่องกระจกรึเปล่าเนี่ย”
“ส่อง” ทิตย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทั้งห้องทันทีที่เดินเข้ามา
“..ไม่คิดจะทำอะไรกับนั่นหน่อยหรอไง” คนข้างๆถามทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าก้มตาจดตามสไลด์สอนอยู่ “ไอ้รอยจูบนั่นน่ะ”
ทิตย์หัวเราะเบาๆ ท่าทางเขาจะค่อนข้างภูมิใจกับรอยแดงบนคอตัวเองไม่มากก็น้อย “หึงหรอจ้ะ ฝน” เขาท้าวแขนกับโต๊ะแล้วเอี้ยวตัวถามคนข้างๆ
“เหอะๆๆ” ฝนหัวเราะประชดอีกครั้ง “ระวังตัวไว้เหอะ ดูยัยพลอยจ้องอย่างกับจะฆ่านายแล้วเห็นมั้ย”
“หืม?” ทิตย์หุบยิ้มลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่จับจ้องมาจากผู้หญิงคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด “หวัดดี” ทิตย์ยกมือขึ้นทักคนที่จ้องมา แต่ก็อดขนลุกกับรังสีอาฆาตของเธอไม่ได้ “พักเช้านี้กูซวยแน่” ทิตย์หัวเราะแห้งๆ “ช่วยกูแก้ตัวหน่อยดิฝน” เขาอ้อนขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ
“เรื่องนี้กูช่วยไม่ได้ โทษทีว่ะ” ฝนกลั้นหัวเราะ
“Hey. How long are you two going to talk?” อาจารย์หน้าห้องตะโกนขึ้นมา ทำเอาสองคนที่คุยกันอยู่หลังห้องสะดุ้งโหยง “Or you guys want a detention?” หลังจากนั้น อาจารย์ก็เริ่มบ่นไปเรื่อยๆ
“น่าจะยาว” ทิตย์กระซิบบ่นอย่างที่ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิดเดียว
โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง มันพึ่งจะถูกเปิดมาได้ไม่ถึงห้าปี แถมยังมีลูกของคนมีชื่อเสียงเข้ามาเรียนกันมากมาย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นโณงเรียนก็ต้องมีกฏ และแน่นอนว่าหากมีกฏก็ต้องมีคนแหกกฏแน่นอน
‘ทิตย์’ หรือที่อาจารย์ส่วนใหญ่เรียกด้วยชื่อจริงว่า ทินกร เด็กหนุ่มชั้นม.5ของโรงเรียนแห่งนี้ ถึงจะรวยแต่ก็มักจะทำตัวเหลวไหลไปเรื่อย ตกดึกก็มักจะไปก๊งเหล้ากันกับเหล่าเด็กเกเป็นประจำ แถมช่วงนี้ยังจะพยายามมั่วสาวไปเรื่อย ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจคบใครเลยสักคน
จะมีก็เพียงแต่’ฝน’ เพื่อนสนิทของทิตย์เท่านั้นแหละ ที่คอยจะดึงทิตย์กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้บ้างเป็นบางครั้ง ถึงโรงเรียนที่พวกเขาเรียนอยู่จะเต็มไปด้วยลูกคุณหนู แต่ก็มีฝนเนี่ยแหละ ที่เข้ามาเรียนในที่แห่งนี้ได้ด้วยสมองตัวเอง เขาใช้ทุนการศึกษาของโรงเรียน แถมยังทำงานพิเศษตอนเลิกเรียนอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะความธรรมดาและนิสัยนิ่งๆอันเงียบสงบของฝนเนี่ยแหละ ที่ทำให้ทิตย์มาวนเวียนอยู่รอบๆได้อยู่ตลอด
“ทิตย์ ช่วงนี้มึ_เป็นบ้าอะไรเนี่ย แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” ฝนถอนหายใจรัวๆ ในมือก็กำลังกางหนังสือเคมีอ่าน
“พักเที่ยงก็แดรกข้าวสิครับคุณฝน จะอ่านไรนักหนา” ทิตย์หลีกเลี่ยงคำถามก่อนโยนถุงขนมลงบนหนังสือที่อีกฝ่ายกำลังอ่านอยู่ “อ่านจนจะอ้วกออกมาเป็นสูตรเคมีแล้วมั้งเนี่ย” ร่างสูงชามก๊วยเตี๋ยวของตัวเองลงบนดต๊ะหินแล้วนั่งลงบนตำแหน่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
“ก่อนจะห่วงกู ห่วงตัวเองก่อนมั้ย โดนพลอยตบมาใช่มั้ย” ฝนเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนา แม้ว่าคำพูดจะดูค่อนข้างหยาบคายไม่เข้ากับบุคลิกเนิร์ดๆแต่มันก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วงนิดหน่อย
“เออ” ทิตย์ตอบสั้นๆ แล้วเขาก็เริ่มกินก๊วยเตี๋ยวในชามของตัวเอง
“ถามจริงๆเหอะ คิดไรอยู่เนี่ย มั่วไปเรื่อยแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึ_เลยนะ” ฝนแกะห่อขนมที่ทิตย์โยนมาให้ก่อนหน้านี้ “เมื่อก่อนมึ_ไม่เห็นสนใจเรื่องไรแบบนี้เลยนี่นา” ฝนพูดไปด้วยเคี้ยวขนมกรุบกรอบไปด้วย
“แหม.. เป็นห่วงกูอะดิ” ทิตย์เงยหน้าขึ้นมามองฝน
“เป็นห่วงดิวะ มึ_เป็นเพื่อนกูนะ” ฝนตอบอย่างจริงจัง
“เป็นเพื่อน?” ทิตย์ถาม สีหน้ายังคงกวนอารมณ์เหมือนเดิม
“เออดิ” ฝนตอบกลับ
“แล้วถ้า..” ทิตย์วางตะเกียบลงแล้วยิ้มกวนๆใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง “กูไม่เคยคิดกับมึ_เป็นเพื่อนอะ?”
“…” ฝนนิ่งไปครู่นึงก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไอ้บ้า คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง ไม่รู้ตัวบ้างหรอไง!” ฝนปาถุงขนมใส่ทิตย์ก่อนที่จะเดินปึงปังออกไป
“เฮ้อ.. เผลอไปจนได้” ทิตย์หัวเสียเล็กน้อย เขาหยิบถุงขนมขึ้นมากินต่อก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองเบาๆ “คนที่ไม่รู้ตัวน่ะใครกันแน่...” ทิตย์หยิบหนังสือเรียนที่ฝนวางลืมเอาไว้ขึ้นมามอง พลางคิดอะไรในใจไปเรื่อยเปื่อย
'เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีนะฝน ว่าที่ฉันทำไปแบบนี้ ก็แค่อยากให้นายสนใจฉันบ้างเท่านั้นเอง'