ไม่มี
ไม่ใช่
ไม่สุข
รู้ตัวอีกที ฉันก็พาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เชียงใหม่เสียแล้ว จริงๆ ฉันควรจะดีใจที่ได้ย้ายมาอยู่จังหวัดที่เคยใฝ่ฝัน เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ย้อนไปในวันที่วาดภาพตัวเองใส่ชุดนักศึกษา เดินไปเดินมาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยสีม่วง
และมันก็ไม่เคยเป็นความจริง เพราะชีวิต มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เรานึกฝันไว้เสมอ
แต่ช่างมันเถอะ ... อย่างน้อยการที่ฉันไม่ได้อยู่เชียงใหม่ตั้งแต่แรก ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง
ข้อดีที่ว่านั้นคือ ... การได้มารู้จักกับแก งัย
ตั้งแต่วันสุดท้ายที่เราได้เจอกัน ฉันก็ยังคงชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดี่ยว ดูหนังคนเดียว เดินห้างคนเดียว ทำอะไรคนเดียว แบบเดิมเสมอมา
จนทุกวันนี้ ฉันก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งเดี่ยวที่จะเปลี่ยนแปลงไปก็คงจะมีแต่ รอยตีนกาที่อยู่บนใบหน้า แกบอกเสมอว่าฉันเป็นเสือยิ้มยาก
ก็แหงหล่ะ ยิ้มที ตีนกาโผล่มาเต็มหน้าไปหมด
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลข้อหนึ่ง ที่ทำให้ฉันไม่ค่อยยิ้มก็เป็นได้นะ ...
แต่แกน่าจะดีใจนะ เพราะแกคงเป็นคนเดียว ที่ได้เห็นรอยตีนกาบนใบหน้าของฉันบ่อยที่สุดแล้ว
ชีวิตฉันเงียบเหงาขึ้นมาอีกมากโข นับตั้งแต่ย้ายขึ้นมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกไปหมด
ฉันคงจะเป็นคนคนเดียว ที่หนีมาอยู่ไกลจากเพื่อน ๆ มากที่สุด
แต่ทำอย่างไรได้ ... ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นใช่ไหม ...
ฉันต้องพยายามใช้ชีวิต อย่างมีความสุข โดยที่ ไม่มีอะไรหลาย ๆ อย่าง
ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีเพื่อนๆ อยู่ใกล้ๆ
ไม่มีสนามบอลที่คุ้นเคยให้วิ่งเล่น
ไม่มีหมูหันรสเด็ดให้กินเหมือนเคย
และที่สำคัญ ... ไม่มีแก
ฉันเคยคิดว่า บางที่ การที่เราขาดแคลนบางสิ่งบางอย่างไป
อาจจะทำให้เราไม่สามารถพบกับความสุขได้
ฉันเข้าใจว่า ความสุข คือ การมี ในสิ่งที่เราต้องการ ... จนกระทั่ง ... ฉันได้เดินทางมายังสถานที่แห่งหนึ่ง
และบางสิ่งทำให้ฉันรู้ว่า ฉันคิดผิดเสมอมา
ในหมู่บ้านชาวปกาเกอะญอแห่งหนึ่ง บนดอยสูงที่เรียกกันว่า อินทนนท์
จริงๆแล้วที่นี่ ไม่ได้เป็นจุดหมายที่ฉันตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก ...
มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้ฉันต้องเข้ามา ณ ที่แห่งนี้
ที่ที่ ฉันคิดว่า ผู้คนที่นี่ ช่างน่าสงสาร เพราะความขาดแคลนหลายสิ่ง หลายอย่าง
กลุ่มเด็กๆ ตัวเล็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นต่างหยุด และจ้องมองมาที่ฉัน
สายตาเหล่านั้นทำให้ฉันต้องหยุด และรีบยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพที่อยู่ข้างหน้าในทันที
คืนนั้นฉันกลับมาที่บ้าน และเปิดดูรูปเด็กๆ เหล่านั้นอีกครั้ง พร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเอง
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าในมือมีแค่ยางมอเตอร์ไซค์เก่าๆ แทนที่จะเป็นไอแพดหรูๆ
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเป็นเพียงสิ่งของเหลือของใครบางคน แทนที่จะเป็นเสื้อผ้าสวยๆ ราคาแพงๆ
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าชีวิตไม่มีสิ่งที่ ทุกคนบนโลกใบนี้ ต้องการและพยายามแสวงหามาครอบครอง
และคำถามสุดท้าย ...
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ? ถ้าฉันต้องอยู่โดยไม่มีแก
ไม่มี ไม่ใช่ ไม่สุข
ไม่มี
ไม่ใช่
ไม่สุข
รู้ตัวอีกที ฉันก็พาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เชียงใหม่เสียแล้ว จริงๆ ฉันควรจะดีใจที่ได้ย้ายมาอยู่จังหวัดที่เคยใฝ่ฝัน เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ย้อนไปในวันที่วาดภาพตัวเองใส่ชุดนักศึกษา เดินไปเดินมาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยสีม่วง
และมันก็ไม่เคยเป็นความจริง เพราะชีวิต มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เรานึกฝันไว้เสมอ
แต่ช่างมันเถอะ ... อย่างน้อยการที่ฉันไม่ได้อยู่เชียงใหม่ตั้งแต่แรก ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง
ข้อดีที่ว่านั้นคือ ... การได้มารู้จักกับแก งัย
ตั้งแต่วันสุดท้ายที่เราได้เจอกัน ฉันก็ยังคงชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดี่ยว ดูหนังคนเดียว เดินห้างคนเดียว ทำอะไรคนเดียว แบบเดิมเสมอมา
จนทุกวันนี้ ฉันก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งเดี่ยวที่จะเปลี่ยนแปลงไปก็คงจะมีแต่ รอยตีนกาที่อยู่บนใบหน้า แกบอกเสมอว่าฉันเป็นเสือยิ้มยาก
ก็แหงหล่ะ ยิ้มที ตีนกาโผล่มาเต็มหน้าไปหมด
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลข้อหนึ่ง ที่ทำให้ฉันไม่ค่อยยิ้มก็เป็นได้นะ ...
แต่แกน่าจะดีใจนะ เพราะแกคงเป็นคนเดียว ที่ได้เห็นรอยตีนกาบนใบหน้าของฉันบ่อยที่สุดแล้ว
ชีวิตฉันเงียบเหงาขึ้นมาอีกมากโข นับตั้งแต่ย้ายขึ้นมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกไปหมด
ฉันคงจะเป็นคนคนเดียว ที่หนีมาอยู่ไกลจากเพื่อน ๆ มากที่สุด
แต่ทำอย่างไรได้ ... ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นใช่ไหม ...
ฉันต้องพยายามใช้ชีวิต อย่างมีความสุข โดยที่ ไม่มีอะไรหลาย ๆ อย่าง
ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีเพื่อนๆ อยู่ใกล้ๆ
ไม่มีสนามบอลที่คุ้นเคยให้วิ่งเล่น
ไม่มีหมูหันรสเด็ดให้กินเหมือนเคย
และที่สำคัญ ... ไม่มีแก
ฉันเคยคิดว่า บางที่ การที่เราขาดแคลนบางสิ่งบางอย่างไป
อาจจะทำให้เราไม่สามารถพบกับความสุขได้
ฉันเข้าใจว่า ความสุข คือ การมี ในสิ่งที่เราต้องการ ... จนกระทั่ง ... ฉันได้เดินทางมายังสถานที่แห่งหนึ่ง
และบางสิ่งทำให้ฉันรู้ว่า ฉันคิดผิดเสมอมา
ในหมู่บ้านชาวปกาเกอะญอแห่งหนึ่ง บนดอยสูงที่เรียกกันว่า อินทนนท์
จริงๆแล้วที่นี่ ไม่ได้เป็นจุดหมายที่ฉันตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก ...
มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้ฉันต้องเข้ามา ณ ที่แห่งนี้
ที่ที่ ฉันคิดว่า ผู้คนที่นี่ ช่างน่าสงสาร เพราะความขาดแคลนหลายสิ่ง หลายอย่าง
กลุ่มเด็กๆ ตัวเล็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นต่างหยุด และจ้องมองมาที่ฉัน
สายตาเหล่านั้นทำให้ฉันต้องหยุด และรีบยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพที่อยู่ข้างหน้าในทันที
คืนนั้นฉันกลับมาที่บ้าน และเปิดดูรูปเด็กๆ เหล่านั้นอีกครั้ง พร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเอง
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าในมือมีแค่ยางมอเตอร์ไซค์เก่าๆ แทนที่จะเป็นไอแพดหรูๆ
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเป็นเพียงสิ่งของเหลือของใครบางคน แทนที่จะเป็นเสื้อผ้าสวยๆ ราคาแพงๆ
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ?
ถ้าชีวิตไม่มีสิ่งที่ ทุกคนบนโลกใบนี้ ต้องการและพยายามแสวงหามาครอบครอง
และคำถามสุดท้าย ...
ฉันจะยังมีความสุขอยู่ไหม ? ถ้าฉันต้องอยู่โดยไม่มีแก