เชื่อว่าหลายคนคงเคยเกิดอาการตาเขม่นหรือหนังตากระตุกกันแทบทุกคน และเมื่อตากระตุกสิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือคำโบราณที่บอกว่า ขวาร้าย ซ้ายดี ที่เชื่อกันว่า หากตาข้างขวากระตุกแปลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่ถ้าตาข้างซ้ายกระตุกหมายความว่าจะมีเรื่องดี ๆ ขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาการตากระตุกนั้นเกิดได้อย่างไร แล้วขวาร้ายซ้ายดีแบบที่โบราณบอกมันจริงหรือเปล่า.. วันนี้ กระปุกดอทคอม จะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก พร้อมคำทำนายในด้านโหราศาสตร์เกี่ยวกับตากระตุกมาฝากกัน
เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยมีอาการตาซ้ายขวากระตุกกันบ้างนะครับ สมัยเด็กๆจขกท.โคตรเชื่อเบยว่ามันเป็นลางหรือสัญญาณบอกเหตุ คือถึงขนาดแจ้งป๋าม๊าไว้ล่วงหน้าว่าถ้าทำอะไรผิดโปรดให้อภัยข้าด้วย !!! ว่าง่ายๆคือขออภัยโทษล่วงหน้านั้นแหละก๊ะ ตั้งแต่นั้นต่อมาก็สงสัยมาตลอดว่าเอ๊ะ ตาที่มันกระตุกนี้มันเกิดจากอะไรฟระ ??? ถามครูครูก็เคยตอบแบบไม่ค่อยละเอียด วันนี้มานึกขึ้นได้อีกครั้งเลยอยากน้ำข้อมูลมาแชร์อีกครั้งนะครับ
ขอบคุณเครดิต :
http://horoscope.kapook.com/view97785.html
อาการตากระตุก
ตากระตุก หรือที่เรียกว่า ตาเขม่น เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว เช่น ใต้หนังตา มุมปาก หรือเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น โดยมักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจก่อให้เกิดอาการตาเขม่นได้บ่อย ๆ แต่ถ้าได้รับการพักผ่อนที่เพียงพออาการเหล่านี้ก็จะหายได้เอง ซึ่งในสหรัฐอเมริกาพบผู้มีอาการ หนังตากระตุกประมาณ 5 คน ใน 1 แสนคน โดยพบผู้ป่วยใหม่ประมาณ 2,000 คนทุกปี มักเป็นในช่วงอายุ 50-60 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย สำหรับสาเหตุยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน จากการศึกษาคาดว่าน่าจะเกิดจากการประสานงานผิดปกติของเซลล์สมองและอาจมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย
สำหรับอาการเริ่มต้นอาจมีการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อไม่มาก ทำให้กระพริบตาถี่ขึ้นกว่าปกติ ต่อมาถ้าเป็นมากขึ้นจะมีกล้ามเนื้อหนังตาเกร็งจนต้องกระพริบตาแรง ๆ บางคนถึงกับลืมตาไม่ขึ้นและมีกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกเกร็งร่วมด้วย อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ภาวะที่ทำให้อาการแย่ลง คือ ความเครียด อ่อนเพลีย บางคนอาจหายเองได้ แต่บางคนจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้จะต้องได้รับการตรวจตาโดยละเอียดจากจักษุแพทย์ก่อนว่า การเกิดตากระตุกนี้ไม่ได้เป็นผลต่อเนื่องมาจากโรคตาอื่น ๆ เพราะมีโรคตาบางอย่างที่ทำให้เกิด อาการนี้ได้ เช่น เปลือกตาอักเสบ ตาแห้ง ขนตาผิดปกติ การติดเชื้อของตา กระจกตาอักเสบ ต้อหิน ต้อกระจก โรคจอประสาทตา ซึ่งถ้ารักษาโรคเหล่านี้อาการตากระตุกก็จะหายไป
โดยแพทย์หญิงไรนา จินดาศักดิ์ ระบุว่า สาเหตุที่หนังตากระตุกมาจากการหดเกร็งค้างของกล้ามเนื้อตา หรือบริเวณใบหน้า ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นผิดปกติของ เส้นประสาทบริเวณใบหน้า ในกรณีที่หนังตากระตุกบ่อย ๆ เกิดจาก 2 กลุ่มโรค โดยกลุ่มแรกเรียกว่า Essential Blepharospasm มีอาการกระตุกเฉพาะหนังตาอย่างเดียว กลุ่มที่สองคือ Hemi Facial Spasm อาการของคนกลุ่มนี้จะกระตุกที่หนังตาและกระตุกที่ใบหน้าซีกนั้นด้วย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้อง ระวัง เพราะมาจากรอยโรคที่ไปกระตุ้น หรือกดทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ในสมอง ไม่รุนแรงถึงกับเป็นอัมพฤกษ์ แต่ต้องพบแพทย์เพื่อหารอยโรคนั้นก่อนที่จะช้าเกินไป
ปัจจัยที่ทำให้เกิดตากระตุก
การทำงานหนัก
การอดนอน
การมีสิ่งระคายเคืองที่ตา เช่น คอนแทคเลนส์, ภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา, สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
แนวทางการรักษาอาการตากระตุก
สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดหนังตากระตุก คือ กาแฟ น้ำอัดลม การอดนอน ความเครียด บุหรี่ เป็นต้น วิธีรักษาเบื้องต้นทำได้โดยหยุด หรือลดสิ่งกระตุ้นเหล่านั้น หรือไปพบแพทย์ เพื่อรักษาโดยใช้ยากิน ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายกลุ่ม แล้วแต่แพทย์จะเลือกใช้ ถ้าใช้ยากินไม่ได้ผลก็จะพิจารณาใช้ยาฉีด ที่นิยมในปัจจุบันคือ การฉีดโบท็อกซ์บริเวณที่มีอาการ เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ แต่หากใช้ยาฉีดแล้วไม่ได้ผล ถึงจะใช้วิธีผ่าตัดเอากล้ามเนื้อหนังตาออก
ที่นี้รู้แล้วใช่ไหมครับ ตากระตุกมันมีสาเหตุจริงๆนะเออ
ว่าแต่ ทำไมผมเองก็ยังอยากให้ตาซ้ายกระตุกอยู่เนื่องๆฟระ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณครับ
เอ๊ะ...ตาซ้ายตาขวากระตุกเกิดจากอะไร.....มาดูกันครับ.....
เชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยมีอาการตาซ้ายขวากระตุกกันบ้างนะครับ สมัยเด็กๆจขกท.โคตรเชื่อเบยว่ามันเป็นลางหรือสัญญาณบอกเหตุ คือถึงขนาดแจ้งป๋าม๊าไว้ล่วงหน้าว่าถ้าทำอะไรผิดโปรดให้อภัยข้าด้วย !!! ว่าง่ายๆคือขออภัยโทษล่วงหน้านั้นแหละก๊ะ ตั้งแต่นั้นต่อมาก็สงสัยมาตลอดว่าเอ๊ะ ตาที่มันกระตุกนี้มันเกิดจากอะไรฟระ ??? ถามครูครูก็เคยตอบแบบไม่ค่อยละเอียด วันนี้มานึกขึ้นได้อีกครั้งเลยอยากน้ำข้อมูลมาแชร์อีกครั้งนะครับ
ขอบคุณเครดิต : http://horoscope.kapook.com/view97785.html
อาการตากระตุก
ตากระตุก หรือที่เรียกว่า ตาเขม่น เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว เช่น ใต้หนังตา มุมปาก หรือเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น โดยมักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจก่อให้เกิดอาการตาเขม่นได้บ่อย ๆ แต่ถ้าได้รับการพักผ่อนที่เพียงพออาการเหล่านี้ก็จะหายได้เอง ซึ่งในสหรัฐอเมริกาพบผู้มีอาการ หนังตากระตุกประมาณ 5 คน ใน 1 แสนคน โดยพบผู้ป่วยใหม่ประมาณ 2,000 คนทุกปี มักเป็นในช่วงอายุ 50-60 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย สำหรับสาเหตุยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน จากการศึกษาคาดว่าน่าจะเกิดจากการประสานงานผิดปกติของเซลล์สมองและอาจมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย
สำหรับอาการเริ่มต้นอาจมีการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อไม่มาก ทำให้กระพริบตาถี่ขึ้นกว่าปกติ ต่อมาถ้าเป็นมากขึ้นจะมีกล้ามเนื้อหนังตาเกร็งจนต้องกระพริบตาแรง ๆ บางคนถึงกับลืมตาไม่ขึ้นและมีกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกเกร็งร่วมด้วย อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ภาวะที่ทำให้อาการแย่ลง คือ ความเครียด อ่อนเพลีย บางคนอาจหายเองได้ แต่บางคนจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้จะต้องได้รับการตรวจตาโดยละเอียดจากจักษุแพทย์ก่อนว่า การเกิดตากระตุกนี้ไม่ได้เป็นผลต่อเนื่องมาจากโรคตาอื่น ๆ เพราะมีโรคตาบางอย่างที่ทำให้เกิด อาการนี้ได้ เช่น เปลือกตาอักเสบ ตาแห้ง ขนตาผิดปกติ การติดเชื้อของตา กระจกตาอักเสบ ต้อหิน ต้อกระจก โรคจอประสาทตา ซึ่งถ้ารักษาโรคเหล่านี้อาการตากระตุกก็จะหายไป
โดยแพทย์หญิงไรนา จินดาศักดิ์ ระบุว่า สาเหตุที่หนังตากระตุกมาจากการหดเกร็งค้างของกล้ามเนื้อตา หรือบริเวณใบหน้า ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นผิดปกติของ เส้นประสาทบริเวณใบหน้า ในกรณีที่หนังตากระตุกบ่อย ๆ เกิดจาก 2 กลุ่มโรค โดยกลุ่มแรกเรียกว่า Essential Blepharospasm มีอาการกระตุกเฉพาะหนังตาอย่างเดียว กลุ่มที่สองคือ Hemi Facial Spasm อาการของคนกลุ่มนี้จะกระตุกที่หนังตาและกระตุกที่ใบหน้าซีกนั้นด้วย ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้อง ระวัง เพราะมาจากรอยโรคที่ไปกระตุ้น หรือกดทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ในสมอง ไม่รุนแรงถึงกับเป็นอัมพฤกษ์ แต่ต้องพบแพทย์เพื่อหารอยโรคนั้นก่อนที่จะช้าเกินไป
ปัจจัยที่ทำให้เกิดตากระตุก
การทำงานหนัก
การอดนอน
การมีสิ่งระคายเคืองที่ตา เช่น คอนแทคเลนส์, ภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา, สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
แนวทางการรักษาอาการตากระตุก
สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดหนังตากระตุก คือ กาแฟ น้ำอัดลม การอดนอน ความเครียด บุหรี่ เป็นต้น วิธีรักษาเบื้องต้นทำได้โดยหยุด หรือลดสิ่งกระตุ้นเหล่านั้น หรือไปพบแพทย์ เพื่อรักษาโดยใช้ยากิน ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายกลุ่ม แล้วแต่แพทย์จะเลือกใช้ ถ้าใช้ยากินไม่ได้ผลก็จะพิจารณาใช้ยาฉีด ที่นิยมในปัจจุบันคือ การฉีดโบท็อกซ์บริเวณที่มีอาการ เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ แต่หากใช้ยาฉีดแล้วไม่ได้ผล ถึงจะใช้วิธีผ่าตัดเอากล้ามเนื้อหนังตาออก
ที่นี้รู้แล้วใช่ไหมครับ ตากระตุกมันมีสาเหตุจริงๆนะเออ
ว่าแต่ ทำไมผมเองก็ยังอยากให้ตาซ้ายกระตุกอยู่เนื่องๆฟระ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณครับ