สวัสดีค่ะ เรื่องที่จะเล่าในวันนี้ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ เป็นเรื่องจริงจากเราเจ้าของกระทู้ค่ะ เพิ่งสมัครมา และเพิ่งตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก
เราชื่อมายด์ ปัจจุบันอายุ 21 ปีแล้วเรียนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นคนจังหวัดพังงาค่ะ เริ่มเลยนะคะ
ตั้งแต่เด็กเลย พอเริ่มจำความได้ และจำได้จนถึงตอนนี้ คือเล่นอยู่กับแม่ที่หน้าบ้าน แล้วหันไปเห็นผู้ชายแก่ ผมมวยผมสีขาว นุ่งโจงกระเบนสีขาว
แล้วก็พาดผ้าขาว ถือไม้เท้า ยืนดูเรากับแม่เล่นกันจากสวนยางพาราฝั่งตรงข้ามบ้าน บ้านเราทำสวนยางค่ะ สวนยางอยู่อีกฝั่งนึงของบ้าน
ตอนนั้นเพิ่งเริ่มจำความได้ ยังเด็กมาก ชี้ให้แม่ดูว่ามีคนแก่มายืนดู แม่หันไปมอง แล้วแม่ถามว่า ไหน ไม่เห็นมีใคร แล้วปรากฎว่าผู้ชายแก่คนนั้นหันหลังเดินหายเข้าไปในจอมปลวก ตอนนั้นเราไม่ตกใจค่ะ เพราะไม่รู้ว่าผี วิญญาณ สิ่งลี้ลับมันคืออะไร จนโตขึ้นเพิ่งเข้าใจว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองสวนยางบ้านเราอยู่ เพราะแม่ตั้งศาลตายายไว้ในสวนยาง เพิ่งมารู้ก็ตอนโตนี่ล่ะค่ะ นั่นคือครั้งแรก ที่เห็นสิ่งลี้ลับ
พอเริ่มโตขึ้นประมาณ ป4 เริ่มเห็นเจ้าที่บ้าน เดินวนอยู่รอบบ้านตลอดเวลาที่เรายังไม่ปิดไฟนอน หน้าต่างที่บ้านเป็นกระจกดำ แม่จะเปิดไฟไว้นอกบ้าน เราที่อยู่ในบ้านจะเห็นสิ่งที่อยู่นอกบ้าน มั่นใจว่าเป็นเจ้าที่ เพราะเห็นเป็นชุดสีขาว ก็ไม่กลัวค่ะ แม่บอกว่าท่านคอนคุ้มครองรักษา
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ แม่จะสอนเสมอว่าของพวกนี้ถ้าไม่กลัว จิตมันก็จะไม่ปรุงแต่ง มันก็จะไม่เห็น แต่เราก็แอบเถียงในใจ ว่าบางทีนั่งเล่นเพลินๆนะ ไม่ได้นึกกลัว ไม่ได้นึกถึงผีอะไรเลยแล้วเราเห็นได้ยังไง หลายๆครั้งที่เห็นเป็นเงาดำๆ ก็ทำไม่สนใจ อ้อ ! ลืมบอกไปอย่างนึงว่า บ้านเราอยู่หลังวัดค่ะ สมัยเราเด็กๆ ใครจะเข้ามาบ้านเราคือต้องขับผ่านเมรุเผาศพ ถ้าจะมาอีกทางก็ทางที่ไว้ฝังกระดูกค่ะ เราเห็นพ่อแม่เดินผ่านบ่อยๆ บางทีดึกแล้วก็ยังเดินกันแบบไม่กลัวอะไรเลย ถือไฟฉายไปแค่อันเดียว พ่อแม่เราเป็นคนเก่าคนแก่ ท่านไม่กลัวค่ะ ท่านเห็นเป็นเรื่องสนุก ว่าถ้ามาให้เห็นก็จะชวนคุย จะถามนู่นถามนี่ พูดไปก็หัวเราะไป แม่บอกสมัยก่อนแม่เจอเยอะกว่าเราอีก บางครั้งก็เห็นเป็นดวงไฟใหญ่ๆ มากินขี้ควายที่แม่เลี้ยงไว้ แม่บอกลิ้นมันยาวๆ บางทีก็มาเลียเสื้อผ้าแม่ที่แม่ตากไว้ เป็นรอยแดงๆ เพราะกลิ่นคาวจากเสื้อผ้าที่พ่อกับแม่ใส่ไปหาปลากันค่ะ แถวบ้านเรียกผีชิน บางคนก็เรียกผีกะ
เราก็ใช้ชีวิตตามปกติค่ะ จนวันนึง วันที่ต้องห่างจากอกพ่อแม่ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในจังหวัดภูเก็ต ก็ไม่ได้ไกลจากพังงาเลย มันติดกันค่ะ แต่ก็ไกลสำหรับเรา เพราะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ทุกวันเหมือนแต่ก่อน อย่างว่าล่ะค่ะ พออยู่ห่างจากพ่อแม่ สิ่งชั่วร้ายมันก็เข้ามาทำร้ายเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลายๆคนยังคงเข้าใจว่าการแขวนพระ ห้อยพระจะช่วยกันผีได้ เห็นมาหลายรายแล้วที่เจอผี แล้วหยิบพระมาแขวนท่องบทสวดมนต์ต่างๆนานา ผีไม่ยอมไป แถมบางตัวยังหัวเราะเยาะอีก ผีไม่ได้กลัวพระค่ะ ผีกลัวพ่อแม่ เพราะไม่มีบารมีไหนยิ่งใหญ่เท่าบารมีพ่อแม่ พระประจำบ้านค่ะ ทุกครั้งที่เราเจอผี เราจะนึกถึงแม่ แล้วผีพวกนั้นจะทำอะไรเราไม่ได้ เว้นแต่ว่า เราจะโกหกพ่อแม่ ว่าอยู่หอ ทั้งที่จริงออกไปเที่ยว บารมีพ่อแม่จะไม่สามาคุ้มครองได้ค่ะ เพราะโกหกพ่อแม่เป็นบาป เราไม่ได้คิดเองเออเองนะคะเรื่องนี้ แม่เป็นคนบอกค่ะ
ต่อนะคะ
ช่วงปิดเทอมก่อนจะเข้าปี 1 เราเข้าภูเก็ตมาหาหอพัก แต่หาไม่ได้เพราะหอพักเต็มหมด เด็กปี 1 เข้าใหม่เยอะ หอเลยเต็ม เลยได้อยู่คอนโดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เราเรียน คอนโดนี้เงียบสงบมากค่ะ ห้องไม่กว้างเกินไม่เล็กเกินกำลังดี แต่ไม่ค่อยดีก็ตรงที่พอเวลาประมาณตี 2 ของทุกวัน จะมีคนมาเคาะประตูห้องค่ะ 2-3 วันแรก ส่องดูที่ตาแมวก็ไม่มีอะไร พอเปิดดูก็ไม่มีอะไร เริ่มสังหรใจแปลกๆ วันที่ 4 เลยเอาวะ นั่งรอที่โซฟาข้างๆประตู นับเวลารอจนตี 2 ค่ะ เคาะปุ๊บจะเปิดปั๊บเลย ถ้าเป็นคนมาแกล้ง แม่จะด่าให้ พอถึงเวลาตี 2 มาเคาะจริงค่ะ เรารีบเปิดกระชากประตูเลย ปรากฏว่าสิ่งที่เห็น ... คือความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย เราสตั๊นไป 5 วิ ก่อนจะปิดประตูล๊อคห้องแล้วนั่งลงที่โซฟา นั่งคิดว่ามันคืออะไร หูฝาดหรอ ก็ไม่น่าจะหูฝาดทุกคืนนะ แล้วมันเป็นเวลาเดิมด้วย ก็ปลอบใจตัวเองไปว่าไม่มีอะไร ถ้าเป็นผีเป็นอะไรก็คงแค่มาแกล้ง ทำเป็นไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้ละกัน
จนเปิดเทอมค่ะ ได้เพื่อนที่สนิทมาเลย 5 คน พักเที่ยงเพื่อนมากันที่ห้องค่ะ วันนั้นคาบบ่ายมีเรียนค่ะ แต่พวกมันไม่ไปกัน ขี้เกียจ 55555 หนูๆอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ นอนเล่นกันจนประมาณบ่าย 2 ค่ะ อยู่ๆมีคนมาเคาะประตู เราก้สงสัยนะคะว่าใคร เราไม่รู้จักใครนะที่นี่ เพื่อนคนนึงก็ไปเปิด ปรากฏว่าไม่มีใครค่ะ เอาล่ะเว้ย .. เพื่อนทุกคนหันหน้ามองกันหมดเลยค่ะ เราเลยเล่าให้เพื่อนฟัง เราบอกว่านี่ดีนะเป็นกลางวัน ของกุนี่ ตี 2 จ้า ทุกคืนเลย
หลังจากนั้นเริ่มสนิทกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มค่ะ เลยตัดสินใจออกจากคอนโดไปเช่าหอด้วยกันอยู่หลังมอ ไม่ขอบอกนะคะว่าหอไหน เรากับเพื่อนอยู่ชั้น 3 ค่ะ ว่างอยู่ห้องเดียว ดี๊ดี ห้องก็โอเคค่ะ เก่าดี 555555 มีตู้ไม้ให้ เตียงก็เป็นเตียงไม้ 6 ฟุต มีผ้าม่านให้ มีระเบียง มีโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็ Free Wifi ค่ะ รวมๆก็โอเคค่ะ แต่หอค่อนข้างเก่าไปหน่อย คนดูแลหอก็เป็นชาวต่างชาติค่ะ เมียนม่าร์ แม่ลูกอ่อน ย้ายเข้าไปอยู่แรกๆก็ไม่มีอะไรค่ะ จนถึงวันนั้นจำได้ฝังใจไปจนวันตาย วันพฤหัสบดี สอบมิดเทอมเสร็จ เรากับเพื่อนกลับมาที่หอโดยมีเพื่อนอีกคนตามมาด้วยค่ะ มันจะมานอนเล่น นอนคุยกัน เพื่อนที่อยู่กับเราสมมุติว่าชื่อเชียร์นะคะ เพื่อนที่ตามมาสมมุติว่าชื่อแพรว เรา 3 คนนอนเล่นกัน จน 6 โมงกว่าๆ แพรวบอกว่าจะกลับบ้านละ บ้านไกล เดี๋ยวมืดค่ำ ลงไปส่งหน่อย มันกลัวค่ะ เรากับเชียร์ก็ลงไปส่งค่ะเราเดินนำหน้าเพื่อน เพื่อนตามหลังมาติดๆ เราลงบันไดมาถึงชั้น 2 สายตาเจ้ากรรมเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวนอนคว่ำอยู่ที่พื้นชั้น 2 ชุดเป็นสีขาวค่ะ แต่เป็นผ้าขาวที่ไม่ได้ซักนานแล้ว คือมันเป็นขาวๆเหลืองๆ เนื้อตัวก็มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เราตกใจหยุดเดิน รีบจับมือเพื่อนแล้วพาวิ่งไปชั้น 1 พอส่งแพรวเสร็จ เรากับเชียร์ก็ขึ้นห้อง ทีนี้พอถึงชั้น 2 เราจับมือเชียร์ไว้ แล้วเดินถอยหลังขึ้นบันได ตั้งใจจะดูให้เต็มตาอีกทีค่ะ ว่าไม่ได้ตาฝาด รอบนี้ไม่เห็นตัวค่ะ แต่ได้ยินเสียง เหมือนคนเอาเล็บขูดกับพื้นดัง แกรกๆ ดัง 3 ครั้ง เราตกใจปากไวถามเชียร์ว่าได้ยินอะไรมั้ย เชียร์บอกไม่อ่ะ เรารีบเข้าห้อง แล้วเล่าให้เชียร์ฟัง เชียร์ขนลุกเลยค่ะ เพราะมันพอรู้บ้างว่าเราชอบเห็นผี เราก็บอกเชียร์ว่าทำเป็นไม่สนใจละกัน ซักพักประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ เรารู้สึกปวดคอปวดหลัง ให้เชียร์ช่วยดัดหลังให้ก็ไม่หาย ในใจคิดว่าใช่เค้าตามมารึเปล่า แต่ก็คิดอีกใจว่าคงนั่งนานมั้ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะคืนนั้น
เช้าวันศุกร์แสนสดใส เก็บของจะกลับพังงาค่ะ อยู่ๆเพื่อนอีกคนโทรมาบอกว่ารอมันด้วยเดี๋ยวมันกลับด้วย คือเราขับมอไซต์กลับอ่ะค่ะ 2 ชั่วโมงก็ถึงบ้านละ เชียร์ไม่กลับค่ะ เชียร์อยู่กับแฟนต่อ เราก็รอเพื่อนอีกคนจนบ่าย 2 มันถึงจะโทรมาบอกว่า ไม่ได้กลับแล้ว ติดงาน เราก็หัวเสียเลย เพราะรอตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เลยรีบออกจากหอ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน กะจะกฃัลไปให้แม่เซอร์ไพส์เล่นๆ เพราะไม่ได้บอกแม่ว่าจะกลับ ขับไประหว่างทาง รู้สึกเลยว่ารถมันหนัก ล้อหลังแกว่งๆแต่ก็ไม่เอะใจอะไร เราขับรถเก่งอยู่แล้ว ไม่กลัวค่ะ จนไปถึงโค้งอันตราย อยู่ๆล้อหลังเรามันสะบัดแบบไม่มีสาเหตุเลย เกือบล้ม แต่เราบังคับหัวรถได้ทันค่ะ แล้วก็ขับต่อ ขวัญหายนิดๆ ขับไปเรื่องๆใกล้จะถึงสะพานสารสินละค่ะ มีการสร้างถนนอยู่ก้อนหินก้อนกรวดเยอะ เราก็ขับช้าๆ เราว่าเราดูทางดีแล้วนะ เราไม่ใช่คนประมาท อยู่ๆ ขับไปเหยียบเอาก้อนหินลูหเบ้อเริ่มเลยค่ะ เท่ากำปั้น รถเราเสียหลักเซไปเกือบชนกับรถสิบล้อ แต่เราบังคับรถได้อีกแล้วค่ะ ใจหายแว๊บเลย คนที่นั่งข้างคนขับรถสิบล้อ ตะโกนมาถามว่า โอเคมั้ยหนู เรายังตกใจอยู่เลยยิ้มให้เค้าแล้วก็ขับต่อค่ะ จนถึงพังงา อีกไม่ไกลก็ถึงบ้านละ ขับช้าๆค่ะ ขับตามหลังรถจักรยาน ลุงเค้าเป็นนักปั่นค่ะ ขับเรื่อยๆ อากาศกำลังดี ทีนี้รู้สึกได้เลยค่ะ ว่าล้อหลังโดนกระชากอย่างแรง รถเสียหลักล้มจริงรอบนี้ ลุงนักปั่นจอดแล้ววิ่งมาช่วย ถามว่าทำไมถึงล้ม ใครเฉี่ยวใครชนรึเปล่า เราบอกเปล่าค่ะ ไม่รู้ทำไมถึงล้ม ขับมาช้าๆตามหลังลุง อยู่ๆก็เหมือนล้อโดนดึง แล้วก็ล้มเฉยเลย ลุงแกก็ถามว่าเจ็บมากมั้ย ขับไหวนะ เราบอกไหว แบ้วก็ขับต่อ เราเจ็บแผลมาก เลยโทรให้เพื่อนที่อยู่แถวนั้นมารับหน่อย มันก็มารับกับเพื่อนอีกคน มันมาขับให้เรา เพื่อนอีกคนก็ขับตามหลัง มาส่งเราที่บ้าน พอถึงบ้านยังไม่ทันได้บอกอะไรแม่ แม่ทักขึ้นมาว่าทำไมหน้าหมองอย่างนั้น อยู่ภูเก็ตขับรถไม่ใส่หมวกหรอ เราบอกใส่ตลอด แล้วเราก็บอกแม่ว่าเรารถล้มมา แม่ตกใจพาไปทำแผล เราเล่าเรื่องที่เราเห็นให้แม่ฟัง เล่าความรู้สึกตลอดทางที่ขับรถมาให้แม่ฟัง แม่ใจคอไม่ดี เลยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปทำบุญ เรารีบของคุณเพื่อนที่มาส่ง แล้วพวกมันก็กลับบ้านไป และเช้ามาเราก็ไปทำบุญ แม่เล่าให้พระที่วัดฟัง พระบอกว่า เพราะเรามีบุญอยุ่แล้ว แต่เราไม่ค่อยได้ทำบุญ สัมภเวสีรับรู้ได้ ว่าใครสามารถช่วยเค้าได้ เค้าจะเข้าหาคนนั้น เราเลยถามว่าแล้วทำไมเราต้องเจ็บตัว พระท่านเลยบอกว่า คนเราถ้าดวงไม่ตก ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ จะเข้าวัดทำบุญกันมั้ย ดูจากเราเป็นตัวอย่าง ปกติแม่ไปวัด เราไม่คิดจะไปด้วยเลย ไปนั่งนานๆปวดตูด มีแค่คนแก่เราคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เราเลยไม่ไป เราเลยจำไว้เป็นวิทยาทาน ว่าเราควรจะแบ่งบุญแบ่งกุศลบ้าง แต่ก็เหมือนเคยค่ะ ทำได้ไม่นานก็ขี้เกียจตื่นเช้า ขี้เกียจอาบน้ำไปวัด แลดูเป็นกุลสตรีมาก 5555555
และหลังจากนั้นเปิดเทอม เรากลับหอค่ะ เชียร์บอกว่าจะขอย้ายออก เพราะจะไปอยู่กับแฟน เราก็โอเค ช่วยเชียร์เก็บของ และเตรียมตัว อยู่คนเดียว เอาละไง -_-
วันอาทิตย์ก่อนวันเปิดเทอม ประมาณ ตี 1 เราปิดคอมปิดไฟเตรียมนอน เพราะวันจันทร์มอเปิดแล้ว ระหว่างที่เคลิ้มๆ ก็เห็นที่หน้าต่าง ไฟจากข้างนอกส่องมาเลยมองเห็นลางๆว่าเป็นผู้หญิงยืนอยู่ เรามั่นใจเหลือเกินว่าเป็นผู้หญิงคนเดิม แต่เสื้อผ้าเป็นสีขาวเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เราคิดว่าเค้าคงได้รับส่วนบุญแล้ว และคงจะมาขอบคุณมั้ง เราตกใจนิดหน่อย แต่มันง่วงก็เลยนอนหลับไป จนเช้าก็ไปเรียนตามปกติ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่หอ มันก็เงียบดี บางคืนก็ได้ยินห้องใกล้ๆทะเลาะกันบ้าง ผัวเมียเค้าเตะต่อยกันบ้าง ก็คิดเอาว่าเป็นเสียงดนตรีฟังๆไปจะได้ไม่เสียสุขภาพจิต
หลังจากนั้นไม่กี่วันเห็นช่างมาติดกล้องวงจรปิด ซึ่งปกติหอเราไม่มีกล้องวงจรปิดค่ะ แล้วเราก็สังเกตุเห็นห้องแรกที่ชั้น 1 ถูกทุบทิ้ง ทำเป็นห้องเก็บของ เราจำได้ว่าเจ้าของห้องเก่าเป็นพี่ผู้ชาย ไม่ชอบใส่เสื้อใส่แต่กางเกงบอล ชอบมานั่งสูบยาสูบที่ระเบียงหลังห้อง เราเห็นบ่อยเพราะต้องเดินผ่านห้องพี่เค้าทุกวัน เราก็คิดว่าสงสัยพี่เค้าย้ายออกเจ้าของห้องคงมีไอเดียจะทุบห้องนี้ทิ้งแล้วทำเป็นที่นั่งเล่นมั้ง เราก็คิดในแง่นี้อ่ะนะ จนวันนึงเพื่อนในห้องมาถามว่า เราเจออะไรบ้างมั้ยที่หอ เราบอกไม่นี่ ทำไมอ่ะ มันก็ถามว่า เอ้า ! ก็เค้ายิงกันตายที่ชั้น 1 หอเทออ่ะ ไม่รู้เรื่องหรอ เลยมาถามเนี่ย ว่าเห็นผีเห็นวิญญาณคนตายบ้างมั้ย เพราะเค้าตายคาห้อง ตายหน้าประตูเลย เรานี่ไอหย๋าเลย รีบเปิดกูเกิ้ลหาข่าวยิงกันตายที่หอแถวนั้น ปรากฏว่ารูปในข่าวเป็นรูปห้องพักที่มีตู้ไม้ เตียงไม้ ผ้าม่านสีฟ้า เหมือนห้องเราเป๊ะเลย ชัดเจนนนนน -_-
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียนเราหลับหอ พอถึงห้องนั้นเรารีบวิ่งไม่หันไปดู นอนคุยแชทเม้าท์มอยกับเพื่อนในห้อง และท้องเจ้ากรรมก็ดันหิว ตอนนั้น 3 ทุ่ม จำได้ฝังใจอีกเช่นเคย ตัดสินใจออกไปเซเว่น เดินเพลินๆ ลืมไปเลยว่าถึงห้องพี่เค้าแล้ว และสายตาเจ้ากรรม ก็ดันเห็นผู้ชายตัวสูงผิวคล้ำไม่ใส่เสื้อใส่กางเกงบอลสีดำ ยืนแอบอยู่ที่เสาในห้องที่เค้าทุบทิ้งนั้น เราเห็นเค้าโผล่ออกมาครึ่งตัว แต่จำได้แม่นเลยว่าเป็นพี่เจ้าของห้องแน่ สตั๊นอีก 5 วิ ก่อนจะวิ่งไปที่รถขับไปเซเว่น ขากลับจากเซเว่น รีบวิ่งแจ๋นขึ้นห้องเลยจ้า ครบ10000คำแล้ว ต่อข้างล่างนะจ้ะ
เรื่องจริงของคนเห็นผี ไม่เคยชินแต่ต้องทำใจค่ะบอกเลย ...
เราชื่อมายด์ ปัจจุบันอายุ 21 ปีแล้วเรียนอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นคนจังหวัดพังงาค่ะ เริ่มเลยนะคะ
ตั้งแต่เด็กเลย พอเริ่มจำความได้ และจำได้จนถึงตอนนี้ คือเล่นอยู่กับแม่ที่หน้าบ้าน แล้วหันไปเห็นผู้ชายแก่ ผมมวยผมสีขาว นุ่งโจงกระเบนสีขาว
แล้วก็พาดผ้าขาว ถือไม้เท้า ยืนดูเรากับแม่เล่นกันจากสวนยางพาราฝั่งตรงข้ามบ้าน บ้านเราทำสวนยางค่ะ สวนยางอยู่อีกฝั่งนึงของบ้าน
ตอนนั้นเพิ่งเริ่มจำความได้ ยังเด็กมาก ชี้ให้แม่ดูว่ามีคนแก่มายืนดู แม่หันไปมอง แล้วแม่ถามว่า ไหน ไม่เห็นมีใคร แล้วปรากฎว่าผู้ชายแก่คนนั้นหันหลังเดินหายเข้าไปในจอมปลวก ตอนนั้นเราไม่ตกใจค่ะ เพราะไม่รู้ว่าผี วิญญาณ สิ่งลี้ลับมันคืออะไร จนโตขึ้นเพิ่งเข้าใจว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองสวนยางบ้านเราอยู่ เพราะแม่ตั้งศาลตายายไว้ในสวนยาง เพิ่งมารู้ก็ตอนโตนี่ล่ะค่ะ นั่นคือครั้งแรก ที่เห็นสิ่งลี้ลับ
พอเริ่มโตขึ้นประมาณ ป4 เริ่มเห็นเจ้าที่บ้าน เดินวนอยู่รอบบ้านตลอดเวลาที่เรายังไม่ปิดไฟนอน หน้าต่างที่บ้านเป็นกระจกดำ แม่จะเปิดไฟไว้นอกบ้าน เราที่อยู่ในบ้านจะเห็นสิ่งที่อยู่นอกบ้าน มั่นใจว่าเป็นเจ้าที่ เพราะเห็นเป็นชุดสีขาว ก็ไม่กลัวค่ะ แม่บอกว่าท่านคอนคุ้มครองรักษา
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ แม่จะสอนเสมอว่าของพวกนี้ถ้าไม่กลัว จิตมันก็จะไม่ปรุงแต่ง มันก็จะไม่เห็น แต่เราก็แอบเถียงในใจ ว่าบางทีนั่งเล่นเพลินๆนะ ไม่ได้นึกกลัว ไม่ได้นึกถึงผีอะไรเลยแล้วเราเห็นได้ยังไง หลายๆครั้งที่เห็นเป็นเงาดำๆ ก็ทำไม่สนใจ อ้อ ! ลืมบอกไปอย่างนึงว่า บ้านเราอยู่หลังวัดค่ะ สมัยเราเด็กๆ ใครจะเข้ามาบ้านเราคือต้องขับผ่านเมรุเผาศพ ถ้าจะมาอีกทางก็ทางที่ไว้ฝังกระดูกค่ะ เราเห็นพ่อแม่เดินผ่านบ่อยๆ บางทีดึกแล้วก็ยังเดินกันแบบไม่กลัวอะไรเลย ถือไฟฉายไปแค่อันเดียว พ่อแม่เราเป็นคนเก่าคนแก่ ท่านไม่กลัวค่ะ ท่านเห็นเป็นเรื่องสนุก ว่าถ้ามาให้เห็นก็จะชวนคุย จะถามนู่นถามนี่ พูดไปก็หัวเราะไป แม่บอกสมัยก่อนแม่เจอเยอะกว่าเราอีก บางครั้งก็เห็นเป็นดวงไฟใหญ่ๆ มากินขี้ควายที่แม่เลี้ยงไว้ แม่บอกลิ้นมันยาวๆ บางทีก็มาเลียเสื้อผ้าแม่ที่แม่ตากไว้ เป็นรอยแดงๆ เพราะกลิ่นคาวจากเสื้อผ้าที่พ่อกับแม่ใส่ไปหาปลากันค่ะ แถวบ้านเรียกผีชิน บางคนก็เรียกผีกะ
เราก็ใช้ชีวิตตามปกติค่ะ จนวันนึง วันที่ต้องห่างจากอกพ่อแม่ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในจังหวัดภูเก็ต ก็ไม่ได้ไกลจากพังงาเลย มันติดกันค่ะ แต่ก็ไกลสำหรับเรา เพราะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ทุกวันเหมือนแต่ก่อน อย่างว่าล่ะค่ะ พออยู่ห่างจากพ่อแม่ สิ่งชั่วร้ายมันก็เข้ามาทำร้ายเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลายๆคนยังคงเข้าใจว่าการแขวนพระ ห้อยพระจะช่วยกันผีได้ เห็นมาหลายรายแล้วที่เจอผี แล้วหยิบพระมาแขวนท่องบทสวดมนต์ต่างๆนานา ผีไม่ยอมไป แถมบางตัวยังหัวเราะเยาะอีก ผีไม่ได้กลัวพระค่ะ ผีกลัวพ่อแม่ เพราะไม่มีบารมีไหนยิ่งใหญ่เท่าบารมีพ่อแม่ พระประจำบ้านค่ะ ทุกครั้งที่เราเจอผี เราจะนึกถึงแม่ แล้วผีพวกนั้นจะทำอะไรเราไม่ได้ เว้นแต่ว่า เราจะโกหกพ่อแม่ ว่าอยู่หอ ทั้งที่จริงออกไปเที่ยว บารมีพ่อแม่จะไม่สามาคุ้มครองได้ค่ะ เพราะโกหกพ่อแม่เป็นบาป เราไม่ได้คิดเองเออเองนะคะเรื่องนี้ แม่เป็นคนบอกค่ะ
ต่อนะคะ ช่วงปิดเทอมก่อนจะเข้าปี 1 เราเข้าภูเก็ตมาหาหอพัก แต่หาไม่ได้เพราะหอพักเต็มหมด เด็กปี 1 เข้าใหม่เยอะ หอเลยเต็ม เลยได้อยู่คอนโดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่เราเรียน คอนโดนี้เงียบสงบมากค่ะ ห้องไม่กว้างเกินไม่เล็กเกินกำลังดี แต่ไม่ค่อยดีก็ตรงที่พอเวลาประมาณตี 2 ของทุกวัน จะมีคนมาเคาะประตูห้องค่ะ 2-3 วันแรก ส่องดูที่ตาแมวก็ไม่มีอะไร พอเปิดดูก็ไม่มีอะไร เริ่มสังหรใจแปลกๆ วันที่ 4 เลยเอาวะ นั่งรอที่โซฟาข้างๆประตู นับเวลารอจนตี 2 ค่ะ เคาะปุ๊บจะเปิดปั๊บเลย ถ้าเป็นคนมาแกล้ง แม่จะด่าให้ พอถึงเวลาตี 2 มาเคาะจริงค่ะ เรารีบเปิดกระชากประตูเลย ปรากฏว่าสิ่งที่เห็น ... คือความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย เราสตั๊นไป 5 วิ ก่อนจะปิดประตูล๊อคห้องแล้วนั่งลงที่โซฟา นั่งคิดว่ามันคืออะไร หูฝาดหรอ ก็ไม่น่าจะหูฝาดทุกคืนนะ แล้วมันเป็นเวลาเดิมด้วย ก็ปลอบใจตัวเองไปว่าไม่มีอะไร ถ้าเป็นผีเป็นอะไรก็คงแค่มาแกล้ง ทำเป็นไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้ละกัน
จนเปิดเทอมค่ะ ได้เพื่อนที่สนิทมาเลย 5 คน พักเที่ยงเพื่อนมากันที่ห้องค่ะ วันนั้นคาบบ่ายมีเรียนค่ะ แต่พวกมันไม่ไปกัน ขี้เกียจ 55555 หนูๆอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ นอนเล่นกันจนประมาณบ่าย 2 ค่ะ อยู่ๆมีคนมาเคาะประตู เราก้สงสัยนะคะว่าใคร เราไม่รู้จักใครนะที่นี่ เพื่อนคนนึงก็ไปเปิด ปรากฏว่าไม่มีใครค่ะ เอาล่ะเว้ย .. เพื่อนทุกคนหันหน้ามองกันหมดเลยค่ะ เราเลยเล่าให้เพื่อนฟัง เราบอกว่านี่ดีนะเป็นกลางวัน ของกุนี่ ตี 2 จ้า ทุกคืนเลย
หลังจากนั้นเริ่มสนิทกับเพื่อนคนนึงในกลุ่มค่ะ เลยตัดสินใจออกจากคอนโดไปเช่าหอด้วยกันอยู่หลังมอ ไม่ขอบอกนะคะว่าหอไหน เรากับเพื่อนอยู่ชั้น 3 ค่ะ ว่างอยู่ห้องเดียว ดี๊ดี ห้องก็โอเคค่ะ เก่าดี 555555 มีตู้ไม้ให้ เตียงก็เป็นเตียงไม้ 6 ฟุต มีผ้าม่านให้ มีระเบียง มีโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็ Free Wifi ค่ะ รวมๆก็โอเคค่ะ แต่หอค่อนข้างเก่าไปหน่อย คนดูแลหอก็เป็นชาวต่างชาติค่ะ เมียนม่าร์ แม่ลูกอ่อน ย้ายเข้าไปอยู่แรกๆก็ไม่มีอะไรค่ะ จนถึงวันนั้นจำได้ฝังใจไปจนวันตาย วันพฤหัสบดี สอบมิดเทอมเสร็จ เรากับเพื่อนกลับมาที่หอโดยมีเพื่อนอีกคนตามมาด้วยค่ะ มันจะมานอนเล่น นอนคุยกัน เพื่อนที่อยู่กับเราสมมุติว่าชื่อเชียร์นะคะ เพื่อนที่ตามมาสมมุติว่าชื่อแพรว เรา 3 คนนอนเล่นกัน จน 6 โมงกว่าๆ แพรวบอกว่าจะกลับบ้านละ บ้านไกล เดี๋ยวมืดค่ำ ลงไปส่งหน่อย มันกลัวค่ะ เรากับเชียร์ก็ลงไปส่งค่ะเราเดินนำหน้าเพื่อน เพื่อนตามหลังมาติดๆ เราลงบันไดมาถึงชั้น 2 สายตาเจ้ากรรมเห็นผู้หญิงชุดขาวผมยาวนอนคว่ำอยู่ที่พื้นชั้น 2 ชุดเป็นสีขาวค่ะ แต่เป็นผ้าขาวที่ไม่ได้ซักนานแล้ว คือมันเป็นขาวๆเหลืองๆ เนื้อตัวก็มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด เราตกใจหยุดเดิน รีบจับมือเพื่อนแล้วพาวิ่งไปชั้น 1 พอส่งแพรวเสร็จ เรากับเชียร์ก็ขึ้นห้อง ทีนี้พอถึงชั้น 2 เราจับมือเชียร์ไว้ แล้วเดินถอยหลังขึ้นบันได ตั้งใจจะดูให้เต็มตาอีกทีค่ะ ว่าไม่ได้ตาฝาด รอบนี้ไม่เห็นตัวค่ะ แต่ได้ยินเสียง เหมือนคนเอาเล็บขูดกับพื้นดัง แกรกๆ ดัง 3 ครั้ง เราตกใจปากไวถามเชียร์ว่าได้ยินอะไรมั้ย เชียร์บอกไม่อ่ะ เรารีบเข้าห้อง แล้วเล่าให้เชียร์ฟัง เชียร์ขนลุกเลยค่ะ เพราะมันพอรู้บ้างว่าเราชอบเห็นผี เราก็บอกเชียร์ว่าทำเป็นไม่สนใจละกัน ซักพักประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ เรารู้สึกปวดคอปวดหลัง ให้เชียร์ช่วยดัดหลังให้ก็ไม่หาย ในใจคิดว่าใช่เค้าตามมารึเปล่า แต่ก็คิดอีกใจว่าคงนั่งนานมั้ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะคืนนั้น
เช้าวันศุกร์แสนสดใส เก็บของจะกลับพังงาค่ะ อยู่ๆเพื่อนอีกคนโทรมาบอกว่ารอมันด้วยเดี๋ยวมันกลับด้วย คือเราขับมอไซต์กลับอ่ะค่ะ 2 ชั่วโมงก็ถึงบ้านละ เชียร์ไม่กลับค่ะ เชียร์อยู่กับแฟนต่อ เราก็รอเพื่อนอีกคนจนบ่าย 2 มันถึงจะโทรมาบอกว่า ไม่ได้กลับแล้ว ติดงาน เราก็หัวเสียเลย เพราะรอตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เลยรีบออกจากหอ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน กะจะกฃัลไปให้แม่เซอร์ไพส์เล่นๆ เพราะไม่ได้บอกแม่ว่าจะกลับ ขับไประหว่างทาง รู้สึกเลยว่ารถมันหนัก ล้อหลังแกว่งๆแต่ก็ไม่เอะใจอะไร เราขับรถเก่งอยู่แล้ว ไม่กลัวค่ะ จนไปถึงโค้งอันตราย อยู่ๆล้อหลังเรามันสะบัดแบบไม่มีสาเหตุเลย เกือบล้ม แต่เราบังคับหัวรถได้ทันค่ะ แล้วก็ขับต่อ ขวัญหายนิดๆ ขับไปเรื่องๆใกล้จะถึงสะพานสารสินละค่ะ มีการสร้างถนนอยู่ก้อนหินก้อนกรวดเยอะ เราก็ขับช้าๆ เราว่าเราดูทางดีแล้วนะ เราไม่ใช่คนประมาท อยู่ๆ ขับไปเหยียบเอาก้อนหินลูหเบ้อเริ่มเลยค่ะ เท่ากำปั้น รถเราเสียหลักเซไปเกือบชนกับรถสิบล้อ แต่เราบังคับรถได้อีกแล้วค่ะ ใจหายแว๊บเลย คนที่นั่งข้างคนขับรถสิบล้อ ตะโกนมาถามว่า โอเคมั้ยหนู เรายังตกใจอยู่เลยยิ้มให้เค้าแล้วก็ขับต่อค่ะ จนถึงพังงา อีกไม่ไกลก็ถึงบ้านละ ขับช้าๆค่ะ ขับตามหลังรถจักรยาน ลุงเค้าเป็นนักปั่นค่ะ ขับเรื่อยๆ อากาศกำลังดี ทีนี้รู้สึกได้เลยค่ะ ว่าล้อหลังโดนกระชากอย่างแรง รถเสียหลักล้มจริงรอบนี้ ลุงนักปั่นจอดแล้ววิ่งมาช่วย ถามว่าทำไมถึงล้ม ใครเฉี่ยวใครชนรึเปล่า เราบอกเปล่าค่ะ ไม่รู้ทำไมถึงล้ม ขับมาช้าๆตามหลังลุง อยู่ๆก็เหมือนล้อโดนดึง แล้วก็ล้มเฉยเลย ลุงแกก็ถามว่าเจ็บมากมั้ย ขับไหวนะ เราบอกไหว แบ้วก็ขับต่อ เราเจ็บแผลมาก เลยโทรให้เพื่อนที่อยู่แถวนั้นมารับหน่อย มันก็มารับกับเพื่อนอีกคน มันมาขับให้เรา เพื่อนอีกคนก็ขับตามหลัง มาส่งเราที่บ้าน พอถึงบ้านยังไม่ทันได้บอกอะไรแม่ แม่ทักขึ้นมาว่าทำไมหน้าหมองอย่างนั้น อยู่ภูเก็ตขับรถไม่ใส่หมวกหรอ เราบอกใส่ตลอด แล้วเราก็บอกแม่ว่าเรารถล้มมา แม่ตกใจพาไปทำแผล เราเล่าเรื่องที่เราเห็นให้แม่ฟัง เล่าความรู้สึกตลอดทางที่ขับรถมาให้แม่ฟัง แม่ใจคอไม่ดี เลยบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปทำบุญ เรารีบของคุณเพื่อนที่มาส่ง แล้วพวกมันก็กลับบ้านไป และเช้ามาเราก็ไปทำบุญ แม่เล่าให้พระที่วัดฟัง พระบอกว่า เพราะเรามีบุญอยุ่แล้ว แต่เราไม่ค่อยได้ทำบุญ สัมภเวสีรับรู้ได้ ว่าใครสามารถช่วยเค้าได้ เค้าจะเข้าหาคนนั้น เราเลยถามว่าแล้วทำไมเราต้องเจ็บตัว พระท่านเลยบอกว่า คนเราถ้าดวงไม่ตก ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ จะเข้าวัดทำบุญกันมั้ย ดูจากเราเป็นตัวอย่าง ปกติแม่ไปวัด เราไม่คิดจะไปด้วยเลย ไปนั่งนานๆปวดตูด มีแค่คนแก่เราคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง เราเลยไม่ไป เราเลยจำไว้เป็นวิทยาทาน ว่าเราควรจะแบ่งบุญแบ่งกุศลบ้าง แต่ก็เหมือนเคยค่ะ ทำได้ไม่นานก็ขี้เกียจตื่นเช้า ขี้เกียจอาบน้ำไปวัด แลดูเป็นกุลสตรีมาก 5555555
และหลังจากนั้นเปิดเทอม เรากลับหอค่ะ เชียร์บอกว่าจะขอย้ายออก เพราะจะไปอยู่กับแฟน เราก็โอเค ช่วยเชียร์เก็บของ และเตรียมตัว อยู่คนเดียว เอาละไง -_-
วันอาทิตย์ก่อนวันเปิดเทอม ประมาณ ตี 1 เราปิดคอมปิดไฟเตรียมนอน เพราะวันจันทร์มอเปิดแล้ว ระหว่างที่เคลิ้มๆ ก็เห็นที่หน้าต่าง ไฟจากข้างนอกส่องมาเลยมองเห็นลางๆว่าเป็นผู้หญิงยืนอยู่ เรามั่นใจเหลือเกินว่าเป็นผู้หญิงคนเดิม แต่เสื้อผ้าเป็นสีขาวเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน เราคิดว่าเค้าคงได้รับส่วนบุญแล้ว และคงจะมาขอบคุณมั้ง เราตกใจนิดหน่อย แต่มันง่วงก็เลยนอนหลับไป จนเช้าก็ไปเรียนตามปกติ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่หอ มันก็เงียบดี บางคืนก็ได้ยินห้องใกล้ๆทะเลาะกันบ้าง ผัวเมียเค้าเตะต่อยกันบ้าง ก็คิดเอาว่าเป็นเสียงดนตรีฟังๆไปจะได้ไม่เสียสุขภาพจิต
หลังจากนั้นไม่กี่วันเห็นช่างมาติดกล้องวงจรปิด ซึ่งปกติหอเราไม่มีกล้องวงจรปิดค่ะ แล้วเราก็สังเกตุเห็นห้องแรกที่ชั้น 1 ถูกทุบทิ้ง ทำเป็นห้องเก็บของ เราจำได้ว่าเจ้าของห้องเก่าเป็นพี่ผู้ชาย ไม่ชอบใส่เสื้อใส่แต่กางเกงบอล ชอบมานั่งสูบยาสูบที่ระเบียงหลังห้อง เราเห็นบ่อยเพราะต้องเดินผ่านห้องพี่เค้าทุกวัน เราก็คิดว่าสงสัยพี่เค้าย้ายออกเจ้าของห้องคงมีไอเดียจะทุบห้องนี้ทิ้งแล้วทำเป็นที่นั่งเล่นมั้ง เราก็คิดในแง่นี้อ่ะนะ จนวันนึงเพื่อนในห้องมาถามว่า เราเจออะไรบ้างมั้ยที่หอ เราบอกไม่นี่ ทำไมอ่ะ มันก็ถามว่า เอ้า ! ก็เค้ายิงกันตายที่ชั้น 1 หอเทออ่ะ ไม่รู้เรื่องหรอ เลยมาถามเนี่ย ว่าเห็นผีเห็นวิญญาณคนตายบ้างมั้ย เพราะเค้าตายคาห้อง ตายหน้าประตูเลย เรานี่ไอหย๋าเลย รีบเปิดกูเกิ้ลหาข่าวยิงกันตายที่หอแถวนั้น ปรากฏว่ารูปในข่าวเป็นรูปห้องพักที่มีตู้ไม้ เตียงไม้ ผ้าม่านสีฟ้า เหมือนห้องเราเป๊ะเลย ชัดเจนนนนน -_-
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียนเราหลับหอ พอถึงห้องนั้นเรารีบวิ่งไม่หันไปดู นอนคุยแชทเม้าท์มอยกับเพื่อนในห้อง และท้องเจ้ากรรมก็ดันหิว ตอนนั้น 3 ทุ่ม จำได้ฝังใจอีกเช่นเคย ตัดสินใจออกไปเซเว่น เดินเพลินๆ ลืมไปเลยว่าถึงห้องพี่เค้าแล้ว และสายตาเจ้ากรรม ก็ดันเห็นผู้ชายตัวสูงผิวคล้ำไม่ใส่เสื้อใส่กางเกงบอลสีดำ ยืนแอบอยู่ที่เสาในห้องที่เค้าทุบทิ้งนั้น เราเห็นเค้าโผล่ออกมาครึ่งตัว แต่จำได้แม่นเลยว่าเป็นพี่เจ้าของห้องแน่ สตั๊นอีก 5 วิ ก่อนจะวิ่งไปที่รถขับไปเซเว่น ขากลับจากเซเว่น รีบวิ่งแจ๋นขึ้นห้องเลยจ้า ครบ10000คำแล้ว ต่อข้างล่างนะจ้ะ