เมื่อคราวที่โจโฉยกทัพกลับฮูโต๋หลังจากที่ไปรบกับเล่าปี่และซุนกวน ซึ่งขณะนั้นสองคนนี้เป็นพันธมิตรกันอยู่
หลังจากโจโฉกลับเมืองฮูโต๋ก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น ” วุยอ๋อง ” ปีนั้นตรงกับปี ค . ศ .216 อิทธิพลของโจโฉ
ขณะนั้นนับว่ายิ่งใหญ่พอตัว ไม่มีผู้ใดทัดทานแม้แต่พระเจ้าเหี้ยนเต้เอง เมืองเงียบกุ๋นซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อประดับ
บารมีก็สำเร็จลง พระเจ้าวุยอ๋องหรือโจโฉ เริ่มประกาศอิทธิพลของตัวเองด้วยการสั่งให้เมืองทุกเมืองที่อยู่ใน
อำนาจการปกครองของตนส่งต้นไม้ดอกไม้มาปลูกที่เมืองใหม่ โดยเฉพาะเมืองกังตั๋งของซุนกวนที่มีชื่อเสียงดี
ในทางส้มอร่อย โจโฉก็มีหนังสือไปขอส้มมากินเพื่อเป็นการเบ่งอิทธิพลของตน การขอส้มจากเมืองกังตั๋งของ
โจผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้พบกับมนุษย์ประหลาด ซึ่งทรงวิชาลี้ลับ ดังที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้
ซุนกวนขี้เกียจขัดใจโจโฉเลยจัดส่งส้มจำนวน 50 หาบให้ขุนนางนำมาส่งโจโฉ ณ เมืองฮูโต๋ ขณะที่ขบวน
หาบส้มได้รอนแรมมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ก็พบมนุษย์ประหลาดร่างพิกล ขาข้างหนึ่งสั้นผิดปกติตาส่อน ใส่เสื้อ
เขียวใส่หมวกหวายสานลักษณะท่าทางแสดงตนเป็นผู้วิเศษ
มนุษย์ผู้นี้เห็นขบวนหาบของซุนกวนหาบส้มเดินทาง
มาส่งอย่างเมื่อยล้าก็รับอาสาช่วยหาบผลัดไปผลัดมาทั้ง 50 หาบ ครั้นจวนจะถึงเมืองฮูโต๋ มนุษย์ผู้นี้ก็บอกว่าเรา
ชื่อโจจู๋ เป็นคนบ้านเดียวกับโจโฉมาก่อน และฝากให้บอกโจโฉด้วยว่าตนขอแสดงความนับถือไปด้วย แล้วมนุษย์
ประหลาดร่างพิกลก็จากหายไปในป่า ฝ่ายโจโฉพอได้รับส้มจากซุนกวนแล้วก็ดีใจ จัดงานเลี้ยงฉลองเป็นการใหญ่
แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะส้มแต่ละลูกพอปลอกเปลือกออกภายในกลับไม่มีเนื้อส้มอยู่ โจโฉจึงสอบถามขบวนหาบว่า
ระหว่างการเดินทางมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า ระหว่างการเดินทางนั้นโจจู๋ผู้วิเศษได้อาสา
มาช่วยหาบส้ม แต่พอพวกตนรับกลับก็รู้สึกว่าหาบส้มพวกนั้นเบาลงผิดปกติ ระหว่างที่โจโฉสงสัย ก็มีรายงานมาว่ามี
คนชื่อโจจู๋มาขอเข้าเฝ้า โจโฉจึงให้โจจู๋เข้ามา
แล้วจึงถามว่าไปเรียนวิชาอาคมมาจากไหนทำไมส้มมีแต่เปลือกแต่
ไม่มีเนื้อ โจจู๋ปฏิเสธแล้วหยิบส้มมาผลนึง แล้วก็ปลอกให้โจโฉดูปรากฏว่ามีเนื้อส้มอยู่ตามปกติ แต่พอโจโฉปลอก
บ้างก็กลับไม่พบเนื้อส้ม โจโฉทึ่งในวิชาอาคมของโจจู๋จึงจัดโต๊ะกินเลี้ยงสุราอาหาร โจจู๋แสดงความพิลึกพิลั่นขึ้นมา
อีกโดยการกินเหล้าหมด 5 ไหกับแกล้มกับเนื้อแพะทั้งตัวโดยไม่อิ่มหรือมึนเมา
โจโฉจึงถามว่าไปเรียนวิชาพิสดารนี้
มาจากไหน โจจู๋ตอบว่าเขาถือศีลอยู่ที่เขางูปีนสัน แดนเมืองเสฉวน แล้วเทวดาเอาตำราวิเศษมาให้เรียน 3 ฉบับจน
สามารถเหาะเหินเดินฟ้า อยู่ยงคงกระพันอาวุธทุกชนิดและล่องหนหายตัวได้ แล้วยังบอกอีกว่าถ้าโจโฉอยากจะเรียน
ต้องละทิ้งยศบรรดาศักดิ์แล้วไปจำศีลอยู่ในป่ากับตน โจโฉก็อยากจะไปแต่ติดอยู่ที่ว่าไม่มีคนดูแลหน้าที่ สมบัติ และ
ตำแหน่งต่อจากโจโฉ โจจู๋ก็ตอบไปว่าเรียกเล่าปี่มาปกครองแทนสิ โจโฉโกรธจัด สั่งจับโจจู๋เข้าคุก เรียกทหารรุมซ้อม
และเอาโซ่มัด โจจู๋หัวเราะวันรุ่งขึ้นโจจู๋ก็ไปนอนอยู่อีกที่ โดยโซ่ที่มัดไว้หลุดออกไปอยู่อีกที่ โจโฉสุ่งจำคุก 7 วันโจจู๋
ก็ไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อน คงนั่งหัวเราะเป็นปกติ
เมื่อหมดปัญญาที่จะฆ่าโจจู๋แล้วโจโฉก็จำต้องปล่อยโจจู๋ออกมา ขณะนั้นเป็นช่วงที่มีการจัดเลี้ยงตำหนักใหม่ของ
พวกขุนนางอย่างเอกเริก โจจู๋ก็เร่อร่าไปร่วมงานด้วย แล้วยังสะเออะถามโจโฉอีกว่างานเลี้ยงคราวนี้ยังขาดอะไรหรือเปล่า
โจโฉประชดตอบไปว่าอยากได้ตับมังกรมากิน โจจู๋จึงนำพู่กันมาวาดผนังเป็นรูปมังกร แล้วก็นำมือเสื้อโบกไปมาท้องมังกร
ก็แตกออกมา โจจู๋ก็เอามือล้องเข้าไปนำตับสดๆเลือดไหลย้อยมาให้โจโฉ ท่ามกลางความตกตะลึงของขุนนางทั้งหลาย
โจโฉโกรธจึงตวาดโจจู๋ว่ามาเล่นอะไรพิลึกพิลั่น
โจจู๋ว่าไม่เชื่อก็แล้วไป แต่เวลานี้ไม่ใช่ฤดูของดอกไม้แล้วถามโจโฉว่าอยาก
ได้ดอกไม้อะไรก็บอกมา โจโฉเลยบอกว่าอยากได้ดอกโบตั๋นราชาของดอกไม้ ชาวจีนถือว่าถ้าผู้ที่ไม่มีวาสนาจริงๆแล้วจะ
ไม่สามารถปลูกให้งอกเป็นอันขาด กระนั้นก็ตามจำต้องปลูกดอกไม้อื่นให้ครบร้อยดอกแล้วปลูกดอกโบตั๋นไว้ตรงกลางจึงจะ
งอกแล้วออกดอกให้
แต่สำหรับโจจู๋เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วจึงสั่งให้นำกระถางมา เอาดินใส่แล้วเสกน้ำรด สักพักดอกโบตั๋น
ก็งอกงามพรี่งพรูพร้อมออกดอก 2 ดอก โจโฉจึงยอมจำนน เมื่อโจจู๋เสกดอกโบตั๋นเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
เมื่อพ่อครัวยกปลาดิบมาวางไว้ โจจู๋จึงพูดว่า "เนื้อปลาดิบที่อร่อยที่สุดต้องเป็นเนื้อปลากระพงจากแม่น้ำซ่ง" โจโฉได้ฟังดังนั้น
จึงถามว่า "แม่น้ำซ่งอยู่ห่างไกลจากที่นี่ถึง 500 ไมล์ ท่านจะเอาเนื้อปลามาได้อย่างไร?"โจจู๋จึงว่า "นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ท่านจงให้ทหารนำคันเบ็ดไปตกปลาในบ่อใต้หอนี้ก็จะได้ปลากระพงแม่น้ำซ่งมาเอง" หลังจากนั้นไม่นานปลากระพงตัวเขื่องหลาย
ตัวก็วางเรียงกันอยู่ที่พื้น โจโฉจึงว่า "ปลาพวกนี้ล้วนเป็นปลาที่ข้าพเจ้าเลี้ยงไว้ในบ่อทั้งสิ้น" "ท่านโจโฉ! ท่านจะลวงเราหรือ? ปลา
กระพงทั่วไปจะมีเหงือกแค่ 2 อัน แต่ปลากระพงแห่งแม่น้ำซ่งจะมีเหงือก 2 คู่ (4อัน) เป็นลักษณะเด่น" โจจู๋ตอบ แขกเหรื่อในงาน
ได้ฟังดังนั้นก็พากันมามุงดูและพบว่าปลากระพงเหล่านี้มีเหงือกถึง 4 อัน ตรงตามคำที่โจจู่ว่า ก็พากันประหลาดใจ แล้วโจจู๋ก็พูดต่อ
ว่า "การจะปรุงปลากระพงให้อร่อย ต้องใช้ขิงสด
โจโฉบอกว่าอยากได้ก็เนรมิตออกมาเองสิ โจจู๋จึงนำถาดเปล่ามาแล้วนำเสื้อคลุมของตนมาคลุมไว้ สักครู่จึงเปิดออกมาพบว่า
มีขิงสดเต็มถาดแล้วให้คนยกไปให้โจโฉ
โจจู๋ยังรินเหล้าใส่ถ้วยหยกของตนยื่นให้โจโฉกินแล้วยังบอกอีกว่าถ้ากินเหล้าถ้วยนี้จะมี
อายุยืนยาวถึงพันปี โจโฉไม่กล้ากินและยังบอกอีกว่าให้โจจู๋กินก่อน โจจู่จึงถอดปิ่นปักผมมาจุ่มลงในถ้วยกั้นเหล้าออกเป็นสองซีก
ยกถ้วยดื่มปรากฏว่าเหล้าหายไปเพียงซีกเดียว แทนที่โจโฉจะเคารพนบนอบกลับตวาดโจจู๋ต่อหน้าขุนนางทั้งปวง โจจู๋กลับคว้า
ถ้วยหยกเขวี้ยงใส่หน้าโจโฉผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้วยนั้นไม่ได้ทำอันตรายแก่โจโฉเลยกลับกลายเป็นนกกระเรียนบินว่อนเหนือศีรษะของ
โจโฉ ตลอดจนโจโฉเองก็แหงนไปมองนกกระเรียน พอหันกลับมาปรากฏว่าโจจู๋หายไปแล้ว ทหารเผ้าประตูรายงานว่าโจจู๋พึ่งเดิน
ออกไปเมื่อกี้นี้เอง โจโฉสั่งเคาทูคุมทหาร 300 ตามไปจับตัวโจจู๋มาให้ได้ขืนทิ้งไว้จะเป็นภัยในภายหลัง
เคาทูนำทหารไล่ล่าตามจับ พอเห็นโจจู๋อยู่ข้างหน้าก็รีบเร่งตามให้ทันโจจู๋ก็คงเดินเฉยเคาทูรีบตามแต่เร่งอย่างไรก็ไม่ถึงซะที
พอมีเด็กเลี้ยงแพะต้อนแพะมา โจจู๋ก็เดินหายไปในฝูงแพะ เคาทูเห็นแพะขวางทางเลยฆ่าแพะจนหมด แต่กระนั้นก็ไล่ตามโจจู๋ไม่ทัน
จึงกลับไปรายงานโจโฉ
ทางเด็กเลี้ยงแพะเห็นแพะของตนตายเสียหมดจึงร้องห่มร้องไห้ โจจู๋ก็โผล่ออกมาจากหัวแพะตัวหนึ่งแล้วบอกกับเด็กเลี้ยงแพะว่า
ให้นำหัวแพะต่อกับตัวแพะแล้วแพะทั้งหมดจะกลับมามีชีวิตใหม่ เด็กเลี้ยงแพะดีใจมากจึงรีบนำหัวแพะมาต่อกับตัวแพะ รีบร้อนเอาหัว
แพะตัวผู้มาต่อกับแพะตัวเมีย นำหัวแพะตัวเมียมาต่อกับตัวผู้ หนังสือสามก๊กกล่าวว่าด้วยความสะเพร่าของเด็กเลี้ยงแพะ จะทำให้แพะ
ปัจจุบันมีเขาละมีหนวดทั้งตัวผู้และตัวเมีย ( กลายเป็นนิทานเล่าขานมาถึงปัจจุบัน )
ทางฝ่ายโจโฉก็ออกประกาศจับพร้อมลงรูปหน้า
ของโจจู๋ลงไปทุกหัวเมืองให้ตามจับให้ได้
คราวนี้ก็เกิดเป็นปาฏิหาริย์อีกรอบตามเคย เกิดมีโจจู๋ส่งเข้ามาในเมืองหลวงตั้ง 300 คนมาให้โจโฉลงโทษ โจจู๋ทุกคนหน้าตาเหมือน
กันหมดตอดทั้งการแต่การ โจโฉโมโหสั่งประหารชีวิตทั้งหมด ก่อนที่จะประหารได้นำเลือดสัตว์สาด เป็นการล้างอาคมก่อน แล้วจึงลง
มือตัวหัวโจจู๋ทั้งหมด 300 คนคอหลุดกลิ้งลงกับพื้น พอคอของโจจู๋ขาดลง ก็เกิดเหตุการณ์ณ์ประหลาดคือเลือดที่พุ่งกลับกลายเป็นโจจู๋
นกกระเรียน 300 ตัวบินว่อนเหนือบริเวณนั้น พากันตบมือเยอะเย้ยโจโฉ โจโฉสั่งระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่โจจู๋ ทันใดนั้นเกิลมพายุใหญ่ ฟ้า
มืดครึ้มไปทั่ว โจจู๋หัวขาดทั้ง 300 คนพากันลุกขึ้นหิ้วหัวตนเองแปรขบวนไปไล่ตีโจโฉ ขุนนางทั้งหลายพากันตกใจปิดตาไม่กล้ามอง
แต่พอพายุคลายลง กองทัพผี นกกระเรียน ต่างก็หายไป นายทหารต่างก็พาโจโฉกลับเข้าเมืองไป
ปาฎิหาริย์ ของโจจู๋
หลังจากโจโฉกลับเมืองฮูโต๋ก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น ” วุยอ๋อง ” ปีนั้นตรงกับปี ค . ศ .216 อิทธิพลของโจโฉ
ขณะนั้นนับว่ายิ่งใหญ่พอตัว ไม่มีผู้ใดทัดทานแม้แต่พระเจ้าเหี้ยนเต้เอง เมืองเงียบกุ๋นซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อประดับ
บารมีก็สำเร็จลง พระเจ้าวุยอ๋องหรือโจโฉ เริ่มประกาศอิทธิพลของตัวเองด้วยการสั่งให้เมืองทุกเมืองที่อยู่ใน
อำนาจการปกครองของตนส่งต้นไม้ดอกไม้มาปลูกที่เมืองใหม่ โดยเฉพาะเมืองกังตั๋งของซุนกวนที่มีชื่อเสียงดี
ในทางส้มอร่อย โจโฉก็มีหนังสือไปขอส้มมากินเพื่อเป็นการเบ่งอิทธิพลของตน การขอส้มจากเมืองกังตั๋งของ
โจผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้พบกับมนุษย์ประหลาด ซึ่งทรงวิชาลี้ลับ ดังที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้
ซุนกวนขี้เกียจขัดใจโจโฉเลยจัดส่งส้มจำนวน 50 หาบให้ขุนนางนำมาส่งโจโฉ ณ เมืองฮูโต๋ ขณะที่ขบวน
หาบส้มได้รอนแรมมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ก็พบมนุษย์ประหลาดร่างพิกล ขาข้างหนึ่งสั้นผิดปกติตาส่อน ใส่เสื้อ
เขียวใส่หมวกหวายสานลักษณะท่าทางแสดงตนเป็นผู้วิเศษมนุษย์ผู้นี้เห็นขบวนหาบของซุนกวนหาบส้มเดินทาง
มาส่งอย่างเมื่อยล้าก็รับอาสาช่วยหาบผลัดไปผลัดมาทั้ง 50 หาบ ครั้นจวนจะถึงเมืองฮูโต๋ มนุษย์ผู้นี้ก็บอกว่าเรา
ชื่อโจจู๋ เป็นคนบ้านเดียวกับโจโฉมาก่อน และฝากให้บอกโจโฉด้วยว่าตนขอแสดงความนับถือไปด้วย แล้วมนุษย์
ประหลาดร่างพิกลก็จากหายไปในป่า ฝ่ายโจโฉพอได้รับส้มจากซุนกวนแล้วก็ดีใจ จัดงานเลี้ยงฉลองเป็นการใหญ่
แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะส้มแต่ละลูกพอปลอกเปลือกออกภายในกลับไม่มีเนื้อส้มอยู่ โจโฉจึงสอบถามขบวนหาบว่า
ระหว่างการเดินทางมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า ระหว่างการเดินทางนั้นโจจู๋ผู้วิเศษได้อาสา
มาช่วยหาบส้ม แต่พอพวกตนรับกลับก็รู้สึกว่าหาบส้มพวกนั้นเบาลงผิดปกติ ระหว่างที่โจโฉสงสัย ก็มีรายงานมาว่ามี
คนชื่อโจจู๋มาขอเข้าเฝ้า โจโฉจึงให้โจจู๋เข้ามา แล้วจึงถามว่าไปเรียนวิชาอาคมมาจากไหนทำไมส้มมีแต่เปลือกแต่
ไม่มีเนื้อ โจจู๋ปฏิเสธแล้วหยิบส้มมาผลนึง แล้วก็ปลอกให้โจโฉดูปรากฏว่ามีเนื้อส้มอยู่ตามปกติ แต่พอโจโฉปลอก
บ้างก็กลับไม่พบเนื้อส้ม โจโฉทึ่งในวิชาอาคมของโจจู๋จึงจัดโต๊ะกินเลี้ยงสุราอาหาร โจจู๋แสดงความพิลึกพิลั่นขึ้นมา
อีกโดยการกินเหล้าหมด 5 ไหกับแกล้มกับเนื้อแพะทั้งตัวโดยไม่อิ่มหรือมึนเมา โจโฉจึงถามว่าไปเรียนวิชาพิสดารนี้
มาจากไหน โจจู๋ตอบว่าเขาถือศีลอยู่ที่เขางูปีนสัน แดนเมืองเสฉวน แล้วเทวดาเอาตำราวิเศษมาให้เรียน 3 ฉบับจน
สามารถเหาะเหินเดินฟ้า อยู่ยงคงกระพันอาวุธทุกชนิดและล่องหนหายตัวได้ แล้วยังบอกอีกว่าถ้าโจโฉอยากจะเรียน
ต้องละทิ้งยศบรรดาศักดิ์แล้วไปจำศีลอยู่ในป่ากับตน โจโฉก็อยากจะไปแต่ติดอยู่ที่ว่าไม่มีคนดูแลหน้าที่ สมบัติ และ
ตำแหน่งต่อจากโจโฉ โจจู๋ก็ตอบไปว่าเรียกเล่าปี่มาปกครองแทนสิ โจโฉโกรธจัด สั่งจับโจจู๋เข้าคุก เรียกทหารรุมซ้อม
และเอาโซ่มัด โจจู๋หัวเราะวันรุ่งขึ้นโจจู๋ก็ไปนอนอยู่อีกที่ โดยโซ่ที่มัดไว้หลุดออกไปอยู่อีกที่ โจโฉสุ่งจำคุก 7 วันโจจู๋
ก็ไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อน คงนั่งหัวเราะเป็นปกติ
เมื่อหมดปัญญาที่จะฆ่าโจจู๋แล้วโจโฉก็จำต้องปล่อยโจจู๋ออกมา ขณะนั้นเป็นช่วงที่มีการจัดเลี้ยงตำหนักใหม่ของ
พวกขุนนางอย่างเอกเริก โจจู๋ก็เร่อร่าไปร่วมงานด้วย แล้วยังสะเออะถามโจโฉอีกว่างานเลี้ยงคราวนี้ยังขาดอะไรหรือเปล่า
โจโฉประชดตอบไปว่าอยากได้ตับมังกรมากิน โจจู๋จึงนำพู่กันมาวาดผนังเป็นรูปมังกร แล้วก็นำมือเสื้อโบกไปมาท้องมังกร
ก็แตกออกมา โจจู๋ก็เอามือล้องเข้าไปนำตับสดๆเลือดไหลย้อยมาให้โจโฉ ท่ามกลางความตกตะลึงของขุนนางทั้งหลาย
โจโฉโกรธจึงตวาดโจจู๋ว่ามาเล่นอะไรพิลึกพิลั่น โจจู๋ว่าไม่เชื่อก็แล้วไป แต่เวลานี้ไม่ใช่ฤดูของดอกไม้แล้วถามโจโฉว่าอยาก
ได้ดอกไม้อะไรก็บอกมา โจโฉเลยบอกว่าอยากได้ดอกโบตั๋นราชาของดอกไม้ ชาวจีนถือว่าถ้าผู้ที่ไม่มีวาสนาจริงๆแล้วจะ
ไม่สามารถปลูกให้งอกเป็นอันขาด กระนั้นก็ตามจำต้องปลูกดอกไม้อื่นให้ครบร้อยดอกแล้วปลูกดอกโบตั๋นไว้ตรงกลางจึงจะ
งอกแล้วออกดอกให้ แต่สำหรับโจจู๋เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยาก แล้วจึงสั่งให้นำกระถางมา เอาดินใส่แล้วเสกน้ำรด สักพักดอกโบตั๋น
ก็งอกงามพรี่งพรูพร้อมออกดอก 2 ดอก โจโฉจึงยอมจำนน เมื่อโจจู๋เสกดอกโบตั๋นเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
เมื่อพ่อครัวยกปลาดิบมาวางไว้ โจจู๋จึงพูดว่า "เนื้อปลาดิบที่อร่อยที่สุดต้องเป็นเนื้อปลากระพงจากแม่น้ำซ่ง" โจโฉได้ฟังดังนั้น
จึงถามว่า "แม่น้ำซ่งอยู่ห่างไกลจากที่นี่ถึง 500 ไมล์ ท่านจะเอาเนื้อปลามาได้อย่างไร?"โจจู๋จึงว่า "นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย
ท่านจงให้ทหารนำคันเบ็ดไปตกปลาในบ่อใต้หอนี้ก็จะได้ปลากระพงแม่น้ำซ่งมาเอง" หลังจากนั้นไม่นานปลากระพงตัวเขื่องหลาย
ตัวก็วางเรียงกันอยู่ที่พื้น โจโฉจึงว่า "ปลาพวกนี้ล้วนเป็นปลาที่ข้าพเจ้าเลี้ยงไว้ในบ่อทั้งสิ้น" "ท่านโจโฉ! ท่านจะลวงเราหรือ? ปลา
กระพงทั่วไปจะมีเหงือกแค่ 2 อัน แต่ปลากระพงแห่งแม่น้ำซ่งจะมีเหงือก 2 คู่ (4อัน) เป็นลักษณะเด่น" โจจู๋ตอบ แขกเหรื่อในงาน
ได้ฟังดังนั้นก็พากันมามุงดูและพบว่าปลากระพงเหล่านี้มีเหงือกถึง 4 อัน ตรงตามคำที่โจจู่ว่า ก็พากันประหลาดใจ แล้วโจจู๋ก็พูดต่อ
ว่า "การจะปรุงปลากระพงให้อร่อย ต้องใช้ขิงสด
โจโฉบอกว่าอยากได้ก็เนรมิตออกมาเองสิ โจจู๋จึงนำถาดเปล่ามาแล้วนำเสื้อคลุมของตนมาคลุมไว้ สักครู่จึงเปิดออกมาพบว่า
มีขิงสดเต็มถาดแล้วให้คนยกไปให้โจโฉ โจจู๋ยังรินเหล้าใส่ถ้วยหยกของตนยื่นให้โจโฉกินแล้วยังบอกอีกว่าถ้ากินเหล้าถ้วยนี้จะมี
อายุยืนยาวถึงพันปี โจโฉไม่กล้ากินและยังบอกอีกว่าให้โจจู๋กินก่อน โจจู่จึงถอดปิ่นปักผมมาจุ่มลงในถ้วยกั้นเหล้าออกเป็นสองซีก
ยกถ้วยดื่มปรากฏว่าเหล้าหายไปเพียงซีกเดียว แทนที่โจโฉจะเคารพนบนอบกลับตวาดโจจู๋ต่อหน้าขุนนางทั้งปวง โจจู๋กลับคว้า
ถ้วยหยกเขวี้ยงใส่หน้าโจโฉผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้วยนั้นไม่ได้ทำอันตรายแก่โจโฉเลยกลับกลายเป็นนกกระเรียนบินว่อนเหนือศีรษะของ
โจโฉ ตลอดจนโจโฉเองก็แหงนไปมองนกกระเรียน พอหันกลับมาปรากฏว่าโจจู๋หายไปแล้ว ทหารเผ้าประตูรายงานว่าโจจู๋พึ่งเดิน
ออกไปเมื่อกี้นี้เอง โจโฉสั่งเคาทูคุมทหาร 300 ตามไปจับตัวโจจู๋มาให้ได้ขืนทิ้งไว้จะเป็นภัยในภายหลัง
เคาทูนำทหารไล่ล่าตามจับ พอเห็นโจจู๋อยู่ข้างหน้าก็รีบเร่งตามให้ทันโจจู๋ก็คงเดินเฉยเคาทูรีบตามแต่เร่งอย่างไรก็ไม่ถึงซะที
พอมีเด็กเลี้ยงแพะต้อนแพะมา โจจู๋ก็เดินหายไปในฝูงแพะ เคาทูเห็นแพะขวางทางเลยฆ่าแพะจนหมด แต่กระนั้นก็ไล่ตามโจจู๋ไม่ทัน
จึงกลับไปรายงานโจโฉ
ทางเด็กเลี้ยงแพะเห็นแพะของตนตายเสียหมดจึงร้องห่มร้องไห้ โจจู๋ก็โผล่ออกมาจากหัวแพะตัวหนึ่งแล้วบอกกับเด็กเลี้ยงแพะว่า
ให้นำหัวแพะต่อกับตัวแพะแล้วแพะทั้งหมดจะกลับมามีชีวิตใหม่ เด็กเลี้ยงแพะดีใจมากจึงรีบนำหัวแพะมาต่อกับตัวแพะ รีบร้อนเอาหัว
แพะตัวผู้มาต่อกับแพะตัวเมีย นำหัวแพะตัวเมียมาต่อกับตัวผู้ หนังสือสามก๊กกล่าวว่าด้วยความสะเพร่าของเด็กเลี้ยงแพะ จะทำให้แพะ
ปัจจุบันมีเขาละมีหนวดทั้งตัวผู้และตัวเมีย ( กลายเป็นนิทานเล่าขานมาถึงปัจจุบัน ) ทางฝ่ายโจโฉก็ออกประกาศจับพร้อมลงรูปหน้า
ของโจจู๋ลงไปทุกหัวเมืองให้ตามจับให้ได้
คราวนี้ก็เกิดเป็นปาฏิหาริย์อีกรอบตามเคย เกิดมีโจจู๋ส่งเข้ามาในเมืองหลวงตั้ง 300 คนมาให้โจโฉลงโทษ โจจู๋ทุกคนหน้าตาเหมือน
กันหมดตอดทั้งการแต่การ โจโฉโมโหสั่งประหารชีวิตทั้งหมด ก่อนที่จะประหารได้นำเลือดสัตว์สาด เป็นการล้างอาคมก่อน แล้วจึงลง
มือตัวหัวโจจู๋ทั้งหมด 300 คนคอหลุดกลิ้งลงกับพื้น พอคอของโจจู๋ขาดลง ก็เกิดเหตุการณ์ณ์ประหลาดคือเลือดที่พุ่งกลับกลายเป็นโจจู๋
นกกระเรียน 300 ตัวบินว่อนเหนือบริเวณนั้น พากันตบมือเยอะเย้ยโจโฉ โจโฉสั่งระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่โจจู๋ ทันใดนั้นเกิลมพายุใหญ่ ฟ้า
มืดครึ้มไปทั่ว โจจู๋หัวขาดทั้ง 300 คนพากันลุกขึ้นหิ้วหัวตนเองแปรขบวนไปไล่ตีโจโฉ ขุนนางทั้งหลายพากันตกใจปิดตาไม่กล้ามอง
แต่พอพายุคลายลง กองทัพผี นกกระเรียน ต่างก็หายไป นายทหารต่างก็พาโจโฉกลับเข้าเมืองไป