เปิดฉากที่โตเกียว
บาคุโกมาฝึกงานกับฮีโร่ No.4 "Best Jeanist" (ใส่ยีนส์ขึ้นที่สุด)
ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็แสดงท่าทางอย่างไม่ปิดบังว่าไม่ชอบหน้าอีกฝ่าย
โดยเหตุผลที่บาคุโกเลือกมาทำงานที่นี่คือในบรรดาฮีโร่อาชีพที่เสนอชื่อเขามา Best Jeanist คือคนที่อันดับสูงที่สุด
(อันดับ 1 All Might, อันดับ 2 Endeavor, อันดับ 3 ไม่ทราบ)
ส่วนเหตุผลที่ Best Jeanist เสนอชื่อบาคุโกก็คือ เขาเบื่อที่ฮีโร่รุ่นใหม่ๆมีแต่เด็กดีกันทั้งนั้น เขาชอบที่จะดัดนิสัยพวกมีปัญหาด้านความประพฤติแบบบาคุโกมากกว่า
เขาดูออกว่าบาคุโกนั้นมีทั้งความเป็นฮีโร่และความเป็นวายร้ายอยู่ทั้งสองอย่าง ซึ่งเขาจะสอนให้รู้เองว่าฮีโร่ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ตัดมาที่คิริชิมะ
เขามาฝึกงานกับ Chivalrous Hero (ฮีโร่ผู้อาจหาญ) "Force Kind"
(แต่ดูเจ้าตัวกับสำนักงานมันไปทางยากูซ่ามากกว่าแฮะ)
ซึ่งคิริชิมะก็ต้องแปลกใจที่เจอเท็ตสึเท็ตสึ จากห้อง B มาฝึกงานที่นี่ด้วย
ปรากฎว่ามันเป็นเพราะ Force Kind เสนอชื่อทั้งสองคนไป และทั้งสองคนก็ตัดสินใจมาฝึกงานที่นี่เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายซะงั้น
ส่วนโอจาโกะมาฝึกงานกับ Battle Hero (ฮีโร่นักสู้) "Gun Head" ตามที่ตั้งใจไว้
และสุดท้ายคือโมโมะ ที่เลือกฝึกงานร่วมกับเคนโด สาวจากห้อง B ซึ่งพวกเขามาฝึกงานกับ Snake Heroine "อุวาบามิ"
(รีไซเคิ่ลดีไซน์ตัวละครจากผลงานเรื่อง Omagadoki Doubutsuen)
โดยเหล่าฮีโร่รุ่นใหญ่ต่างก็อธิบายงานของฮีโร่อาชีพว่าคล้ายคลึงกับการรับราชการเพราะรับเงินเดือนจากรัฐบาล แต่จะแตกต่างกันมากในรายละเอียด
เมื่อเกิดคดีขึ้นทางตำรวจจะส่งคำร้องขอกำลังเสริมมายังสำนักงานฮีโร่ในแต่ละเขตให้ออกปฏิบัติงาน โดยจะตัดสินผลงานของฮีโร่แต่ละคนจากผลงานในการจับกุมคนร้าย, ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ฯลฯ
หลังจากได้รับการพิสูจน์ว่าผลงานเหล่านั้นเป็นจริงโดยสำนักงานที่รับหน้าที่ตรวจสอบแล้วเงินค่าปฏิบัติงานก็จะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของแต่ละคน
สรุปง่ายๆก็ประมาณว่าพวกฮีโร่รับเงินตามระบบค่านายหน้านั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกันพวกฮีโร่ก็ได้รับอนุญาติให้รับงานเสริมได้ด้วย (อย่างอุวาบามิก็รับงานถ่ายโฆษณา) และหากได้รับความนิยมจากประชาชนก็จะช่วยเลื่อนระดับของฮีโร่คนนั้นๆขึ้นได้
ตัดไปทางด้านอิสึคุ
วันแรกของการฝึกงานจบไปกับการซ้อมสู้กับ Gran Torino และเก็บกวาดบ้านที่เละเทะจากการสู้กัน แถมหลังจากไปซื้อของกินกลับมา Gran Torino ก็เข้านอนไปเลยซะงั้น
คืนนั้นอิสึคุเลยไปฝึกการใช้พลังด้วยตัวเอง โดยเขารู้แล้วว่าความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นๆคือในขณะที่เขาต้อง "ใช้งาน" อัตลักษณ์ พวกคนอื่นที่เคยชินกับอัตลักษณ์ของตนมาตั้งแต่เด็กกลับใช้มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเองโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
เขาลองฝึกใช้พลังระดับ 5% ที่ร่างกายของเขารับไหว แต่การที่จะตั้งสมาธิให้กับการควบคุมพลังในแต่ละท่าให้ต่อเนื่องกันมันยากเกินไปจนเขาโดดชนผนังไปหลายต่อหลายครั้ง
วันรุ่งขึ้น Gran Torino ก็พบว่าหน้าของอิสึกุกระแทกผนังทั้งคืนจนแดงช้ำไปหมด
ซึ่งอิสึคุก็บอกว่าแม้จะรู้ว่าต้องทำอะไรแต่เวลาทำจริงมันยากกว่าที่คิดมาก
Gran Torino บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เป็นกรณีแปลกน่ะคือ All Might ต่างหากที่สามารถจับเคล็ดการใช้พลังได้ตั้งแต่ต้นเพราะมีร่างกายที่แข็งแรง เลยทำให้สอนอิสึคุไม่ถูกทางไปด้วย
แล้ว Gran Torino ก็เล่าว่าสมัยยังหนุ่มนั้นเขาฝึกสอน All Might อย่างหนักจนถึงขั้นกระอักเลือดเอาเลยทีเดียว
(เลยทำให้ All Might ยังกลัว Gran Torino จนถึงทุกวันนี้)
ที่ Gran Torino เข้มงวดขนาดนั้นก็เป็นเพราะพลังที่ All Might ได้รับมานั้นคือสิ่งที่เพื่อนที่ล่วงลับของเขาถ่ายทอดให้ เขาจะไม่ยอมให้ทำเป็นเล่นๆเด็ดขาด
เมื่ออิสึคุถามว่าอาจารย์ผู้มอบ One For All ให้ All Might เสียไปแล้วหรือ? ก็ทำให้ Gran Torino ต้องคิดในใจว่า All Might ยังไม่ได้บอก "เรื่องนั้น" ให้อิสึคุรู้...
ตอนนั้นเองก็มีคนมาส่งพัสดุที่สั่งไว้ ซึ่งก็เป็นเตาไมโครเวฟเครื่องใหม่ที่ Gran Torino สั่งมาแทนตัวเก่าที่พังไปตอนฝึกสู้เมื่อวานนั่นเอง
Gran Torino ให้อิสึคุอุ่นไทยากิที่ซื้อมาเมื่อวาน (ใส่ตู้เย็นไว้) ในเตาไมโครเวฟ แต่พออบเสร็จออกมาปรากฎว่ามันยังเย็นอยู่ Gran Torino เลยโวยว่าเป็นเพราะอิสึคุใส่ทีละเยอะไปทำให้จานหมุนมันหมุนไม่สะดวกจนคลื่นไม่ถูกขนมทั่วทั้งชิ้นและทำให้ขนมร้อนแค่บางส่วนเท่านั้น
อิสึคุรีบขอโทษและแก้ตัวว่าเตาไมโครเวฟที่บ้านของเขาเป็นแบบไม่หมุนเขาเลยลืมไป
แต่ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ว่าตัวเขาก็เหมือนกับไทยากิที่ร้อนไม่ทั่วทั้งแผ่นนี่เอง?!
จนถึงตอนนี้เวลาเขา "ใช้งาน" อัตลักษณ์นั้น เขาจะต้องคิดว่าจะใช้มันเมื่อไหร่ และใช้มันที่ส่วนไหน... ทุกครั้งเขาจะเหมือนต้องกดสวิทซ์เพื่อใช้งานมัน แต่นั่นก็ทำให้ปฏิกริยาโต้ตอบของเขาจะช้าไปสองสามอึดใจทุกครั้ง ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังต่อเนื่องได้
ดังนั้นแทนที่จะเปิด-ปิดสวิทซ์ไปทีละครั้ง...เขาจะใช้พลัง 5% ที่ร่างกายของเขารับไหวให้มันกระจายอย่างเสมอกันไปทั่วทั้งร่างตั้งแต่ต้นเลย!! ซึ่งหากว่าเขาสามารถเคยชินกับสภาพแบบนี้ให้เหมือนกับมันเป็นสภาพปกติแล้ว เขาก็จะสามารถใช้มันอย่าง "เรียบง่าย" เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแบบเดียวกับคนอื่นๆได้!!
Gran Torino : เจ้าสามารถขยับตัวในสภาวะแบบนั้นได้ไหมล่ะ?
อิสึคุ : ผม...ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…!
Gran Torino : จะให้ฉันช่วยทดสอบให้เจ้าไหม?
อิสึคุ : รบกวนด้วยครับ!
ได้เวลาทดสอบความสามารถใหม่ที่เพิ่งค้นพบแล้ว!!
Spoil Boku no Hero Academia 48 : เรียนรู้แนวทางใหม่
บาคุโกมาฝึกงานกับฮีโร่ No.4 "Best Jeanist" (ใส่ยีนส์ขึ้นที่สุด)
ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็แสดงท่าทางอย่างไม่ปิดบังว่าไม่ชอบหน้าอีกฝ่าย
โดยเหตุผลที่บาคุโกเลือกมาทำงานที่นี่คือในบรรดาฮีโร่อาชีพที่เสนอชื่อเขามา Best Jeanist คือคนที่อันดับสูงที่สุด
(อันดับ 1 All Might, อันดับ 2 Endeavor, อันดับ 3 ไม่ทราบ)
ส่วนเหตุผลที่ Best Jeanist เสนอชื่อบาคุโกก็คือ เขาเบื่อที่ฮีโร่รุ่นใหม่ๆมีแต่เด็กดีกันทั้งนั้น เขาชอบที่จะดัดนิสัยพวกมีปัญหาด้านความประพฤติแบบบาคุโกมากกว่า
เขาดูออกว่าบาคุโกนั้นมีทั้งความเป็นฮีโร่และความเป็นวายร้ายอยู่ทั้งสองอย่าง ซึ่งเขาจะสอนให้รู้เองว่าฮีโร่ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ตัดมาที่คิริชิมะ
เขามาฝึกงานกับ Chivalrous Hero (ฮีโร่ผู้อาจหาญ) "Force Kind"
(แต่ดูเจ้าตัวกับสำนักงานมันไปทางยากูซ่ามากกว่าแฮะ)
ซึ่งคิริชิมะก็ต้องแปลกใจที่เจอเท็ตสึเท็ตสึ จากห้อง B มาฝึกงานที่นี่ด้วย
ปรากฎว่ามันเป็นเพราะ Force Kind เสนอชื่อทั้งสองคนไป และทั้งสองคนก็ตัดสินใจมาฝึกงานที่นี่เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายซะงั้น
ส่วนโอจาโกะมาฝึกงานกับ Battle Hero (ฮีโร่นักสู้) "Gun Head" ตามที่ตั้งใจไว้
และสุดท้ายคือโมโมะ ที่เลือกฝึกงานร่วมกับเคนโด สาวจากห้อง B ซึ่งพวกเขามาฝึกงานกับ Snake Heroine "อุวาบามิ"
(รีไซเคิ่ลดีไซน์ตัวละครจากผลงานเรื่อง Omagadoki Doubutsuen)
โดยเหล่าฮีโร่รุ่นใหญ่ต่างก็อธิบายงานของฮีโร่อาชีพว่าคล้ายคลึงกับการรับราชการเพราะรับเงินเดือนจากรัฐบาล แต่จะแตกต่างกันมากในรายละเอียด
เมื่อเกิดคดีขึ้นทางตำรวจจะส่งคำร้องขอกำลังเสริมมายังสำนักงานฮีโร่ในแต่ละเขตให้ออกปฏิบัติงาน โดยจะตัดสินผลงานของฮีโร่แต่ละคนจากผลงานในการจับกุมคนร้าย, ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ฯลฯ
หลังจากได้รับการพิสูจน์ว่าผลงานเหล่านั้นเป็นจริงโดยสำนักงานที่รับหน้าที่ตรวจสอบแล้วเงินค่าปฏิบัติงานก็จะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของแต่ละคน
สรุปง่ายๆก็ประมาณว่าพวกฮีโร่รับเงินตามระบบค่านายหน้านั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกันพวกฮีโร่ก็ได้รับอนุญาติให้รับงานเสริมได้ด้วย (อย่างอุวาบามิก็รับงานถ่ายโฆษณา) และหากได้รับความนิยมจากประชาชนก็จะช่วยเลื่อนระดับของฮีโร่คนนั้นๆขึ้นได้
ตัดไปทางด้านอิสึคุ
วันแรกของการฝึกงานจบไปกับการซ้อมสู้กับ Gran Torino และเก็บกวาดบ้านที่เละเทะจากการสู้กัน แถมหลังจากไปซื้อของกินกลับมา Gran Torino ก็เข้านอนไปเลยซะงั้น
คืนนั้นอิสึคุเลยไปฝึกการใช้พลังด้วยตัวเอง โดยเขารู้แล้วว่าความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นๆคือในขณะที่เขาต้อง "ใช้งาน" อัตลักษณ์ พวกคนอื่นที่เคยชินกับอัตลักษณ์ของตนมาตั้งแต่เด็กกลับใช้มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเองโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ
เขาลองฝึกใช้พลังระดับ 5% ที่ร่างกายของเขารับไหว แต่การที่จะตั้งสมาธิให้กับการควบคุมพลังในแต่ละท่าให้ต่อเนื่องกันมันยากเกินไปจนเขาโดดชนผนังไปหลายต่อหลายครั้ง
วันรุ่งขึ้น Gran Torino ก็พบว่าหน้าของอิสึกุกระแทกผนังทั้งคืนจนแดงช้ำไปหมด
ซึ่งอิสึคุก็บอกว่าแม้จะรู้ว่าต้องทำอะไรแต่เวลาทำจริงมันยากกว่าที่คิดมาก
Gran Torino บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เป็นกรณีแปลกน่ะคือ All Might ต่างหากที่สามารถจับเคล็ดการใช้พลังได้ตั้งแต่ต้นเพราะมีร่างกายที่แข็งแรง เลยทำให้สอนอิสึคุไม่ถูกทางไปด้วย
แล้ว Gran Torino ก็เล่าว่าสมัยยังหนุ่มนั้นเขาฝึกสอน All Might อย่างหนักจนถึงขั้นกระอักเลือดเอาเลยทีเดียว
(เลยทำให้ All Might ยังกลัว Gran Torino จนถึงทุกวันนี้)
ที่ Gran Torino เข้มงวดขนาดนั้นก็เป็นเพราะพลังที่ All Might ได้รับมานั้นคือสิ่งที่เพื่อนที่ล่วงลับของเขาถ่ายทอดให้ เขาจะไม่ยอมให้ทำเป็นเล่นๆเด็ดขาด
เมื่ออิสึคุถามว่าอาจารย์ผู้มอบ One For All ให้ All Might เสียไปแล้วหรือ? ก็ทำให้ Gran Torino ต้องคิดในใจว่า All Might ยังไม่ได้บอก "เรื่องนั้น" ให้อิสึคุรู้...
ตอนนั้นเองก็มีคนมาส่งพัสดุที่สั่งไว้ ซึ่งก็เป็นเตาไมโครเวฟเครื่องใหม่ที่ Gran Torino สั่งมาแทนตัวเก่าที่พังไปตอนฝึกสู้เมื่อวานนั่นเอง
Gran Torino ให้อิสึคุอุ่นไทยากิที่ซื้อมาเมื่อวาน (ใส่ตู้เย็นไว้) ในเตาไมโครเวฟ แต่พออบเสร็จออกมาปรากฎว่ามันยังเย็นอยู่ Gran Torino เลยโวยว่าเป็นเพราะอิสึคุใส่ทีละเยอะไปทำให้จานหมุนมันหมุนไม่สะดวกจนคลื่นไม่ถูกขนมทั่วทั้งชิ้นและทำให้ขนมร้อนแค่บางส่วนเท่านั้น
อิสึคุรีบขอโทษและแก้ตัวว่าเตาไมโครเวฟที่บ้านของเขาเป็นแบบไม่หมุนเขาเลยลืมไป
แต่ทันใดนั้นเขาก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ว่าตัวเขาก็เหมือนกับไทยากิที่ร้อนไม่ทั่วทั้งแผ่นนี่เอง?!
จนถึงตอนนี้เวลาเขา "ใช้งาน" อัตลักษณ์นั้น เขาจะต้องคิดว่าจะใช้มันเมื่อไหร่ และใช้มันที่ส่วนไหน... ทุกครั้งเขาจะเหมือนต้องกดสวิทซ์เพื่อใช้งานมัน แต่นั่นก็ทำให้ปฏิกริยาโต้ตอบของเขาจะช้าไปสองสามอึดใจทุกครั้ง ซึ่งนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังต่อเนื่องได้
ดังนั้นแทนที่จะเปิด-ปิดสวิทซ์ไปทีละครั้ง...เขาจะใช้พลัง 5% ที่ร่างกายของเขารับไหวให้มันกระจายอย่างเสมอกันไปทั่วทั้งร่างตั้งแต่ต้นเลย!! ซึ่งหากว่าเขาสามารถเคยชินกับสภาพแบบนี้ให้เหมือนกับมันเป็นสภาพปกติแล้ว เขาก็จะสามารถใช้มันอย่าง "เรียบง่าย" เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแบบเดียวกับคนอื่นๆได้!!
Gran Torino : เจ้าสามารถขยับตัวในสภาวะแบบนั้นได้ไหมล่ะ?
อิสึคุ : ผม...ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…!
Gran Torino : จะให้ฉันช่วยทดสอบให้เจ้าไหม?
อิสึคุ : รบกวนด้วยครับ!
ได้เวลาทดสอบความสามารถใหม่ที่เพิ่งค้นพบแล้ว!!