โจจู๋

ศึกนี้เป็นครั้งที่ 3 ของการแก้แค้นของโจโฉหลังจากศึกผาแดง
และอีกครั้งที่ ซุนกวน โดนอุบายล่อหลอก จากขงเบ้ง เล่าปี่ ด้วยการจะคืนเมืองเกงจิ๋ว

ให้
และให้ซุนกวนช่วยรับศึกโจโฉ และศึกครั้งนี้การต่อสู้ยันกันยาวนาน กินเวลา เกิน

แรมเดือน ทหารสองฝ่าย ล้มตายเจ็บมากมาย และพายุทางทะเลสร้างความเสียหายแก่

ซุนกวนเป็นอันมาก ซุนกวนจึงขอสงบศึกกับโจโฉ
และโจโฉเองก็เห็นดีด้วย ทั้งสองฝ่าย จึงลาทัพกลับ ก๊กของตนเอง
โจโฉครั้น กลับมายังเมือง ฮูโต๋ ขุนนางหลายฝ่าย ต่างเห็นต้องกัน พลักดันให้ท่านโจโฉ
จาก วุยก๋ง ขึ้นเป็น วุยอ๋อง และมีบรรดาศักดิ์ เครื่องแห่เครื่องราช เทียบเท่าเสอม พระ

เจ้าเฮี่ยนเต้
และโจโฉ ก็ได้สร้างวังใหม่ที่เมืองเงียบกุ๋น ให้เหนือ กว่าวังของพระเจ้าเฮี่ยนเต้ และ

หนึงในนั้น
โจโฉสั่งให้ขุนนางที่รับผิดชอบ ไปนำเอาส้มที่เมือง กังตั๋ง จากซุนกวนมา
ลูกหาบ กองขนส่ง ได้ขนส้ม จาก เมืองกังตั๋ง มายัง เมืองเงียมกุ๋น
ครั้นถึงเขาลูกนึง ลูกหาบนั่งได้พักเหนื่อยกัน และทันใดนั้นได้พบเจอ ชาย ร่างแปลก

พิกล ขาสั้นข้างยาวข้าง เดินย่องกระแหย่งๆ ดวงตาส่อน (เหมือนตาเหล่) ใส่เสื้อเขียว
ใส่หมวกสานด้วยหวาย


เข้ามาทักทาย พูดคุยสอบถามลูกหาบ ว่าจะเอาส้มไปไหน ลูกหาบตอบไปว่าส้มนี้
ของท่านอ๋อง จะไปส่งยังวังที่เมืองเงียบกุ๋น ให้ท่านวุยอ๋อง (โจโฉ)
ชายแก่ผู้เห็นดีด้วย จึงช่วยอาสาลูกหาบจะช่วย หาบส้มไปส่ง
ครั้นช่วยหาบส้มมาส่งได้ หลายลี้ ชายแก่ผู้นี้จึงขอลาไปเที่ยวเล่นในป่าต่อ
และชายแก่ยังบอกกับลูกหาบ ว่าตัวข้านี้ มีนามว่าโจจู๋ อดีตเคยเป็น คนบ้านเดียว กับ

ท่านอ๋อง โจโฉ ยังไงก็ช่วยกราบทูล ด้วยละ
และชายชรา ก็หายเข้าป่าไป ส้มก็ถูกนำมาส่งมอบ แก่โจโฉ
แต่ที่น่าประหลาดที่ลูกหาบ สงสัยก็คือ ตั้งแต่ท่านลุงโจจู๋มาช่วยหาบ ส้มมันก็เบาขึ้น

แปลกๆ
ครั้นส้มมาถึงมือท่านอ๋องโจโฉ โจโฉก็แกะส้มดูแต่ กลับไม่มีเนื้อ
โจโฉจึงสอบถาม ว่านี่เกิดอะไรขึ้น จึงให้เอาลูกหามมาไต่สวน ลูกหามจึงแจ้งว่าถ้าจะ

ผิดปกติก็มี ระหว่างทาง มีชายชรา นามว่าโจจู๋
มาช่วยแบกส้ม และทันใดนั้นเอง ทหารก็มารายงานว่ามีชายชรา ชื่อโจจู๋
มาขอพบโจโฉ โจโฉจึงให้นำตัวเข้ามา ซักถาม
ลูกหาบเห็นโจจู๋เข้าต่างก็ร้องเรียกชายชรา ว่านี่ละ นี่ละท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์นี้ละ ท่านอาจารย์โจจู๋ ผู้วิเศส
โจโฉซักถาม ว่าเจ้าเป็นใคร แล้วทำไมจึงมาแกล้งเราเอาเนื้อส้มออกไป
และทำได้อย่างไร โจจู๋จึงตอบ ส้มจะไม่มีเนื้อ ก็เป็นไปไม่ได้ แล้วโจจู๋ก็แกะส้มออก
ส้มก็มีเนื้อส้มให้เห็น เอ้าแต่โจโฉ แกะออกบ้าง กลับไม่มีอีก โจโฉสงสัยมากจึงถามว่า

เกิดขึ้นได้อย่างไร
โจจู๋ จึงจะขอ นั่งก่อน แล้วก็ขอเหล้า กับอาหารมาทานก่อนด้วย
โจโฉก็ให้เอาอาหารมาให้ท่านอาจารย์โจจู๋
แล้วก็จู๋ ก็ กินแพะย่าง ไป 1 ตัว แล้วก็ขอเหล้ามากิน เหล้าหมดไป 5 ไห
โจโฉเห็นประหลาดยิ่งขึ้นอีก จึงถามว่าท่านทำได้อย่างไร ท่านต้องเป็นผู้มีวิชาแน่ๆ
โจจู๋ตอบ ครั้นเก่าก่อนเราถือศีลอยู่ที่ เขางูปิสัน ดินแดนเสฉวน พออยู่ได้30 ปี
ก็มีเทพพญาดา ท่านก็เอาตำรามาให้ เรา 3 เล่ม
1 เทียนตุน เรียกลมฝน
2 เตตุน แทรกภูเขาไชก้อนศิลา
3 ยินตุน กำบังกายล่องหน หายตัว
ถ้าท่านโจโฉสนใจหยากใครรู้ ใคร่เรียนวิชาวิเศส เราจะสอนให้ ให้ตามเราออกไปถือ

ศีลเถอะ จงละทิ้ง ยศศักดิ์ ราชสมบัติ เหล่านี้เสีย
โจโฉ ตอบวิชาอย่างนี้ เราก็ใคร่เรียนและหยากรู้ แต่จะให้ทิ้งภารกิจ หน้าที่ที่ต้องทำนี้

ทำอย่างนั้นคงไม่ได้ งานราชการมีเยอะมากมาย เรื่องราวการปกครอง ในรั้วในวังใคร

จะดูแลได้เล่า
โจจู๋ หัวเราะ แล้วก็ตอบ ไม่เห็นจะยาก ท่านอ๋อง ก็จงยกสมบัติ ราชการหน้าที่เหล่านี้

และหน้าที่ต่างๆ ไปให้ เชื้อพระวงค์แห่งฮั่น ที่ปกครองแดนเสฉวน ที่ชื่อเล่าปี่ ซะสิ ไม่

เห็นจะยาก เขาเองก็มีศักดิ์เป็นถึงพระเจ้าอาองค์เฮี่ยนเต้
หากท่านไม่ทำตาม เราแนะนำ เราจะฆ่าท่านซะก็ยังได้
โจโฉ ได้ยินดังนั้น ก็โกรษษษษษษษษษษษษษษ
โธ่ๆๆๆๆๆๆๆ ที่แท้ ยิ้มมันก็พวกเดียวกับ อ้ายเล่าปี่ และโจโฉก็ให้ ทหารนับ10เข้า

จับกุม โจจู๋
ทหารองค์รักษ์เข้ามาจับและทุบตีโจจู๋ แต่โจจู๋ ก็ไม่ได้แสดง อาการเจ็บปวดหรือสะทก

สะท้านแต่อย่างใด กลับนอนหัวเราะยิ้ม
โจโฉ จึงให้เอาขี่อคา มาใส่คอ และเอาตัวโจจู๋ไปตรึงไว้ให้แน่นหนาใส่จำไว้ในคุก

อีก............
ครั้นเช้าวันรุ่ง ผู้คุมไปเห็นโจจู๋ก็นอนสบายอยู่ในคุก และหลุด ออกจากคื่อคาที่ตรึง

พันธนาการไว้
จึงมารายงาน โจโฉรู้เข้า จึงสั่งผู้คุม ให้ไม่ให้อาหารโจจู๋ 7วันเพื่อ ให้อดตาย
ผ่านไป 7 วันโจจู๋ ก็ยังนอนสบายอยู่ โจโฉเลยถามตรงๆกับโจจู๋ ว่าจะทำอย่างไร
ท่านถึงจะตายได้ละ
โจจู๋ตอบ เรานั้นต่อให้อดอาหาร 10 ปี หรือกินแพะสัก 100 ตัวก็ยังไม่เป็นอะไร
โจโฉ จึงยอม และเชิญโจจู๋ออกมา ร่วมกินดื่มที่งานเลี้ยงโต๊ะ ขณะดื่มสุรา กับเหล่าขุน

นางโจโฉถาม โจจู๋ ว่าท่านผู้วิเศส ทุกสิ่งในแผ่นดินนี้ เราก็มีหมดแล้ว ขาดแต่ของชิ้น

หนึ่ง เราหยากคือได้ตับ มังกร ท่านจะหามาให้เราได้ไหม
โจจู๋ ตอบได้สิ แล้วจึงเอาภูกัน กับหมึก มาวาดที่ผนังตึกโถงงานเลี้ยงเป็นรูปมังกร
แล้วโจจู๋ก็เอาชายเสื้อโบกไปมาที่รูปมังกรที่วาด สักพักก็เอามือล้วงเข้าไป
ในรูปที่ผนัง แล้วหยิบตับสดๆออกมาจากรูปวาดบนฝาผนัง


กลางงานเลี้ยง ขุนนางทุกคนถึงกับอึ้ง แต่โจโฉกลับตวาดใส่ ไม่เชื่อ นี่เล่นกล
ไปเอาตับสัตอะไร มาซ่อนไว้ในแขนเสื้อใช่ไหม
โจโฉจึงถามอีก ว่าแน่จริงให้เสกต้นไม้ออกมาให้ดูทีเถอะ โจจู๋ถามท่านต้องการ
ต้นไม้อะไร  โจโฉตอบ เราต้องการต้นโบตั๋น เพราะปลูกยากมาก โจจู๋ก็ให้เอา

กระถางมาแล้วใส่ดิน แล้วเสกน้ำรด ทันใดนั้นต้นโบตั๋นก็งอกออกมา ให้เห็นทันที
โจโฉจึงยอมรับในความสามารถ ของโจจู๋
และ ครั้นดื่มสุราในงานเลี้ยงไปมา โจจู๋บ่นออกมา ว่าถ้ามีขิงสดๆ มาแกล้มเหล้าก็คง

จะดี
โจโฉจึงเอ่ย หยากได้ งั้นแล้วทำไมไม่เสกเอาละ หยากได้อะไรก็เสกเอาสิ
โจจู๋จึงให้เอาถาดว่างๆมา แล้วเอาเสื้อคลุมลงไป แล้วพอเปิดออก ก็มีขิงสดๆวางอยู่

มากมาย
และอีกอย่างนึง คือตำราพิชัยยุทธ ที่โจโฉเขียนไว้เอง โจโฉหยิบมาเปิดดู ก็ร็ว่านี่ของ
เราเองจริงๆ ที่เราได้ทำลายไป ครั้งทูตจากจอมโอหังเสฉวน มาเยาะเย้ย ว่าตำรานี่เรา
ลอกคนอื่นเขามา เราเลยทำลายทิ้ง และมาอยู่นี่ได้อย่างไร ช่างประหลาด โดยแท้
และก็เสพสุรากันต่อ โจจู๋ รินสุราใส่ชาม ตัวเองกินครึ่ง จะให้โจโฉกินอีกครึ่ง
แต่โจโฉไม่ดื่ม สุรา ในชามนั้น โจจู๋ก็เลย เขวี้ยง ชามสุรานั้นทิ้ง ชามกลับกลายเป็น
นกกระเรียน บินว่อนไปมา ทั่วโถงงานเลี้ยง
ผู้คนขุนนาง มัวแต่มอง นกกระเรียนกัน แต่ตอนนี้โจจู๋ได้หายไปแล้ว ทหารยามมา
รายงาน ว่าเห็นโจจู๋กำลังจะออกไปข้างนอก โจโฉจึงมีคำสั่งให้เคาทู รีบนำทหาร
ไปตามจับโจจู๋กลับมา
เคาทูกับทหาร 500 ขี่ม้าตามล่าโจจู๋ ครั้นตามมา เห็นโจจู๋ เดินเขย่งกระเพกๆๆ
(ขาไม่เท่ากัน) เคาทูก็ควบม้าตามๆๆ แต่ก็ไม่ทันจึงให้ทหารยิงธนูใส่
ครั้นมีฝูงแพะที่ถูกเด็กต้อนมา โจจู๋ก็กระโดด เข้าฝูงแพะแล้วหายไป  
เคาทูจึงสั่งให้ทหาร ฆ่าแพะทั้งหมดนี้เสีย แต่ก็ไม่เจอโจจู๋
ครั้นทหารไปแล้ว เด็กเลี้ยงแพะก็นั่งร้องไห้อยู่ด้วยสงสารแพะ ทันใดนั้นโจจู๋
ก็ปรากฎตัวออกมา แล้วแนะว่า แพะที่โดนฆ่านั้น ถ้าเอาหัวมาต่อกับตัว ก็จะพื้น
เด็กก็ทำตาม เอามาต่อก็พื้นจริงๆ แต่เด็กกลับไม่ได้ดู ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
จึงต่อหัวตัวผู้ตัวเมีย มั่วไปหมด
และด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา แพะตัวเมีย จึงมีเขา และมีเครา
เหมือนแพะตัวผู้ เรื่องราวการต่อหัวแพะนี้ ถูกลือต่อๆกันไป ถึงวุยอ๋อง(โจโฉ)
วุยอ๋อง จึงได้ให้เขียนรูปประกาศ รูปวาดโจจู๋ ให้จับตัวมาให้ได้ และส่งตัวมายังเมืองเงียมกุ๋น
คนที่มีลักษณะ แบบโจจู๋ ถูกจับมาทั้งสิ้น 300 คน โจโฉ จึงได้สั่งให้ ทหารนำเลือด สุนัข
หมู สิ่งปฎิกูล สาดใส่ คนเหล่านั้น
และเอาไปประหารเสีย ครั้นประหาร คนทั้ง300 สิ้น ก็เกิดลมพายุใหญ่ ในลานประหาร
ฝุ่นก็ครุ้ง ตลบบนฟ้าครั้น มีคนขี่กระเรียนบินว่อนไปทั่ว ต่างหัวเราะ ปรบมือสนุกสนาน


และทันใดนั้น ซากศพคนตาย ก็ลุกขึ้นวิ่งเดินว่อน ไปทั่ว
และจะเข้ามา รุมทำร้ายโจโฉ ขุนนาง และนางรับใช้ต่างร้อง โวกเวกโวยวายไปทั่ว
โจโฉนั้นก็ตกใจยิ่งนัก และในลมฝุ่นคลุ้งนั้น ก็ปรากฎ ร่างของโจจู๋ ยืนอยู่ ครั้นลม
และฝุ่นสงบลง ศพคนตาย คนขี่กระเรียน และโจจู๋ ก็หายไปจากลานสังหาร จนหมดสิ้น
โจโฉ ก็ล้มป่วยลง จนโหนหลวงต้องตาม กวนลอ หมอวิเศส มารักษา จนหาย
***กวนลอ หมอวิเศส (ด้านไสยเวศ) ผู้ทำนาย ดูชะตาว่า โลกศก จะตาย แฮหัวเอี๋ยน
จะตาย และเล่าปี่ จะบุกยึด ฮันต๋ง และผนวกดินแดนฮันต๋ง เสฉวน เกงจิ๋ว และยกทัพ
ใหญ่บุกวุยก๊ก ซึ่งทุกอย่างนั้นเป็นจริง ในเวลาต่อมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่