สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
โอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายจากการกินยากลุ่ม statin มีเพียง 0.5% เท่านั้นครับ (เทียบได้ว่าใน 1,000 คนที่กินยา จะเจอภาวะกล้ามเนื้อสลาย 5 คน) โดยยา statin ตัวใหม่ๆ คือ rosuvastatin มีรายงานการพบภาวะกล้ามเนื้อสลายแค่ 0.02% (2 คนจากคนกินยา 10,000 คน) แต่ยาทำหน้าที่ในการลดไขมันในเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมองได้มากครับ จากเรื่องของจขกท.ที่กินยาแล้วเกิดผลต่อตับและกล้ามเนื้อนั้นพบได้น้อยครับ การมาตั้งกระทู้ในทำนองนี้อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะหากผู้ป่วยไม่กินยา statin บอกได้เลยครับว่าจะมีคนเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นเยอะมากแน่ๆ
สมาชิกหมายเลข 2716157 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 7553793 ถูกใจ, prontera ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 5892048 ถูกใจ, หมอหมู ถูกใจ, tortores ถูกใจ, ibaboo ถูกใจ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
+++++++ หมอที่บังคับให้ทานยาลดไขมัน atorvastatin เดี๋ยวนี้มีเยอะค่ะ มาดูอันตรายของมันกัน +++++++=
ที่เห็นชัดเจนเช่น ยาลดไขมันตัวเลว ที่ชื่อว่า LDL (low density lipoprotein) ที่ฝรั่งรายงานแล้วรายงานอีกว่าใช้ขนาดปริมาณสูงก็ไม่เกิดผลข้างเคียง โดยหวังผลทางป้องกันโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต ในคนไทยใช้แล้วหลายๆราย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนแรง ตับอักเสบ แต่
หมอก็ยังคะยั้นคะยอบังคับให้ทานต่อ คนไข้ก็กลัวหมอจึง ยอมตายจากกินยา จนอาจได้ตายจริงๆ เพราะกล้ามเนื้ออักเสบตามด้วยไตวาย
ยากลุ่มนี้ชื่อ statin มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 จนมีลูกหลานตามมา อาทิ Atorvastatin (Lipitor), Rosuvastatin (Crestor) และอื่นๆอีกมากมาย
คุณมงคล (นามสมมติ) อายุ 65 ปี มีโรคประจำตัว คือโรคอ้วนลงพุงและความดันเลือดสูง หลายปีก่อนเกิดอัมพฤกษ์ของก้านสมองทำให้มีเดินโซเซเห็นภาพซ้อน และกลืนสำลัก หลังรักษาอาการดีขึ้นรวมทั้งความดันโลหิต และแม้อาการกลืนสำลักยังคงมีอยู่ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง การบริโภคอาหารนานาชนิดได้
คุณมงคลมีอาการเหนื่อยมากและแน่นหน้าอก 2 เดือนที่แล้ว ได้รับการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ หลังจากนั้นได้รับยา atorvastatin เพิ่มเป็น 20 มิลลิกรัมต่อวัน จากเดิมที่ใช้ขนาด 10 มิลลิกรัม คุณมงคลมีอาการดีขึ้นมาเรื่อยๆ ทำการเลี้ยงฉลองที่รอดชีวิตหลายครั้ง จน 6 อาทิตย์ถัดมาเกิดข้อหัวแม่เท้าอักเสบ ซึ่งเกิดจากโรคเกาต์ (Gout)
และได้รับยาแก้ปวดเกาต์ชื่อ Colchicine และได้กินอยู่ตลอดในขนาดวันละ 2 เม็ด เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
1 อาทิตย์ก่อนหน้าที่เข้าโรงพยาบาล (อีกครั้ง) คุณมงคลปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามต้นแขน บ่า ไหล่ ต้นขา น่อง อาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีอาการขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง ซึ่งลามมาที่แขนและเป็นมากจนขึ้นบันไดต้องใช้คนพยุง จนต้องเข้าโรงพยาบาล...
พบว่ามีการสลายของเซลล์กล้ามเนื้อ และมีผลทำให้ตกตะกอนในไต ทำให้ไตเริ่มทำงานบกพร่องไปจากเดิมซึ่งเป็นไม่มาก จากการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากยาลดไขมัน ทั้งๆที่คุณมงคลกินอยู่แล้วเป็นเวลาหลายปี แต่ในระยะหลังได้ปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิม รวมทั้งยังได้ยาไขมันร่วมกับยาโรคเกาต์ Colchicine ซึ่งในบางรายทำให้เกิดโรคของกล้ามเนื้อและเส้น ประสาท (neuromyopathy) อยู่แล้ว ประกอบกับการทำงานของไตไม่ปกติ
เหล่านี้ทั้งหมดเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดปวดกล้ามเนื้อจนถึงแหลกสลาย (rhabdomyolysis) ซึ่งถ้าเป็นรุนแรงจะไปตกตะกอนในไตและไตวายต่อไปได้ หลังจากคุณมงคลหยุดยา atorvastatin และ Colchicine อาการก็เริ่มทุเลา และเริ่มลุกขึ้นยืนเดินโดยช่วยพยุงภายใน 2 อาทิตย์ และกลับเป็นปกติใน 6 อาทิตย์