กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ข้าพเจ้าได้สมัครทำประกันชีวิตแผนประกันมะเร็ง จัดเต็ม (12PL) Platinum ของบริษัท กรุงไทย-แอกซ่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2556 ตอนสมัครได้แจ้งตัวแทนว่าได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลและแพทย์แจ้ง “ข้าพเจ้าด้วยวาจาว่าเป็นก้อนไขมันที่เต้านมข้างช้าย เป็นชนิดที่พบได้ทั่วไป พบได้ทุกคน ไม่อันตราย จะผ่าหรือไม่ผ่าก็ได้” ตอนทำตัวแทนไม่ถามอะไรสักคำให้เซ็นชื่อในใบขอเอาประกัน และพาไปตรวจสุขภาพที่คลินิค ต่อมาไม่นานข้าพเจ้าก็ได้รับกรมธรรม์ และก็ไม่เคยอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์อีกเลย ข้าพเจ้าขอเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการทำประกัน ดังนี้
ประมาณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 ข้าพเจ้าไม่มีอาการอะไรแต่แพทย์ ให้ทำแมมโม แกรมปกติทุกปีพบมีจุดเล็กๆ ที่เต้านมข้างขวา และได้ส่งเจาะชิ้นเนื้อตรวจ พบว่า ข้าพเจ้าเป็นมะเร็งที่เต้านมข้างขวา ผล needle biopsy : Invasive ductal carcinoma, histologic grade 2
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 ข้าพเจ้าจึงแจ้งผลการตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าวด้วยวาจาให้ ผู้จัดการหน่วยฯ บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ซึ่งเป็นผู้จัดการของตัวแทนที่ข้าพเจ้าชื้อประกันชีวิตเพื่อจะขอเคลมประกันมะเร็ง แต่ผู้จัดการหน่วยฯ แจ้งว่าต้องมีใบรับรองแพทย์และผลชิ้นเนื้อ
วันทื่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ข้าพเจ้าไปผ่าตัดวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2558 จึงขอใบรับรองแพทย์และผลการตรวจชิ้นเนื้อก่อนผ่าตัดจากโรงพยาบาลส่งมอบให้ผู้จัดการหน่วยฯ ประมาณวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 แต่ผู้จัดการหน่วยฯ บอกว่าต้องขอผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดด้วย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ส่งผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดผู้จัดการหน่วยฯ
วันที่ 6 มีนาคม 2558 ผู้จัดการหน่วยฯ ส่งเอกสารการเคลมและหลักฐานทั้งหมดให้บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า
วันที่ 19 มีนาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าส่งข้อความเข้ามือถือข้าพเจ้าว่า“บริษัทได้รับเอกสารเรียกร้องสินไหม SLI/ELI แล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ”
วันที่ 20 มีนาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ส่งจดหมายให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท โดยอ้างว่า “เพื่อใช้ประกอบการอนุมัติจ่ายค่าสินไหมให้แก่ข้าพเจ้า”
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 เพื่อนบ้านนำจดหมายจากบริษัทกรุงไทย-แอกซ่ามาให้ข้าพเจ้า หน้าซองมีคำว่า “เคลม” ปั้มด้วยตัวอักษรปั้มสีน้ำเงิน ข้าพเจ้าเปิดดูพบว่าเป็นหนังสือของของบริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 แจ้งว่า ขอล้างสัญญาเนื่องจากปรากฎหลักฐานว่า “ข้าพเจ้ามีสุขภาพไม่สมบูรณ์และมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับภาวะก้อนเนื้องอกที่เต้านมมาก่อนการทำสัญญาประกันชีวิต”
ตัวข้าพเจ้ารับราชการ ขอยืนยันว่าข้าพเจ้ามีสุขภาพสมบูรณ์มาตลอด ไม่เคยมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับภาวะก้อนเนื้องอกที่เต้านม และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ มาก่อนการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท นอกจากทราบจากแพทย์ก่อนจะทำประกันดังที่กล่าวในตอนต้นและได้บอกตัวแทนไปเรียบร้อยโดยไม่ต้องการจะปกปิดเพราะไม่ต้องการให้มีปัญหาทีหลัง หลังจากได้รับเอกสารบอกล้างสัญญาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ไปเก็บข้อมูลต่างๆ สรุป เหตุการณ์ได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น
ความรู้สึกของข้าพเจ้าต่อเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น : ในการทำประกันหรือทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกัน การชื้อรถ ฯลฯ ไม่มีใครจะมานั่งอ่านเอกสารต่างๆ อย่างละเอียด เพราะมีรายละเอียดมาก ตัวหนังสือในเอกสารก็เล็ก บางครั้งถึงอ่านก็ไม่เข้าใจ นอกจากนี้ไม่ทราบด้วยว่าเรื่องใดสำคัญ เรื่องใดไม่สำคัญ ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คนที่ทำเอกสารบ่อยๆ เท่านั้นที่รู้และควรจะต้องเก็บข้อมูลส่วนนั้นให้ถูกต้องชัดเจน ตรงกับที่ลูกค้าแจ้ง และเจ้าหน้าที่ที่ทำต้องมีความซื่อสัตย์ ที่จะต้องใส่ข้อมูลที่ลูกค้าบอก ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะส่วนใหญ่เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยก็ไม่ได้อ่านกัน และส่วนใหญ่ก็จะเชื่อใจตัวแทนว่าคงจะดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ตัวแทนจะมาอ้างว่าก็ทำอย่างนี้ทุกรายไม่เห็นมีปัญหา รู้หรือไม่ว่าปัญหาที่ลูกค้าประกันเคลมแล้วบริษัทไม่จ่ายนั้น สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อผู้เอาประกันมากแค่ไหน บางรายต้องการเอาเงินส่วนนี้เก็บไว้รักษาตัว บางรายต้องการเก็บไว้จัดงานศพของตนเองเพื่อไม่ให้ลูกหลานเดืดดร้อน นอกจากนี้การที่บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่ได้รับจดหมายและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบริษัท เนื่องการทำสัญญาประกันผู้เอาประกันและผู้รับประกันต้องถือกรมธรรม์คนละเล่มอยู่แล้ว กรมธรรม์เล่มของข้าพเจ้าควรอยู่ที่ข้าพเจ้า เมื่อบริษัทจ่ายผลประโยชน์เต็มจำนวนเงินเอาประกันให้แก่ผู้เอาประกันแล้ว สัญญาเพิ่มเติมก็จะสิ้นผลบังคับทันที จึงไม่จำเป็นต้องให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ข้าพเจ้าได้สอบถามเรื่องนี้และอธิบายให้ผู้จัดการหน่วยฯ ทราบ ผู้จัดการหน่วยฯแจ้งเพียงว่าต้องส่ง ข้าพเจ้าจึงมอบกรมธรรม์ให้แก่ผู้จัดการหน่วยฯ ประมาณวันที่ 25 มีนาคม 2558 เพื่อดำเนินเรื่องการส่งต่อให้บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า โดยมีเจตนาต้องการให้มีหลักฐานการส่งรูปเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าได้มีหนังสือบอกล้างสัญญากับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีความรู้สึกว่า บริษัทเหมือนไม่จริงใจกับผู้เอาประกัน ดั่งจะเห็นได้จากปกปิดบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ในการขอเอกสารจากข้าพเจ้า การดึงเรื่องการขอเคลม ความล่าช้าในการเคลม การพิจารณาสินไหม และการบอกล้างสัญญา
ข้าพเจ้าจึงต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเป็นอุทาหรณ์กับทุกคนที่จะเอาประกัน นอกจากนี้ข้าพเจ้าต้องการคำแนะนำจากท่านที่มีความรู้ ช่วยให้ข้อมูลแก่ข้าพเจ้าว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ทุกความคิดเห็นมีประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก และขอขอบคุณในทุกความคิดเห็นมา ณ โอกาสนี้
บทเรียนผู้ที่จะซื้อประกัน “จ่ายเงินแล้วเคลมไม่ได้ ถูกบอกล้างสัญญาไม่รู้ตัว”
ข้าพเจ้าได้สมัครทำประกันชีวิตแผนประกันมะเร็ง จัดเต็ม (12PL) Platinum ของบริษัท กรุงไทย-แอกซ่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2556 ตอนสมัครได้แจ้งตัวแทนว่าได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลและแพทย์แจ้ง “ข้าพเจ้าด้วยวาจาว่าเป็นก้อนไขมันที่เต้านมข้างช้าย เป็นชนิดที่พบได้ทั่วไป พบได้ทุกคน ไม่อันตราย จะผ่าหรือไม่ผ่าก็ได้” ตอนทำตัวแทนไม่ถามอะไรสักคำให้เซ็นชื่อในใบขอเอาประกัน และพาไปตรวจสุขภาพที่คลินิค ต่อมาไม่นานข้าพเจ้าก็ได้รับกรมธรรม์ และก็ไม่เคยอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์อีกเลย ข้าพเจ้าขอเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการทำประกัน ดังนี้
ประมาณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 ข้าพเจ้าไม่มีอาการอะไรแต่แพทย์ ให้ทำแมมโม แกรมปกติทุกปีพบมีจุดเล็กๆ ที่เต้านมข้างขวา และได้ส่งเจาะชิ้นเนื้อตรวจ พบว่า ข้าพเจ้าเป็นมะเร็งที่เต้านมข้างขวา ผล needle biopsy : Invasive ductal carcinoma, histologic grade 2
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 ข้าพเจ้าจึงแจ้งผลการตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าวด้วยวาจาให้ ผู้จัดการหน่วยฯ บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ซึ่งเป็นผู้จัดการของตัวแทนที่ข้าพเจ้าชื้อประกันชีวิตเพื่อจะขอเคลมประกันมะเร็ง แต่ผู้จัดการหน่วยฯ แจ้งว่าต้องมีใบรับรองแพทย์และผลชิ้นเนื้อ
วันทื่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ข้าพเจ้าไปผ่าตัดวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2558 จึงขอใบรับรองแพทย์และผลการตรวจชิ้นเนื้อก่อนผ่าตัดจากโรงพยาบาลส่งมอบให้ผู้จัดการหน่วยฯ ประมาณวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 แต่ผู้จัดการหน่วยฯ บอกว่าต้องขอผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดด้วย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 ส่งผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดผู้จัดการหน่วยฯ
วันที่ 6 มีนาคม 2558 ผู้จัดการหน่วยฯ ส่งเอกสารการเคลมและหลักฐานทั้งหมดให้บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า
วันที่ 19 มีนาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าส่งข้อความเข้ามือถือข้าพเจ้าว่า“บริษัทได้รับเอกสารเรียกร้องสินไหม SLI/ELI แล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ”
วันที่ 20 มีนาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ส่งจดหมายให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท โดยอ้างว่า “เพื่อใช้ประกอบการอนุมัติจ่ายค่าสินไหมให้แก่ข้าพเจ้า”
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 เพื่อนบ้านนำจดหมายจากบริษัทกรุงไทย-แอกซ่ามาให้ข้าพเจ้า หน้าซองมีคำว่า “เคลม” ปั้มด้วยตัวอักษรปั้มสีน้ำเงิน ข้าพเจ้าเปิดดูพบว่าเป็นหนังสือของของบริษัทกรุงไทย-แอกซ่า ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 แจ้งว่า ขอล้างสัญญาเนื่องจากปรากฎหลักฐานว่า “ข้าพเจ้ามีสุขภาพไม่สมบูรณ์และมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับภาวะก้อนเนื้องอกที่เต้านมมาก่อนการทำสัญญาประกันชีวิต”
ตัวข้าพเจ้ารับราชการ ขอยืนยันว่าข้าพเจ้ามีสุขภาพสมบูรณ์มาตลอด ไม่เคยมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับภาวะก้อนเนื้องอกที่เต้านม และไม่มีโรคประจำตัวใดๆ มาก่อนการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท นอกจากทราบจากแพทย์ก่อนจะทำประกันดังที่กล่าวในตอนต้นและได้บอกตัวแทนไปเรียบร้อยโดยไม่ต้องการจะปกปิดเพราะไม่ต้องการให้มีปัญหาทีหลัง หลังจากได้รับเอกสารบอกล้างสัญญาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ไปเก็บข้อมูลต่างๆ สรุป เหตุการณ์ได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น
ความรู้สึกของข้าพเจ้าต่อเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น : ในการทำประกันหรือทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกัน การชื้อรถ ฯลฯ ไม่มีใครจะมานั่งอ่านเอกสารต่างๆ อย่างละเอียด เพราะมีรายละเอียดมาก ตัวหนังสือในเอกสารก็เล็ก บางครั้งถึงอ่านก็ไม่เข้าใจ นอกจากนี้ไม่ทราบด้วยว่าเรื่องใดสำคัญ เรื่องใดไม่สำคัญ ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คนที่ทำเอกสารบ่อยๆ เท่านั้นที่รู้และควรจะต้องเก็บข้อมูลส่วนนั้นให้ถูกต้องชัดเจน ตรงกับที่ลูกค้าแจ้ง และเจ้าหน้าที่ที่ทำต้องมีความซื่อสัตย์ ที่จะต้องใส่ข้อมูลที่ลูกค้าบอก ไม่บิดเบือนข้อมูล เพราะส่วนใหญ่เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยก็ไม่ได้อ่านกัน และส่วนใหญ่ก็จะเชื่อใจตัวแทนว่าคงจะดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ตัวแทนจะมาอ้างว่าก็ทำอย่างนี้ทุกรายไม่เห็นมีปัญหา รู้หรือไม่ว่าปัญหาที่ลูกค้าประกันเคลมแล้วบริษัทไม่จ่ายนั้น สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อผู้เอาประกันมากแค่ไหน บางรายต้องการเอาเงินส่วนนี้เก็บไว้รักษาตัว บางรายต้องการเก็บไว้จัดงานศพของตนเองเพื่อไม่ให้ลูกหลานเดืดดร้อน นอกจากนี้การที่บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่ได้รับจดหมายและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบริษัท เนื่องการทำสัญญาประกันผู้เอาประกันและผู้รับประกันต้องถือกรมธรรม์คนละเล่มอยู่แล้ว กรมธรรม์เล่มของข้าพเจ้าควรอยู่ที่ข้าพเจ้า เมื่อบริษัทจ่ายผลประโยชน์เต็มจำนวนเงินเอาประกันให้แก่ผู้เอาประกันแล้ว สัญญาเพิ่มเติมก็จะสิ้นผลบังคับทันที จึงไม่จำเป็นต้องให้ข้าพเจ้าส่งเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ข้าพเจ้าได้สอบถามเรื่องนี้และอธิบายให้ผู้จัดการหน่วยฯ ทราบ ผู้จัดการหน่วยฯแจ้งเพียงว่าต้องส่ง ข้าพเจ้าจึงมอบกรมธรรม์ให้แก่ผู้จัดการหน่วยฯ ประมาณวันที่ 25 มีนาคม 2558 เพื่อดำเนินเรื่องการส่งต่อให้บริษัทกรุงไทย-แอกซ่า โดยมีเจตนาต้องการให้มีหลักฐานการส่งรูปเล่มกรมธรรม์ของข้าพเจ้าไปให้บริษัท ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 บริษัทกรุงไทย-แอกซ่าได้มีหนังสือบอกล้างสัญญากับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีความรู้สึกว่า บริษัทเหมือนไม่จริงใจกับผู้เอาประกัน ดั่งจะเห็นได้จากปกปิดบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ในการขอเอกสารจากข้าพเจ้า การดึงเรื่องการขอเคลม ความล่าช้าในการเคลม การพิจารณาสินไหม และการบอกล้างสัญญา
ข้าพเจ้าจึงต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเป็นอุทาหรณ์กับทุกคนที่จะเอาประกัน นอกจากนี้ข้าพเจ้าต้องการคำแนะนำจากท่านที่มีความรู้ ช่วยให้ข้อมูลแก่ข้าพเจ้าว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ทุกความคิดเห็นมีประโยชน์ต่อข้าพเจ้ามาก และขอขอบคุณในทุกความคิดเห็นมา ณ โอกาสนี้