ปีหน้ารถ Benz และ BMW ราคาจะขึ้นมากกว่าเดิม เนื่องจากภาษีนำเข้า จริงหรือไม่ครับ (ตามข่าว)

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1434689143

ค่ายรถหรูบ่นอุบเจอ 2 เด้ง คลังชงสูตรคำนวณภาษีสรรพสามิตจากราคาขายปลีก หวั่นทำต้นทุนพุ่งแข่งขันลำบาก ลั่นโครงสร้างใหม่จ่ายภาษีจากการปล่อยมลพิษดีเดย์ต้นปีหน้าพร้อมเกิน 100% บีเอ็มฯอ้อนกระทบแผนธุรกิจขอเวลาเตรียมความพร้อม 2-3 ปี เบนซ์ย้ำต้องขายรถแพงขึ้น

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่กระทรวงการคลังมีนโยบายปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอีก ครั้งหนึ่ง โดยคำนวณอัตราภาษีจากการจัดเก็บจากราคาซีไอเอฟ (ราคาหน้าท่า+อากรนำเข้า) มาเป็นการคำนวณจากราคาขายปลีก ซึ่งจะมีผลทำให้ต้นทุนรถต่อคันแพงขึ้นแน่นอน โดยมีรายงานข่าวออกมาต่อเนื่องว่า แนวคิดนี้จะใช้หลังปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในต้นปีหน้า ซึ่งคำนวณอัตราภาษีจากการปล่อยมลพิษ เท่ากับว่าโครงสร้างภาษีสรรพ สามิตรถยนต์จะถูกปรับ 2 ครั้งภายในปีเดียว ซึ่งบริษัทเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนผลิตภัณฑ์ เพราะก่อนหน้านี้ค่ายรถได้เตรียมผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถรองรับโครงสร้าง ภาษีสรรพสามิตใหม่ไปแล้ว และหากมีการประกาศใช้ภาษีใหม่อีกรอบนั้น จะส่งผลให้ผู้ประกอบการวางแผนดำเนินธุรกิจค่อนข้างลำบาก และแน่นอนย่อมส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้น

ในขณะที่ความต้องการของตลาดยังไม่ได้ดีเท่าที่ควรอาจทำให้ตลาดหยุดชะงักได้ดังนั้น บีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้ประกอบการอยากให้รัฐบาลพิจารณายืดระยะเวลาออกไป เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาศึกษาและเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 2-3 ปี เช่นเดียวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่เปลี่ยนการจัดเก็บจากปริมาตร กระบอกสูบมาเป็นคำนวณจากการปล่อยไอเสีย

"เราพยายามเจรจาชี้แจงทำความ เข้าใจข้อเท็จจริงกับภาครัฐทั้งหมด ซึ่งล่าสุดได้มีการเข้าไปให้ข้อมูลกับทางเจ้ากระทรวงอุตสาหกรรมในประเด็นนี้ไปแล้ว"

ส่วนความพร้อมของผู้ประกอบการค่ายรถยนต์กับการจัดเก็บภาษี สรรพสามิตใหม่ ที่จะใช้มาตรฐานไอเสียและค่า Co2 เป็นตัววัด ผู้บริหารบีเอ็มดับเบิลยูยืนยันว่า พร้อมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ และเชื่อว่าค่ายรถยนต์อื่น ๆ ก็มีความพร้อมที่จะเริ่มใช้โครงสร้างภาษีใหม่ในวันที่ 1 ม.ค. 2559 เพราะกรมสรรพสามิตได้มีการแจ้งกับผู้ประกอบการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนผลิตภัณฑ์ การผลิต รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาดล่วงหน้าให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง

เช่นเดียวกับนายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การจัดเก็บภาษีตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คิดตามมาตรฐานการปล่อย Co2 นั้น บริษัทวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ส่วนการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีหน้าโรงงานเป็นการจัดเก็บตามราคาขาย ปลีกนั้นยังไม่มีรายละเอียด แต่สิ่งที่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้ราคาขายรถยนต์นั้นสูงขึ้น อย่างแน่นอน และคงจะต้องรอดูความชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับ แนวคิดการคำนวณภาษีสรรพสามิต นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่แล้ว โดยเป็นการรวมกฎหมายของกรมสรรพสามิตหลาย ๆ ฉบับไว้เป็นฉบับเดียว และได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บภาษีแบบใหม่ จากเดิมคิดราคาหน้าโรงงานมาเป็นคิดราคาขายปลีก ซึ่งจะมีผลทำให้สินค้าและรถยนต์นำเข้ามีภาระภาษีสรรพสามิตสูงขึ้นกว่า ปัจจุบัน

โดยหลักการแล้ว การเปลี่ยนแปลงฐานภาษีที่จากเดิมคิดบนฐานภาษีราคา ณ หน้าโรงงาน มาเป็นราคาขายปลีกที่ผู้บริโภคซื้อในท้องตลาดนั้น ผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะไม่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรมสรรพสามิตจะยินยอมปรับอัตราภาษีสรรพสามิตในแต่ละสินค้าลงมา เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ

แต่มีข้อยกเว้นคือสินค้านำเข้าจากต่าง ประเทศที่สำแดงราคาซีไอเอฟต่ำ เช่น กลุ่มรถยนต์ และบุหรี่ อาจจะทำให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อสินค้ามีภาระภาษีมากขึ้น เนื่องจากฐานการคำนวณภาษีใหม่ที่คิดจากราคาขายปลีก ที่มีราคาสูงกว่าราคาสำแดงซีไอเอฟมาก ย่อมทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น เพราะผู้ประกอบการมีกำไรสูงมาก

โดยกรมสรรพสามิตประเมินว่า การเปลี่ยนฐานภาษีจากราคา ณ หน้าโรงงานมาเป็นราคาขายปลีกนั้น จะทำให้กรมมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 6,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาษีรถยนต์นำเข้า เนื่องจากผู้นำเข้าจะสำแดงราคาซีไอเอฟรถยนต์ต่ำกว่าราคาหน้าโรงงานของรถยนต์ ที่ผลิตในประเทศประมาณ 20%

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คิดอย่างไรกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่