หนังสือ ดนตรี และงานศิลป์ของพวกคุณ... เป็นของต้องห้าม
สิ่งที่พวกคุณกำลังถืออยู่นี้คือ
เรื่องราวที่เร่งด่วนและสำคัญมาก
เพราะมันเปิดเผยความจริงต้องห้าม
เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้...
นี่เป็นบททดสอบที่น่าอัศจรรย์ของวัสติและวิส ออสกู้ด สองพี่น้องซึ่งถูกพรากจากครอบครัวในกลางดึกคืนหนึ่ง ถูกจับโยนเข้าคุกพร้อมข้อกล่าวหาร้ายแรงว่าทั้งคู่เป็น"แม่มดพ่อมด"
สองพี่น้องไม่ได้เจอสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวแต่ลำพัง มีเด็กๆ อีกหลายพันคนถูกลักพาตัว ถูกกล่าวหา หลายคนหายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเด็กๆเหล่านั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ น่ากลัวว่าระบบการปกครองใหม่นี้จะไม่ยอม หยุดยั้งการคร่าชีวิตและอิสรภาพ ดนตรีและหนังสือ ศาสตร์แห่งเวทย์มนตร์... และความพยายามที่จะเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ
หนังสือเรื่องนี้ส่วนใหญ่ได้ถูกยึด ฉีกทิ้ง เผาทำลายไปแล้ว ที่เหลือรอดมานี้เป็นเล่มหายาก ขอให้ส่งต่อกันออกไป ก่อนที่จะสายเกินไป
เขียนโดย JAMES PATTERSON เป็นนักเขียนหนังสือขายดีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงหลายเล่ม อาทิ Maximum Ride novels, the Daniel X series และหนังสือชุดสืบสวนขายดี เรื่อง ALEX Cross และ the Women's Murder Club หนังสือของเขามียอดขายรวมมากกว่า 170 ล้านเล่มทั้วโลก เขาอาศัยอยู่ที่ฟลอริดา
เกเบรียล ชาร์บอนเน็ต (Gagrielle Charbonnet) เป็นผู้แต่งร่วมของของหนังสือ Sundays at Tiffany's โดยเขียนร่วมกับเจมส์ แพ็ตเทอร์สัน และเธอยังมีผลงานเขียนหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องอื่นๆ อีกหลายเล่ม เธออาศัยอยู่ที่นอร์ธแคโรไลนา
อารัมภบท
คุณ
ไม่ได้อยู่
ที่
แคนซัส
อีกต่อไป
วิสตี
มันเกินกว่าจะรับได้จริงๆ ใบหน้าโกรธขึ้งของคนทั้งเมืองกำลังจ้องมาที่ฉันเหมือนเป็นอาชญากรโหด...แต่ฉันยืนยันกับคุณได้เลยว่า ฉันไม่ได้เป็นสนามกีฬาแห่งนี้มีคนอยู่เต็มความจุ...ที่จริงมากเกินความจุด้วยซ้ำ มีผู้คนยืนอยู่ตามทางเดิน ตามบันได บนเชิงเทินคอนกรีต และที่เหลืออีกนับพันพากันปักหลักอยู่บนสนามแข่ง วันนี้ไม่มีการแข่งขันฟุตบอลหรอกนะ แต่ถึงจะมีนักฟุตบอลก็คงลุยผ่านผู้คนออกมาตามทางเดินจากห้องพักนักกีฬาไม่ได้หรอก
ภาพความเกลียดชังทั้งหมดนี้กำลังออกอากาศทางโทรทัศน์ และทางอินเตอร์เน็ต ทั้งผู้สื่อข่าวนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ที่ไร้สมองทั้งหลายก็พากันมาอยู่ที่นี่ด้วย ใช่ ฉันเห็นช่างภาพโทรทัศน์หลายคนอยู่ตามยกพื้นที่ตั้งอยู่เป็นระยะๆ รอบสนามกีฬาด้วย
พวกนี้มีแม้กระทั่งกล้องควบคุมจากระยะไกลที่เคลื่อนที่ไปมาตามลวดที่ขึงอยู่เหนือสนามแข่ง นั่นไง...มันโฉบมาอยู่ที่หน้าเวที และแกว่ง
เล็กน้อยตามกระแสลมเพราะอย่างนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า นอกจากที่ฉันเห็นแล้ว ยังมีสายตาอีกนับล้านคู่ที่กำลังดูอยู่ แต่สายตาในสนามนี่เองที่ทำให้ฉันใจสลาย นั่นก็คือการประจันหน้ากับคนเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นแสน เผชิญกับผู้คนที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ไม่สนใจใยดี หรือไม่แยแสแม้แต่น้อย ...เจออย่างนี้แล้วที่ว่าน่ากลัวนั้นน่ะ จิ๊บจ๊อยเลยและไม่ต้องพูดถึงน้ำตาเลย แค่น้ำตาคลอก็ยังไม่มี
ไม่มีคำประท้วง
ไม่มีการกระทืบเท้า
ไม่มีการชูกำปั้นแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
ไม่มีอะไรที่บ่งชี้เลยว่าจะมีใครสักคนที่คิดจะฮือเข้ามา ฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง แล้วพาครอบครัวของฉันไปสู่ความปลอดภัยเห็นชัดๆ เลยว่า วันนี้ไม่ใช่วันดีของพวกเรา ตระกูลออลกู้ดจะว่าไป ไอ้เจ้านาฬิกานับถอยหลังที่กำลังสว่างวาบๆ อยู่บนจอ
ขนาดยักษ์ทั้งสองฝั่งของสนามกีฬานั้น ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของพวกเรา
ประเด็นนี้ตอกย้ำโดยชายร่างสูง หัวล้าน ยืนอยู่บนหอคอยที่ก่อขึ้นตรงกลางสนาม เขาดูมีลักษณะผสมกันระหว่างหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกากับหมิงผู้ไร้ความปรานี ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ เคยพบเขาแล้ว เขาคือ ‘บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง’ตรงไปทางด้านหลังเขาผู้ทรงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่นั้น คือ แผ่นป้ายขนาดยักษ์ของ ป.ม. – ประกาศิตใหม่และแล้วฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงขึ้นซ้ำๆ จนฟังเหมือนกับบทเพลง “บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง...” บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่งยกมือขึ้นด้วยท่วงท่าของจอมเผด็จการ ลูกสมุนของเขาที่สวมผ้าคลุมหัวอยู่บนยกพื้นผลักพวกเราไปข้างหน้า ผลักไปไกลจนสุดเชือกที่คล้องคอของพวกเรา
ฉันเห็นพี่ชายของฉัน ‘วิต’ ซึ่งทั้งสง่างาม และกล้าหาญ กำลังมองลงไปที่กลไกของตะแลงแกง คะเนดูว่าจะทำให้มันติดขัดได้อย่างไร จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้มันปลดสลัก แล้วปล่อยให้เราร่วงลงไปให้เชือกกระตุกจนคอหักตายฉันเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ได้ร้องไห้สงสารตัวเอง แต่สงสารวิตกับฉัน
ฉันเห็นพ่อ ร่างสูงของท่านค้อมลงอย่างอับจนหนทาง ยิ้มให้ฉัน และพี่ชายเพื่อให้เรามีกำลังใจ และเตือนให้เราระลึกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องมาทุกข์กับวาระสุดท้ายของเราบนโลกใบนี้แต่ว่าตอนนฉันเล่าเรื่องตัวเองล้ำหน้าไปหน่อย ฉันควรจะแค่เกริ่นเท่านั้น
ไม่ใช่เล่ารายละเอียดของการถูกประหารต่อหน้าฝูงชนของพวกเราถ้าอย่างนั้น ก็ขอเล่าย้อนกลับไปสักหน่อยหนึ่งก็แล้วกัน...
ไม่มี
การก่อ
อาชญากรรม
มีแค่
บทลงโทษ
บทที่ 1
วิต
บางครั้งคุณตื่นขึ้นมา แล้วโลกก็ต่างไปจากเดิมเสียอย่างนั้นแหละ เสียงเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนเวียนทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้น แสงสีฟ้าขาว
เย็น ยะเยือกแทรกผ่านบังตาเข้ามาส่องจ้า อยู่ในห้องนั่งเล่นจนดูราวกับว่าเป็นตอนกลางวัน แต่นี่ไม่ใช่กลางวัน ผมเพ่งสายตาสะลึมสะลือไปที่นาฬิกาบนเครื่องเล่นดีวีดี ตีสองสิบนาที ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง ตุบ ตุบ ตุบ ที่ดังอย่างสม่ำเสมอ คล้ายเสียงของหัวใจกำลังเต้นแรง ระรัว กดดันเข้ามา มันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมเดินโงนเงนไปที่หน้าต่าง บังคับร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับผล็อยอยู่บนโซฟามาสองชั่วโมง แล้วเพ่งมองลอดช่องระหว่างแผ่นบังตาออกไป
แล้วก็ต้องผงะ ขยี้ตาตัวเอง แรงๆ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเห็นสิ่งที่ผมเพิ่งเห็น และเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งได้ยิน
มันใช่เสียงตบเท้าที่สม่ำเสมอและหนักแน่นของทหารเป็นร้อยๆ จริงๆ หรือ? ทหารมาตบเท้าเดินแถวพร้อมเพรียงกันที่ถนนหน้าบ้านผมหรือ?
ถนนสายนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับใจกลางเมืองมากพอที่จะเป็นเส้นทางของขบวนพาเหรดประจำเทศกาลอะไรทั้งนั้น และยิ่งเป็นขบวนของหน่วยติดอาวุธ
ในชุดสนามเดินมากลางดึกอย่างนี้แล้ว ยิ่งเป็นไปได้ยากยิ่งกว่าผมสะบัดหัวไปมา และกระโดดขึ้นลงอยู่สองสามครั้ง อย่างที่ทำเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา ตื่นได้แล้ววิต ผมตบหน้าตัวเองเพื่อให้แน่ใจ และมองออกไปอีกครั้ง นั่น พวกเขาอยู่ที่นั่น พวกทหารกำลังเดินแถวมาตามถนนหน้าบ้านเรา
เป็นร้อยๆ เห็นชัดเหมือนอย่างกลางวันด้วยแสงจากรถบรรทุกติดสปอตไลท์หกคันความคิดหนึ่งแล่นซ้อนเข้ามาในสมอง ไม่จริงนะ… เป็นไปไม่ได้
ไม่จริงนะ ไม่จริงนะ…แล้วผมก็นึกได้ถึงการเลือกตั้ง ถึงรัฐบาลใหม่ นึกถึง คำพูด ที่โกรธเคืองของพ่อและแม่ต่อปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ นึกถึงการถ่ายทอดพิเศษทางโทรทัศน์ นึกถึงฎีกาทางการเมืองที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมกำลังส่งต่อๆกันไปในโลกออนไลน์ นึกถึงการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนระหว่างอาจารย์ที่โรงเรียน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีความหมายอะไรกับผมมาก่อนเลย จนกระทั่งวินาทีนี้และก่อนที่จะทันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน หัวหน้าหน่วยทหารเหล่านี้ก็มาหยุดที่หน้าบ้านของผม
ทันทีที่ผมเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ ทหารติดอาวุธสองนายก็แยกตัวออกจากแถว วิ่งตัดสนามหญ้ามาเหมือนหน่วยจู่โจม นายหนึ่งวิ่งอ้อมไปหลังบ้าน อีกนายยึดพื้นที่ด้านหน้าผมกระโดดถอยออกมาจากหน้าต่าง บอกได้เลยว่า พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อปกป้องผม และครอบครัวของผม
ผมต้องเตือนพ่อ แม่ วิสตี – แต่พอผมจะอ้าปากตะโกน ประตูหน้าบ้านก็ถูกพังจนหลุดออกจาก บานพับ
บทที่ 2
วัสตี
มันสยองมาก ที่ถูกลักพาตัวจากบ้านของตัวเองกลางดึกแบบนี้ เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้ จะเล่าให้ฟัง ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางความอลหม่านของเสียงโต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ ตามด้วยเสียงแก้วแตกกระจาย น่าจะเป็นพวกเครื่องกระเบื้องของแม่
โธ่ วิต ฉันคิด แล้วสะบัดหัวด้วยความง่วง พี่ชายของฉันสูงขึ้นสี่นิ้วและมีกล้ามเพิ่มขึ้นสามสิบปอนด์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จึงทำให้เขาเป็นควอเตอร์แบคที่ใหญ่และเร็วที่สุดในย่านนี้ และฉันพูดได้เลยว่า เขาเป็นนักฟุตบอลที่น่าเกรงขามที่สุดในทีมฟุตบอลโรงเรียนระดับภูมิภาคของเราที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครแต่ว่า นอกสนามแข่ง วิตงุ่มงามเหมือนกับหมีธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่เป็นเจ้าหมีธรรมดาที่ซัดกระทิงแดงเข้าไปหนึ่งลังเต็มๆ แล้วก็หยิ่งเสียด้วย เพราะวิตสามารถวิดพื้นกับม้ายาวได้สองร้อยเจ็ดสิบห้าครั้ง และสาวๆ ทั้งโรงเรียนก็คิดว่าเขามีหุ่นบาดใจที่สุดในบรรดาพวกหนุ่มหุ่นดีทั้งหลาย
ฉันพลิกตัวแล้วดึงหมอนมาปิดหัว แม้กระทั่งก่อนที่วิตจะเริ่มดื่มเหล้ามันก็ยากแล้วที่เขาจะเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่ชนอะไรล้มเข้าสักอย่าง อย่างที่เขาเรียกว่าเอากระทิงมาไว้ในร้านเครื่องกระเบื้องนั่นเลยแหละแต่ฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ของคืนนี้เมื่อสามเดือนก่อน ซีเลีย แฟนของวิตหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และตอนนี้ ทุกคนก็คิดว่าซีเลียคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว พ่อแม่ของซีเลียเสียใจกับเรื่องนี้มาก รวมทั้งวิตด้วย ถ้าจะพูดกันตามจริงแล้วฉันเองก็ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน ซีเลียเคย…ไม่ใช่ซิ…ซีเลียเป็นคนสวย ฉลาด แล้วก็ไม่หยิ่งด้วยแม้ซีเลียจะเป็นคนมีฐานะดี แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่เจ๋งมาก พ่อของซีเลียเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรูในเมืองนี้ และแม่เคยเป็นถึงนางงามมาก่อน ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนอย่างซีเลียได้ฉันได้ยิน เสียงประตูห้องนอนของพ่อ กับ แม่เปิด ก็ เลยซุกตัว กลับ เข้าไปในที่นอนที่ปูด้วยผ้าสำลีอันอบอุ่นของฉัน
จากนั้นเสียงคำรามของพ่อก็ดังขึ้น ฉันไม่เคยได้ยินเสียงพ่อโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย
“นี่มันอะไรกัน! พวกแกไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่ ออกไปจากบ้านฉัน เดี๋ยวนี้” ฉันเด้งตัวขึ้น ตาสว่างทันที จากนั้นก็มีเสียงดังโครมครามตามมาอีก ฉันคิดว่าได้ยินเสียงใครบางคนร้องด้วยความเจ็บปวด วิตล้มหัวแตกหรืออย่างไร? หรือว่าพ่อจะบาดเจ็บ? ตายแล้ว! ฉันคิดในใจ ตะกายออกจากที่นอน “หนูมาแล้วค่ะพ่อ
พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า?”และแล้วฝันร้ายที่เป็นจุดแรกของฝันร้ายในชั่วชีวิตก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังฉันอ้าปากค้างขณะที่ประตูห้องนอนของฉัน ถูกพัง เปิด ออกมา ชายร่างกำยำในชุดเครื่องแบบสีเทาเข้มสองคนวิ่งพรวดเข้ามาในห้องของฉัน จ้องเขม็งมาราวกับว่าฉันเป็นผู้ก่อการร้ายที่กำลังหลบหนีชายคนหนึ้ง พูดว่า “คนนี้แหละ วิสตีเรีย ออลกู้ด!” แล้วแสงสว่างที่จ้าจนทำให้โรงซ่อมเครื่องบินสว่างขึ้นทั้งโรงได้ ก็ส่องเข้ามาทำลายความมืดฉันพยายามป้องตาไว้ ขณะที่ใจเตรียมสู้สุดตัว และถามไปว่า “พวกแกเป็นใคร?! มาทำอะไรในห้องนอนของฉัน?”
ลิขสิทธิ์ Nation Book
source:
http://bit.ly/1Gyk1iY
หนังสือนิยายแปล Witch&Wizard ปฐมบท-ถูกล่า
หนังสือ ดนตรี และงานศิลป์ของพวกคุณ... เป็นของต้องห้าม
สิ่งที่พวกคุณกำลังถืออยู่นี้คือ
เรื่องราวที่เร่งด่วนและสำคัญมาก
เพราะมันเปิดเผยความจริงต้องห้าม
เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้...
นี่เป็นบททดสอบที่น่าอัศจรรย์ของวัสติและวิส ออสกู้ด สองพี่น้องซึ่งถูกพรากจากครอบครัวในกลางดึกคืนหนึ่ง ถูกจับโยนเข้าคุกพร้อมข้อกล่าวหาร้ายแรงว่าทั้งคู่เป็น"แม่มดพ่อมด"
สองพี่น้องไม่ได้เจอสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวแต่ลำพัง มีเด็กๆ อีกหลายพันคนถูกลักพาตัว ถูกกล่าวหา หลายคนหายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเด็กๆเหล่านั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ น่ากลัวว่าระบบการปกครองใหม่นี้จะไม่ยอม หยุดยั้งการคร่าชีวิตและอิสรภาพ ดนตรีและหนังสือ ศาสตร์แห่งเวทย์มนตร์... และความพยายามที่จะเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ
หนังสือเรื่องนี้ส่วนใหญ่ได้ถูกยึด ฉีกทิ้ง เผาทำลายไปแล้ว ที่เหลือรอดมานี้เป็นเล่มหายาก ขอให้ส่งต่อกันออกไป ก่อนที่จะสายเกินไป
เขียนโดย JAMES PATTERSON เป็นนักเขียนหนังสือขายดีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงหลายเล่ม อาทิ Maximum Ride novels, the Daniel X series และหนังสือชุดสืบสวนขายดี เรื่อง ALEX Cross และ the Women's Murder Club หนังสือของเขามียอดขายรวมมากกว่า 170 ล้านเล่มทั้วโลก เขาอาศัยอยู่ที่ฟลอริดา
เกเบรียล ชาร์บอนเน็ต (Gagrielle Charbonnet) เป็นผู้แต่งร่วมของของหนังสือ Sundays at Tiffany's โดยเขียนร่วมกับเจมส์ แพ็ตเทอร์สัน และเธอยังมีผลงานเขียนหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องอื่นๆ อีกหลายเล่ม เธออาศัยอยู่ที่นอร์ธแคโรไลนา
คุณ
ไม่ได้อยู่
ที่
แคนซัส
อีกต่อไป
วิสตี
มันเกินกว่าจะรับได้จริงๆ ใบหน้าโกรธขึ้งของคนทั้งเมืองกำลังจ้องมาที่ฉันเหมือนเป็นอาชญากรโหด...แต่ฉันยืนยันกับคุณได้เลยว่า ฉันไม่ได้เป็นสนามกีฬาแห่งนี้มีคนอยู่เต็มความจุ...ที่จริงมากเกินความจุด้วยซ้ำ มีผู้คนยืนอยู่ตามทางเดิน ตามบันได บนเชิงเทินคอนกรีต และที่เหลืออีกนับพันพากันปักหลักอยู่บนสนามแข่ง วันนี้ไม่มีการแข่งขันฟุตบอลหรอกนะ แต่ถึงจะมีนักฟุตบอลก็คงลุยผ่านผู้คนออกมาตามทางเดินจากห้องพักนักกีฬาไม่ได้หรอก
ภาพความเกลียดชังทั้งหมดนี้กำลังออกอากาศทางโทรทัศน์ และทางอินเตอร์เน็ต ทั้งผู้สื่อข่าวนิตยสาร และหนังสือพิมพ์ที่ไร้สมองทั้งหลายก็พากันมาอยู่ที่นี่ด้วย ใช่ ฉันเห็นช่างภาพโทรทัศน์หลายคนอยู่ตามยกพื้นที่ตั้งอยู่เป็นระยะๆ รอบสนามกีฬาด้วย
พวกนี้มีแม้กระทั่งกล้องควบคุมจากระยะไกลที่เคลื่อนที่ไปมาตามลวดที่ขึงอยู่เหนือสนามแข่ง นั่นไง...มันโฉบมาอยู่ที่หน้าเวที และแกว่ง
เล็กน้อยตามกระแสลมเพราะอย่างนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า นอกจากที่ฉันเห็นแล้ว ยังมีสายตาอีกนับล้านคู่ที่กำลังดูอยู่ แต่สายตาในสนามนี่เองที่ทำให้ฉันใจสลาย นั่นก็คือการประจันหน้ากับคนเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นแสน เผชิญกับผู้คนที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ไม่สนใจใยดี หรือไม่แยแสแม้แต่น้อย ...เจออย่างนี้แล้วที่ว่าน่ากลัวนั้นน่ะ จิ๊บจ๊อยเลยและไม่ต้องพูดถึงน้ำตาเลย แค่น้ำตาคลอก็ยังไม่มี
ไม่มีคำประท้วง
ไม่มีการกระทืบเท้า
ไม่มีการชูกำปั้นแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
ไม่มีอะไรที่บ่งชี้เลยว่าจะมีใครสักคนที่คิดจะฮือเข้ามา ฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง แล้วพาครอบครัวของฉันไปสู่ความปลอดภัยเห็นชัดๆ เลยว่า วันนี้ไม่ใช่วันดีของพวกเรา ตระกูลออลกู้ดจะว่าไป ไอ้เจ้านาฬิกานับถอยหลังที่กำลังสว่างวาบๆ อยู่บนจอ
ขนาดยักษ์ทั้งสองฝั่งของสนามกีฬานั้น ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของพวกเรา
ประเด็นนี้ตอกย้ำโดยชายร่างสูง หัวล้าน ยืนอยู่บนหอคอยที่ก่อขึ้นตรงกลางสนาม เขาดูมีลักษณะผสมกันระหว่างหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกากับหมิงผู้ไร้ความปรานี ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้ เคยพบเขาแล้ว เขาคือ ‘บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง’ตรงไปทางด้านหลังเขาผู้ทรงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่นั้น คือ แผ่นป้ายขนาดยักษ์ของ ป.ม. – ประกาศิตใหม่และแล้วฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงขึ้นซ้ำๆ จนฟังเหมือนกับบทเพลง “บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่ง...” บุคคลผู้ที่เป็นหนึ่งยกมือขึ้นด้วยท่วงท่าของจอมเผด็จการ ลูกสมุนของเขาที่สวมผ้าคลุมหัวอยู่บนยกพื้นผลักพวกเราไปข้างหน้า ผลักไปไกลจนสุดเชือกที่คล้องคอของพวกเรา
ฉันเห็นพี่ชายของฉัน ‘วิต’ ซึ่งทั้งสง่างาม และกล้าหาญ กำลังมองลงไปที่กลไกของตะแลงแกง คะเนดูว่าจะทำให้มันติดขัดได้อย่างไร จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้มันปลดสลัก แล้วปล่อยให้เราร่วงลงไปให้เชือกกระตุกจนคอหักตายฉันเห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ได้ร้องไห้สงสารตัวเอง แต่สงสารวิตกับฉัน
ฉันเห็นพ่อ ร่างสูงของท่านค้อมลงอย่างอับจนหนทาง ยิ้มให้ฉัน และพี่ชายเพื่อให้เรามีกำลังใจ และเตือนให้เราระลึกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องมาทุกข์กับวาระสุดท้ายของเราบนโลกใบนี้แต่ว่าตอนนฉันเล่าเรื่องตัวเองล้ำหน้าไปหน่อย ฉันควรจะแค่เกริ่นเท่านั้น
ไม่ใช่เล่ารายละเอียดของการถูกประหารต่อหน้าฝูงชนของพวกเราถ้าอย่างนั้น ก็ขอเล่าย้อนกลับไปสักหน่อยหนึ่งก็แล้วกัน...
การก่อ
อาชญากรรม
มีแค่
บทลงโทษ
บทที่ 1
วิต
บางครั้งคุณตื่นขึ้นมา แล้วโลกก็ต่างไปจากเดิมเสียอย่างนั้นแหละ เสียงเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนเวียนทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้น แสงสีฟ้าขาว
เย็น ยะเยือกแทรกผ่านบังตาเข้ามาส่องจ้า อยู่ในห้องนั่งเล่นจนดูราวกับว่าเป็นตอนกลางวัน แต่นี่ไม่ใช่กลางวัน ผมเพ่งสายตาสะลึมสะลือไปที่นาฬิกาบนเครื่องเล่นดีวีดี ตีสองสิบนาที ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียง ตุบ ตุบ ตุบ ที่ดังอย่างสม่ำเสมอ คล้ายเสียงของหัวใจกำลังเต้นแรง ระรัว กดดันเข้ามา มันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมเดินโงนเงนไปที่หน้าต่าง บังคับร่างกายให้ตื่นตัวขึ้นมาหลังจากที่นอนหลับผล็อยอยู่บนโซฟามาสองชั่วโมง แล้วเพ่งมองลอดช่องระหว่างแผ่นบังตาออกไป
แล้วก็ต้องผงะ ขยี้ตาตัวเอง แรงๆ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเห็นสิ่งที่ผมเพิ่งเห็น และเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งได้ยิน
มันใช่เสียงตบเท้าที่สม่ำเสมอและหนักแน่นของทหารเป็นร้อยๆ จริงๆ หรือ? ทหารมาตบเท้าเดินแถวพร้อมเพรียงกันที่ถนนหน้าบ้านผมหรือ?
ถนนสายนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับใจกลางเมืองมากพอที่จะเป็นเส้นทางของขบวนพาเหรดประจำเทศกาลอะไรทั้งนั้น และยิ่งเป็นขบวนของหน่วยติดอาวุธ
ในชุดสนามเดินมากลางดึกอย่างนี้แล้ว ยิ่งเป็นไปได้ยากยิ่งกว่าผมสะบัดหัวไปมา และกระโดดขึ้นลงอยู่สองสามครั้ง อย่างที่ทำเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬา ตื่นได้แล้ววิต ผมตบหน้าตัวเองเพื่อให้แน่ใจ และมองออกไปอีกครั้ง นั่น พวกเขาอยู่ที่นั่น พวกทหารกำลังเดินแถวมาตามถนนหน้าบ้านเรา
เป็นร้อยๆ เห็นชัดเหมือนอย่างกลางวันด้วยแสงจากรถบรรทุกติดสปอตไลท์หกคันความคิดหนึ่งแล่นซ้อนเข้ามาในสมอง ไม่จริงนะ… เป็นไปไม่ได้
ไม่จริงนะ ไม่จริงนะ…แล้วผมก็นึกได้ถึงการเลือกตั้ง ถึงรัฐบาลใหม่ นึกถึง คำพูด ที่โกรธเคืองของพ่อและแม่ต่อปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ นึกถึงการถ่ายทอดพิเศษทางโทรทัศน์ นึกถึงฎีกาทางการเมืองที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมกำลังส่งต่อๆกันไปในโลกออนไลน์ นึกถึงการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนระหว่างอาจารย์ที่โรงเรียน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีความหมายอะไรกับผมมาก่อนเลย จนกระทั่งวินาทีนี้และก่อนที่จะทันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน หัวหน้าหน่วยทหารเหล่านี้ก็มาหยุดที่หน้าบ้านของผม
ทันทีที่ผมเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ ทหารติดอาวุธสองนายก็แยกตัวออกจากแถว วิ่งตัดสนามหญ้ามาเหมือนหน่วยจู่โจม นายหนึ่งวิ่งอ้อมไปหลังบ้าน อีกนายยึดพื้นที่ด้านหน้าผมกระโดดถอยออกมาจากหน้าต่าง บอกได้เลยว่า พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อปกป้องผม และครอบครัวของผม
ผมต้องเตือนพ่อ แม่ วิสตี – แต่พอผมจะอ้าปากตะโกน ประตูหน้าบ้านก็ถูกพังจนหลุดออกจาก บานพับ
บทที่ 2
วัสตี
มันสยองมาก ที่ถูกลักพาตัวจากบ้านของตัวเองกลางดึกแบบนี้ เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้ จะเล่าให้ฟัง ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางความอลหม่านของเสียงโต๊ะเก้าอี้ล้มคว่ำ ตามด้วยเสียงแก้วแตกกระจาย น่าจะเป็นพวกเครื่องกระเบื้องของแม่
โธ่ วิต ฉันคิด แล้วสะบัดหัวด้วยความง่วง พี่ชายของฉันสูงขึ้นสี่นิ้วและมีกล้ามเพิ่มขึ้นสามสิบปอนด์ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จึงทำให้เขาเป็นควอเตอร์แบคที่ใหญ่และเร็วที่สุดในย่านนี้ และฉันพูดได้เลยว่า เขาเป็นนักฟุตบอลที่น่าเกรงขามที่สุดในทีมฟุตบอลโรงเรียนระดับภูมิภาคของเราที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครแต่ว่า นอกสนามแข่ง วิตงุ่มงามเหมือนกับหมีธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่เป็นเจ้าหมีธรรมดาที่ซัดกระทิงแดงเข้าไปหนึ่งลังเต็มๆ แล้วก็หยิ่งเสียด้วย เพราะวิตสามารถวิดพื้นกับม้ายาวได้สองร้อยเจ็ดสิบห้าครั้ง และสาวๆ ทั้งโรงเรียนก็คิดว่าเขามีหุ่นบาดใจที่สุดในบรรดาพวกหนุ่มหุ่นดีทั้งหลาย
ฉันพลิกตัวแล้วดึงหมอนมาปิดหัว แม้กระทั่งก่อนที่วิตจะเริ่มดื่มเหล้ามันก็ยากแล้วที่เขาจะเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่ชนอะไรล้มเข้าสักอย่าง อย่างที่เขาเรียกว่าเอากระทิงมาไว้ในร้านเครื่องกระเบื้องนั่นเลยแหละแต่ฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ของคืนนี้เมื่อสามเดือนก่อน ซีเลีย แฟนของวิตหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และตอนนี้ ทุกคนก็คิดว่าซีเลียคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว พ่อแม่ของซีเลียเสียใจกับเรื่องนี้มาก รวมทั้งวิตด้วย ถ้าจะพูดกันตามจริงแล้วฉันเองก็ทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน ซีเลียเคย…ไม่ใช่ซิ…ซีเลียเป็นคนสวย ฉลาด แล้วก็ไม่หยิ่งด้วยแม้ซีเลียจะเป็นคนมีฐานะดี แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่เจ๋งมาก พ่อของซีเลียเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรูในเมืองนี้ และแม่เคยเป็นถึงนางงามมาก่อน ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนอย่างซีเลียได้ฉันได้ยิน เสียงประตูห้องนอนของพ่อ กับ แม่เปิด ก็ เลยซุกตัว กลับ เข้าไปในที่นอนที่ปูด้วยผ้าสำลีอันอบอุ่นของฉัน
จากนั้นเสียงคำรามของพ่อก็ดังขึ้น ฉันไม่เคยได้ยินเสียงพ่อโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย
“นี่มันอะไรกัน! พวกแกไม่มีสิทธิ์เข้ามาที่นี่ ออกไปจากบ้านฉัน เดี๋ยวนี้” ฉันเด้งตัวขึ้น ตาสว่างทันที จากนั้นก็มีเสียงดังโครมครามตามมาอีก ฉันคิดว่าได้ยินเสียงใครบางคนร้องด้วยความเจ็บปวด วิตล้มหัวแตกหรืออย่างไร? หรือว่าพ่อจะบาดเจ็บ? ตายแล้ว! ฉันคิดในใจ ตะกายออกจากที่นอน “หนูมาแล้วค่ะพ่อ
พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า?”และแล้วฝันร้ายที่เป็นจุดแรกของฝันร้ายในชั่วชีวิตก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังฉันอ้าปากค้างขณะที่ประตูห้องนอนของฉัน ถูกพัง เปิด ออกมา ชายร่างกำยำในชุดเครื่องแบบสีเทาเข้มสองคนวิ่งพรวดเข้ามาในห้องของฉัน จ้องเขม็งมาราวกับว่าฉันเป็นผู้ก่อการร้ายที่กำลังหลบหนีชายคนหนึ้ง พูดว่า “คนนี้แหละ วิสตีเรีย ออลกู้ด!” แล้วแสงสว่างที่จ้าจนทำให้โรงซ่อมเครื่องบินสว่างขึ้นทั้งโรงได้ ก็ส่องเข้ามาทำลายความมืดฉันพยายามป้องตาไว้ ขณะที่ใจเตรียมสู้สุดตัว และถามไปว่า “พวกแกเป็นใคร?! มาทำอะไรในห้องนอนของฉัน?”
ลิขสิทธิ์ Nation Book
source: http://bit.ly/1Gyk1iY