1. ความเชื่อของพระอรหันต์ จัดเป็น อนาสวะสัมมาทิฏฐิ
2. ความเข้าใจในอริยสัจ 4 ความเข้าใจในไตรลักษณ์ ความเข้าใจเรื่องปฏิจจสมุปบาท ความเข้าใจในโพธิปัโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ เป็นสัมมาทิฏฐิ
3. ความสามารถจำแนกว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
4. ความเชื่อที่น้อมนำมาซึ่งกุศลกรรม จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
5. ความเชื่อที่ให้คุณอย่างเดียว ไม่มีโทษ จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
6. กลัวที่จะสุญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง ความกลัวที่จะถูกติเตียน ความกลัวในโทษทัณฑ์ตามกฏหมาย ความกลัวในทุคติ จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
มหาจัตตารีสกสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 1)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=3724&Z=3923
ท่านเชื่อว่าพระสารีบุตรได้กล่าวพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
สัมมาทิฏฐิสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 2 และ 3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๑๕๑๘ - ๑๗๕๓. หน้าที่ ๖๓ - ๗๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=1518&Z=1753&pagebreak=0
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
ปุพพังคสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 4)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปุพพังคสูตร
[๑๒๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เริ่มต้นเป็นนิมิตเบื้องต้น แห่ง
ดวงอาทิตย์เมื่อจะอุทัย คือ แสงเงินแสงทอง ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่
เริ่มต้นเป็นนิมิตเบื้องต้นแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย คือ สัมมาทิฐิ ฉันนั้นเหมือนกัน
แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาสังกัปปะ ย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาทิฐิ
สัมมาวาจาย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสังกัปปะ สัมมากัมมันตะย่อมเพียงพอ
แก่บุคคลผู้มีสัมมาวาจา สัมมาอาชีวะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมากัมมันตะ
สัมมาวายามะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาอาชีวะ สัมมาสติย่อมเพียงพอ
แก่บุคคลผู้มีสัมมาวายามะ สัมมาสมาธิย่อมเพียงพอ แก่บุคคลผู้มีสัมมาสติ
สัมมาญาณะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสมาธิ สัมมาวิมุติย่อมเพียงพอแก่
บุคคลผู้มีสัมมาญาณะ ฯ
จบสูตรที่ ๙
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ บรรทัดที่ ๕๕๔๕ - ๕๕๕๖. หน้าที่ ๒๓๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=5545&Z=5556&pagebreak=0
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
อปัณณกสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 5)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[๑๐๘] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณ-
*พราหมณ์เหล่าใด มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล ฯลฯ สมณพราหมณ์
ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้ชัดแจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง. แล้วประกาศ
ให้รู้ทั่ว มีอยู่ในโลก สมณพราหมณ์เหล่านั้นเป็นอันหวังข้อนี้ได้ คือ จักเว้นอกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต จักสมาทานกุศลธรรมทั้ง ๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
แล้วประพฤติ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้นเห็นโทษ ความต่ำทราม
ความเศร้าหมอง แห่งอกุศลธรรม เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะอันเป็นฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม.
ก็โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่า โลกหน้ามีอยู่ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นชอบ.
ก็โลกหน้ามีจริง เขาดำริว่า โลกหน้ามีจริง ความดำริของเขานั้นเป็นความดำริชอบ. ก็โลกหน้า
มีจริง เขากล่าวว่าโลกหน้ามีจริง วาจาของเขานั้นเป็นวาจาชอบ. ก็โลกหน้ามีจริง เขากล่าวว่า
โลกหน้ามีจริง ชื่อว่าไม่ทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า. ก็โลกหน้ามีจริง
เขาให้ผู้อื่นเข้าใจว่า โลกหน้ามีจริง การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้น เป็นการให้ผู้อื่นเข้าใจโดย
สัทธรรม และเขาย่อมไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นด้วยการที่ให้ผู้อื่นเข้าใจโดยสัทธรรมนั้นด้วย. เขาละ
โทษ คือ ความเป็นคนทุศีล ตั้งไว้เฉพาะแต่คุณ คือ ความเป็นคนมีศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการ
ฉะนี้. กุศลธรรมเป็นอเนกเหล่านี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา ความไม่เป็น
ข้าศึกต่อพระอริยะ การให้ผู้อื่น เข้าใจโดยสัทธรรม การไม่ยกตน การไม่ข่มผู้อื่น ย่อมมี
เพราะสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ด้วยประการฉะนี้.
[๑๐๙] ดูกรพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ในลัทธิของสมณพราหมณ์เหล่านั้น บุรุษ
ผู้รู้แจ้ง ย่อมเห็นตระหนักชัดว่า ถ้าโลกหน้ามีอยู่จริง เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านบุรุษบุคคลนี้ เมื่อตายไป
จักเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์. อนึ่ง โลกหน้าอย่าได้มีจริง คำของท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น
จงเป็นคำจริง เมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านบุรุษบุคคลผู้นี้ ก็เป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญในปัจจุบันว่า
เป็นบุรุษบุคคลมีศีล มีสัมมาทิฏฐิ เป็นอัตถิกวาท ถ้าโลกหน้ามีจริง ความยึดถือของท่านบุรุษบุคคลนี้
อย่างนี้ เป็นความมีชัยในโลกทั้งสอง คือในปัจจุบันวิญญูชนสรรเสริญ เมื่อตายไป จักเข้าถึงสุคติ
โลก สวรรค์ ด้วยประการฉะนี้. อปัณณกธรรมที่ผู้นั้นถือไว้ดี สมาทานดีนี้ ย่อมแผ่ไปโดยส่วนสอง
ย่อมละเหตุแห่งอกุศลเสีย ด้วยประการฉะนี้.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=1833&Z=2382
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
ภยสูตรที่ ๑ (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 6)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ บรรทัดที่ ๓๓๓๘ - ๓๓๘๐. หน้าที่ ๑๔๔ - ๑๔๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=3338&Z=3380&pagebreak=0
เกี่ยวกับเจ้าของกระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กระผมเป็นชาวพุทธอินดี้ ไม่ไช่ชาวพุทธเถรวาท โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ผมเชื่อในพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้า ดังนั้นผมจึงมีความเชื่อว่า ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมไม่ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์
หลักการเวียนว่ายตายเกิด อาจอยู่ในฐานะที่วิทยาศาสตร์ไม่ให้ความสนใจ หรือ อาจอยู่ในฐานะรอการพิสูจน์ ดังนั้นผมจึงไม่ปฏิเสธหลักการเวียนว่ายตายเกิด
มุมมองในพระพุทธศาสนาของผมได้รับอิทธิพล จากท่านพุทธทาส และพระพรหมคุณาภรณ์
ผมเลือกที่จะปฏิเสธบางช่วงบางตอนในพระไตรปิฎกในส่วนที่ขัดกับวิทยาศาสตร์ และเลือกที่จะปฏิเสธบางช่วงบางตอนของงานเขียนท่านพุทธทาสที่เป็นไปในเชิงอุจเฉททิฏฐิ ปฏิเสธการเวียนว่ายตายเกิด
ลักษณะของความเชื่อที่จัดเป็น สัมมาทิฎฐิ
2. ความเข้าใจในอริยสัจ 4 ความเข้าใจในไตรลักษณ์ ความเข้าใจเรื่องปฏิจจสมุปบาท ความเข้าใจในโพธิปัโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ เป็นสัมมาทิฏฐิ
3. ความสามารถจำแนกว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
4. ความเชื่อที่น้อมนำมาซึ่งกุศลกรรม จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
5. ความเชื่อที่ให้คุณอย่างเดียว ไม่มีโทษ จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
6. กลัวที่จะสุญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง ความกลัวที่จะถูกติเตียน ความกลัวในโทษทัณฑ์ตามกฏหมาย ความกลัวในทุคติ จัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
มหาจัตตารีสกสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 1)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท่านเชื่อว่าพระสารีบุตรได้กล่าวพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
สัมมาทิฏฐิสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 2 และ 3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
ปุพพังคสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 4)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
อปัณณกสูตร (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 5)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ท่านเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้ไว้จริงหรือไม่ ??
ภยสูตรที่ ๑ (หลักฐานอ้างอิงสำหรับข้อ 6)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกี่ยวกับเจ้าของกระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้