สวัสดีค่ะ
เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องแต่ง และมันอาจไม่สนุกหรืออาจไม่ได้น่ากลัวมากแต่ถ้าใครเจอแบบเรา ก็อาจกลัวได้ค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่ใช่คนที่จะกลัวผีมากขนาดไม่มีสติขนาดนั้นนะค่ะ เรากลัวคะแต่เราจะมีสติเสมอคอยย้ำตัวเองเวลากลัวว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปคิด และอย่ากลัว เอาง่ายๆเรียกปลอบใจตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องผีเราก็อ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะแล้ว เลยเอาเรื่องตัวเองที่เจอกับตัวมาแบ่งปันกันบ้างดีกว่า
ขอแนะนำชื่อของแต่ละบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนนะค่ะ เพื่อจะได้ไม่งงชื่อกัน ก่อนที่จะเข้าเรื่องกัน
1.ยายชวด หรือ เรียกว่ายายน้อยเป็นแม่ของยายแจ้วและยายไหน
2.ยายแจ้ว เป็นแม่ของแม่เรา แต่เป็นลูกของยายน้อย เป็นพี่สาวของยายไหน [อาศัยอยู่กำแพงเพชร]
3.ยายไหน เป็นลูกของยายชวด [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
4.ทิพ เป็นหลานของยายไหน แต่ทิพเรียกยายว่าแม่ เพราะเลี้ยงดูแต่เกิด [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
5.น้าเนช น้องชายของแม่เรา ลูกชายคนเล็กของยายแจ้ว [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
6.ตาเยาว์ พ่อของแม่เรา เป็นแฟนกับยาวแจ้ว [อาศัยอยู่กำแพงเพชร]
ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ เรื่องมีอยู่ว่ายายเราแกอายุได้ 92 ปีแล้วลูกหลานจะเรียกกันว่ายายทวด ปกติยายแกจะเป็นคนที่เข้าโรงบาลเป็นว่าเล่น แต่ก็รักษาจนหายแล้วกลับบ้านได้ เป็นแบบนี้มานาน ไปมาระหว่างโรงบาล ก็เป็นโรคคนแก่นั้นแหละจ้าไม่มีอะไรมาก จนเมื่อเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา พี่สาวของยายทวดเสีย จัดงานศพที่จังหวัดกำแพงเพชรค่ะ ยายทวดก็ได้ขึ้นรถไปพร้อมกับญาติทางบ้านที่อยู่สมุทรปราการ [อ่อ?ลืมบอกไปว่าปัจจุบันก่อนยายเสียยายอาศัยอยู่ที่สมุทรปราการค่ะแต่คนละซอยกัน ยายจะอยู่บ้านอีกหลังกับยายไหนลูกสาวเขาค่ะซึ่งมีหลานอีกคนคอยเลี้ยงดูอยู่ชื่อทิพ] เพื่อขึ้นจังหวัดกำแพงเพชร ไปเผาพี่สาวตัวเอง เรื่องต่อจากนี้เราไม่ได้ไปงานศพด้วยนะค่ะต้องอยู่ดูบ้านที่สมุทรปราการค่ะ แต่ยายแจ้ว(แม่ของแม่เรา) เอามาเล่าให้ฟังค่ะ ว่าหลังกลับเผาศพเสร็จ ยายน้อย(ยายชวด)ก็เกิดป่วยหนักขึ้นมาทันที เลยได้นำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลยรีบกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก่อนที่ยายชวดจะป่วยหนัก ยายแจ้วเล่าให้ฟังว่า อยู่ๆยายชวดก็นั่งคุยกับใครไม่รู้บอกว่า “มันจะมารับกู มันจะรอกู” แล้วมาอีกวันก็ป่วยหนักอย่างที่เล่าไป จนวันที่ 12/06/58 ถ้าจำวันไม่ผิดนะค่ะเราได้เข้าไปเยี่ยมยายชวดที่โรงพยาบาล ตอนนั้นยายยังดีอยู่ค่ะแต่ไม่มีเสียงพูดแล้ว และก็เหมือนความจำจะลืมเลือนด้วยค่ะ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ยายแกเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวตายค่ะ โดยคนที่อยู่เฝ้ายายตลอดเวลาคือยายไหนลูกสาวของเขา
เรา : ยายเป็นอะไรหรอยายไหน
ยายไหน : ก็โรคคนแก่นั้นแหละแต่คราวนี้ปอดติดเชื้อ
เรา : แล้วยายดีขึ้นไหม // ที่เราถามไปอย่างงี้เพราะตอนที่เอามารักษาที่ สมุทรปราการแรกๆ อาการหนักค่ะ จนยายไหนต้องโทรไปหายายแจ้ว ว่าจะลงมาสมุทรปราการเพื่อมาดูใจแม่ไหม แต่พอมาวันนี้ ยายกลับดีขึ้น เลยไม่ต้องให้ยายแจ้วลงมาสมุทรปราการแล้ว
ยายไหน : ดีขึ้นมากแล้ว กินข้าวได้ กินไรเยอะขึ้น
หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านไป หลังจากที่เยี่ยมยายเสร็จ บอกตรงๆไม่ชอบโรงบาลเลยค่ะหดหู่สุดๆ T^T ไปทีไรรู้สึกแย่ทุกที
พอมาวันที่ 13/06/58 ยายไหนได้โทรแจ้งญาติว่าหมอบอกว่า ให้ญาติทำใจได้เลย ยังไงก็คงไม่รอด ซึ่งเราก็งงเนอะ เพราะตอนไปเยี่ยมยาย ก็เห็นดีขึ้นแล้วแต่ไหงกลับทรุดลง แล้วก็ได้โทรแจ้งยายแจ้วให้ลงมาที่สมุทรปราการ โดยเร็วซึ่ง พ่อกับแม่เรา เป็นคนขึ้นไปรับเย็นวันที่ 13/06/58 เลยค่ะ แล้วพอตกกลางคืนตอน ตี1-2 ก่อนอื่นขอบอกเลยค่ะว่าเราเป็นคนค่อนข้างนอนดึกมาก 5555และวันนั้นอยู่บ้านคนเดียวด้วยค่ะ คือเป็นยามเฝ้าบ้านตามเคย เราก็นั่งทำงานที่รับทำของเราเองไปจนเวลาเข้าไปตี 2 ครึ่ง ก็กำลังจะไปเข้าห้องน้ำแล้วพอออกมาเราก็ได้ยินเสียงหมาเห่าอยู่หน้าบ้านของเราแต่หันหน้าไปทางบ้าน น้องชายของแม่เราเองค่ะ ลองนึกภาพกตามดูนะฮ่ะ บ้านน้าเนชเราจะอยู่ก่อนบ้านเรา คือถ้าเข้ามาในซอยบ้านเราจะเป็นหลังที่3 แล้วบ้านหน้าเนชหลังที่ 2 ภาพที่เห็นคืนนั้นคือหมายืนเห่าหน้าบ้านเรา แต่หันหน้าไปทางบ้านน้าเนช ซึ่งเราเองก็ไม่คิดอะไรมากคงคิดว่ามันคงเห่าหมาตัวอื่นที่เข้ามาในซอย แต่อยู่ๆเราก็นึกอยากจะสวดมนต์ ซึ่งเราเองเป้นคนที่นานๆครั้งค่ะจะสวดที เราก็สวดตามหนังสือไปแล้วก็บอกกับพี่กุมารว่าให้ตามไปดูแลพ่อแม่ให้เขาเดินทางปลอดภัย ส่วนหนูขอให้เจ้าที่เจ้าทาง และสิ่งศักดิ์ ที่อยู่ในบ้านดูแลหนูและบ้านด้วย อย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น และขอให้คืนนี้หนูนอนหลับฝันดีไม่มีอะไรมารบกวนหรือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นเราก็นอนหลับสนิท ดีเลยจ้า ไม่มีอะไรรบกวนจริงๆ จนเช้าวันที่ 14/06/58 ตอนเช้าแม่เราโทรมาหาเราว่า
แม่ : อ้อรู้ยังยายชวดเสียแล้วนะ เมื่อคืนตอนตี2 หมอโทรมาบอก
เรา : อ้าวหรอ ทำไมยายไปไวจนหน้าใจหายจัง
คือถ้าเป็นคนอื่นคง คิดว่าไปไวยังไงยายแกก็อายุเยอะมากแล้ว แต่สำหรับคือเร็วค่ะเพราะปกติแกจะเป็นแล้วหาย แต่นี่รักษาไม่หายแล้ว และแกเสียแล้ว เราก็ใจหายไปสักพักแล้วเสียใจนะค่ะแต่ไม่ร้องไห้คือเสียใจแต่อยู่ข้างในใจนะค่ะ
พอแม่เรากลับบ้านถึงบ้าน ตอนประมาณ บ่าย2 ของวันที่ 14/06/58 ซึ่งมียายแจ้วกับตาเยาว์มาด้วย แล้วก็เข้ามาพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนน้าเนช เข้ามาหาที่บ้านเรา แล้วก็คุยกันไป จนน้าเนชบอกว่า เอ้อไอ้ภาเมื่อคืนอ่ะได้ยินเสียงยายมาเรียกด้วยหน้าบ้าน ตอน ตี 2ครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ขานกลับเพราะโบราณเขาบอกว่าไม่ให้ขานกลับเวลามีเสียงเรียกตอนกลางคืน [เรานี่หูผึ่งทันทีค่า แล้วนึกถึงที่หมาเห่าแล้วหันไปทางบ้านหน้าเนชเมื่อคืนทันทีเลยค่ะ ทำไมเหมาะเจาะกันแบบนี้] น้าเนชก็ยังพูดต่ออีกว่า แต่แปลกไอ้อ้อมันนอนดึกทำไมมันไม่โดน เราก็เลยพูดไปว่าผีบ้านผีเรือนไม่ให้เข้ามั้งไม่มีใครอนุญาติให้เข้า และเมื่อคืนหนูก็สวดมนต์ด้วย และเราก็คิดนะถ้าเราไม่สวดเราโดนแน่ๆเลยง่า T^T
พอตกเย็นก็ไปรดน้ำศพยายกันค่ะ ซึ่งตอนรดน้ำศพเราก็ได้ถูมือยาย จับมือยายด้วยอดไม่ได้ที่น้ำตาจะไม่ไหล แต่เราไม่ได้อยู่สวดศพเพราะขอกลับก่อนอยู่ดีดีก็ปวดหัวมาก แต่วันนั้นทีไปรดน้ำศพยายชวด กับเรายังไม่เกิดอะไรขึ้น ปกติดีทุกอย่าง แต่ว่าทางบ้านยายไหนที่ยายชวดอยู่ เขาบอกว่าเห็นยายมานั่งหน้าบ้านแต่เข้าบ้านไม่ได้ตอน กลางคืน ซึ่งอันนี้ไม่รู้จริงป่าวนะค่ะเขาเล่ากันมา
เดี่ยวมาต่อนะค่ะ ของวันสวดศพคืนที่ 2 จ้าเริ่มหน้ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ขอตัวไปทำงานก่อนฮ่ะ แล้วจะพยายามรีบกลับมาต่อให้จบนะค่ะ
หากพิมพ์อะไรผิดพลาด หรือเล่าไม่สนุก เล่างง ต้องขอโทษด้วยนะค่ะพอดีเล่าไม่ค่อยเก่งจริงๆจ้า ไม่ใช่เรื่องแต่งฮ่ะ มันอาจจะดูไม่น่ากลัว แต่ถ้าลองจิตนาการคืนนั้นอยู่คนเดียวสิค่ะ 5555 บ้ายยยย เดี่ยวมาต่อจ้า
หรือใครเจอมาเหมือนกันมแชร์กันได้นะค่ะ
เคยโดนวิญญาณญาติผู้ใหญ่ที่เสียมากวนบ้างไหมคะ?
เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องแต่ง และมันอาจไม่สนุกหรืออาจไม่ได้น่ากลัวมากแต่ถ้าใครเจอแบบเรา ก็อาจกลัวได้ค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่ใช่คนที่จะกลัวผีมากขนาดไม่มีสติขนาดนั้นนะค่ะ เรากลัวคะแต่เราจะมีสติเสมอคอยย้ำตัวเองเวลากลัวว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปคิด และอย่ากลัว เอาง่ายๆเรียกปลอบใจตัวเอง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องผีเราก็อ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะแล้ว เลยเอาเรื่องตัวเองที่เจอกับตัวมาแบ่งปันกันบ้างดีกว่า
ขอแนะนำชื่อของแต่ละบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนนะค่ะ เพื่อจะได้ไม่งงชื่อกัน ก่อนที่จะเข้าเรื่องกัน
1.ยายชวด หรือ เรียกว่ายายน้อยเป็นแม่ของยายแจ้วและยายไหน
2.ยายแจ้ว เป็นแม่ของแม่เรา แต่เป็นลูกของยายน้อย เป็นพี่สาวของยายไหน [อาศัยอยู่กำแพงเพชร]
3.ยายไหน เป็นลูกของยายชวด [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
4.ทิพ เป็นหลานของยายไหน แต่ทิพเรียกยายว่าแม่ เพราะเลี้ยงดูแต่เกิด [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
5.น้าเนช น้องชายของแม่เรา ลูกชายคนเล็กของยายแจ้ว [อาศัยอยู่สมุทรปราการ]
6.ตาเยาว์ พ่อของแม่เรา เป็นแฟนกับยาวแจ้ว [อาศัยอยู่กำแพงเพชร]
ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ เรื่องมีอยู่ว่ายายเราแกอายุได้ 92 ปีแล้วลูกหลานจะเรียกกันว่ายายทวด ปกติยายแกจะเป็นคนที่เข้าโรงบาลเป็นว่าเล่น แต่ก็รักษาจนหายแล้วกลับบ้านได้ เป็นแบบนี้มานาน ไปมาระหว่างโรงบาล ก็เป็นโรคคนแก่นั้นแหละจ้าไม่มีอะไรมาก จนเมื่อเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา พี่สาวของยายทวดเสีย จัดงานศพที่จังหวัดกำแพงเพชรค่ะ ยายทวดก็ได้ขึ้นรถไปพร้อมกับญาติทางบ้านที่อยู่สมุทรปราการ [อ่อ?ลืมบอกไปว่าปัจจุบันก่อนยายเสียยายอาศัยอยู่ที่สมุทรปราการค่ะแต่คนละซอยกัน ยายจะอยู่บ้านอีกหลังกับยายไหนลูกสาวเขาค่ะซึ่งมีหลานอีกคนคอยเลี้ยงดูอยู่ชื่อทิพ] เพื่อขึ้นจังหวัดกำแพงเพชร ไปเผาพี่สาวตัวเอง เรื่องต่อจากนี้เราไม่ได้ไปงานศพด้วยนะค่ะต้องอยู่ดูบ้านที่สมุทรปราการค่ะ แต่ยายแจ้ว(แม่ของแม่เรา) เอามาเล่าให้ฟังค่ะ ว่าหลังกลับเผาศพเสร็จ ยายน้อย(ยายชวด)ก็เกิดป่วยหนักขึ้นมาทันที เลยได้นำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลยรีบกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก่อนที่ยายชวดจะป่วยหนัก ยายแจ้วเล่าให้ฟังว่า อยู่ๆยายชวดก็นั่งคุยกับใครไม่รู้บอกว่า “มันจะมารับกู มันจะรอกู” แล้วมาอีกวันก็ป่วยหนักอย่างที่เล่าไป จนวันที่ 12/06/58 ถ้าจำวันไม่ผิดนะค่ะเราได้เข้าไปเยี่ยมยายชวดที่โรงพยาบาล ตอนนั้นยายยังดีอยู่ค่ะแต่ไม่มีเสียงพูดแล้ว และก็เหมือนความจำจะลืมเลือนด้วยค่ะ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ยายแกเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวตายค่ะ โดยคนที่อยู่เฝ้ายายตลอดเวลาคือยายไหนลูกสาวของเขา
เรา : ยายเป็นอะไรหรอยายไหน
ยายไหน : ก็โรคคนแก่นั้นแหละแต่คราวนี้ปอดติดเชื้อ
เรา : แล้วยายดีขึ้นไหม // ที่เราถามไปอย่างงี้เพราะตอนที่เอามารักษาที่ สมุทรปราการแรกๆ อาการหนักค่ะ จนยายไหนต้องโทรไปหายายแจ้ว ว่าจะลงมาสมุทรปราการเพื่อมาดูใจแม่ไหม แต่พอมาวันนี้ ยายกลับดีขึ้น เลยไม่ต้องให้ยายแจ้วลงมาสมุทรปราการแล้ว
ยายไหน : ดีขึ้นมากแล้ว กินข้าวได้ กินไรเยอะขึ้น
หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านไป หลังจากที่เยี่ยมยายเสร็จ บอกตรงๆไม่ชอบโรงบาลเลยค่ะหดหู่สุดๆ T^T ไปทีไรรู้สึกแย่ทุกที
พอมาวันที่ 13/06/58 ยายไหนได้โทรแจ้งญาติว่าหมอบอกว่า ให้ญาติทำใจได้เลย ยังไงก็คงไม่รอด ซึ่งเราก็งงเนอะ เพราะตอนไปเยี่ยมยาย ก็เห็นดีขึ้นแล้วแต่ไหงกลับทรุดลง แล้วก็ได้โทรแจ้งยายแจ้วให้ลงมาที่สมุทรปราการ โดยเร็วซึ่ง พ่อกับแม่เรา เป็นคนขึ้นไปรับเย็นวันที่ 13/06/58 เลยค่ะ แล้วพอตกกลางคืนตอน ตี1-2 ก่อนอื่นขอบอกเลยค่ะว่าเราเป็นคนค่อนข้างนอนดึกมาก 5555และวันนั้นอยู่บ้านคนเดียวด้วยค่ะ คือเป็นยามเฝ้าบ้านตามเคย เราก็นั่งทำงานที่รับทำของเราเองไปจนเวลาเข้าไปตี 2 ครึ่ง ก็กำลังจะไปเข้าห้องน้ำแล้วพอออกมาเราก็ได้ยินเสียงหมาเห่าอยู่หน้าบ้านของเราแต่หันหน้าไปทางบ้าน น้องชายของแม่เราเองค่ะ ลองนึกภาพกตามดูนะฮ่ะ บ้านน้าเนชเราจะอยู่ก่อนบ้านเรา คือถ้าเข้ามาในซอยบ้านเราจะเป็นหลังที่3 แล้วบ้านหน้าเนชหลังที่ 2 ภาพที่เห็นคืนนั้นคือหมายืนเห่าหน้าบ้านเรา แต่หันหน้าไปทางบ้านน้าเนช ซึ่งเราเองก็ไม่คิดอะไรมากคงคิดว่ามันคงเห่าหมาตัวอื่นที่เข้ามาในซอย แต่อยู่ๆเราก็นึกอยากจะสวดมนต์ ซึ่งเราเองเป้นคนที่นานๆครั้งค่ะจะสวดที เราก็สวดตามหนังสือไปแล้วก็บอกกับพี่กุมารว่าให้ตามไปดูแลพ่อแม่ให้เขาเดินทางปลอดภัย ส่วนหนูขอให้เจ้าที่เจ้าทาง และสิ่งศักดิ์ ที่อยู่ในบ้านดูแลหนูและบ้านด้วย อย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น และขอให้คืนนี้หนูนอนหลับฝันดีไม่มีอะไรมารบกวนหรือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นเราก็นอนหลับสนิท ดีเลยจ้า ไม่มีอะไรรบกวนจริงๆ จนเช้าวันที่ 14/06/58 ตอนเช้าแม่เราโทรมาหาเราว่า
แม่ : อ้อรู้ยังยายชวดเสียแล้วนะ เมื่อคืนตอนตี2 หมอโทรมาบอก
เรา : อ้าวหรอ ทำไมยายไปไวจนหน้าใจหายจัง
คือถ้าเป็นคนอื่นคง คิดว่าไปไวยังไงยายแกก็อายุเยอะมากแล้ว แต่สำหรับคือเร็วค่ะเพราะปกติแกจะเป็นแล้วหาย แต่นี่รักษาไม่หายแล้ว และแกเสียแล้ว เราก็ใจหายไปสักพักแล้วเสียใจนะค่ะแต่ไม่ร้องไห้คือเสียใจแต่อยู่ข้างในใจนะค่ะ
พอแม่เรากลับบ้านถึงบ้าน ตอนประมาณ บ่าย2 ของวันที่ 14/06/58 ซึ่งมียายแจ้วกับตาเยาว์มาด้วย แล้วก็เข้ามาพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนน้าเนช เข้ามาหาที่บ้านเรา แล้วก็คุยกันไป จนน้าเนชบอกว่า เอ้อไอ้ภาเมื่อคืนอ่ะได้ยินเสียงยายมาเรียกด้วยหน้าบ้าน ตอน ตี 2ครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ขานกลับเพราะโบราณเขาบอกว่าไม่ให้ขานกลับเวลามีเสียงเรียกตอนกลางคืน [เรานี่หูผึ่งทันทีค่า แล้วนึกถึงที่หมาเห่าแล้วหันไปทางบ้านหน้าเนชเมื่อคืนทันทีเลยค่ะ ทำไมเหมาะเจาะกันแบบนี้] น้าเนชก็ยังพูดต่ออีกว่า แต่แปลกไอ้อ้อมันนอนดึกทำไมมันไม่โดน เราก็เลยพูดไปว่าผีบ้านผีเรือนไม่ให้เข้ามั้งไม่มีใครอนุญาติให้เข้า และเมื่อคืนหนูก็สวดมนต์ด้วย และเราก็คิดนะถ้าเราไม่สวดเราโดนแน่ๆเลยง่า T^T
พอตกเย็นก็ไปรดน้ำศพยายกันค่ะ ซึ่งตอนรดน้ำศพเราก็ได้ถูมือยาย จับมือยายด้วยอดไม่ได้ที่น้ำตาจะไม่ไหล แต่เราไม่ได้อยู่สวดศพเพราะขอกลับก่อนอยู่ดีดีก็ปวดหัวมาก แต่วันนั้นทีไปรดน้ำศพยายชวด กับเรายังไม่เกิดอะไรขึ้น ปกติดีทุกอย่าง แต่ว่าทางบ้านยายไหนที่ยายชวดอยู่ เขาบอกว่าเห็นยายมานั่งหน้าบ้านแต่เข้าบ้านไม่ได้ตอน กลางคืน ซึ่งอันนี้ไม่รู้จริงป่าวนะค่ะเขาเล่ากันมา
เดี่ยวมาต่อนะค่ะ ของวันสวดศพคืนที่ 2 จ้าเริ่มหน้ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ขอตัวไปทำงานก่อนฮ่ะ แล้วจะพยายามรีบกลับมาต่อให้จบนะค่ะ
หากพิมพ์อะไรผิดพลาด หรือเล่าไม่สนุก เล่างง ต้องขอโทษด้วยนะค่ะพอดีเล่าไม่ค่อยเก่งจริงๆจ้า ไม่ใช่เรื่องแต่งฮ่ะ มันอาจจะดูไม่น่ากลัว แต่ถ้าลองจิตนาการคืนนั้นอยู่คนเดียวสิค่ะ 5555 บ้ายยยย เดี่ยวมาต่อจ้า
หรือใครเจอมาเหมือนกันมแชร์กันได้นะค่ะ