คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ผมในฐานะผู้ชาย จะไม่ถือว่าโชคดีอะไรนะ
ผมจะรีบบอกฝ่ายหญิงเลย จะเอาเงินค่าจัดงาน สินสอดในราคาที่เหมาะสม ไปจ่ายค่าบ้านที่จะสร้างกัน หรือ asset ที่จะลงทุนกันเลย ให้เป็นของทั้งสองฝ่าย
พวกเราสองคนจะได้ตั้งตัวได้ไวๆ คุณพ่อ คุณแม่เค้าจะได้ต้องเป็นห่วงชีวิตของพวกเราให้นานน้อยที่สุด ทุกอย่างทำเพื่อตัวเค้า รวมถึงพ่อ แม่ เค้าด้วย
ถ้าเลือกได้ อย่าไปทำตามคนไทยส่วนใหญ่เลยครับ หลายบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยมีฐานะมหาศาลอะไร เรียนจบค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัว พอเก็บเงินได้ก้อนเนิง เริ่มอยากมีชีวิตคู่ละ เพราะคิดว่าชีวิตเริ่มมั่นคง ก็เอาไปถลุงในงานแต่งหมดไปหลายแสน แล้วก้อต้องมาเสียเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกันใหม่ ในการสร้างบ้าน มาเหนื่อยด้วยกันใหม่ ยิ่งบางคนจ่ายไม่ไหว ต้องไปยืมพ่อแม่ ให้พ่อแม่ช่วยต่อไปอีก มันไม่เรียกว่าเป็นการทำเพื่อพ่อแม่หรอกครับ
คนไทยไม่ยอมรับความจริงครับ ว่าประเพณีงานแต่งทำให้หลายคนเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มคู่ชีวิต และใช้ข้ออ้างว่าทำเพื่อพ่อแม่ สังคมบลาๆๆ คนพวกนี้ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน หรือได้ทำงานในสถานที่ดีๆ ตอนนี้ก็ ติดกับดักทางการเงินใช้หนี้กันหัวบาน กว่าจะผ่อนบ้านหมด รถหมด ซัดไปอายุเท่าไหร่ไม่รู้ ในเมื่อเค้าพอใจแบบนั้น สำหรับผม ผมปล่อยเค้าไปครับ
ผมจะรีบบอกฝ่ายหญิงเลย จะเอาเงินค่าจัดงาน สินสอดในราคาที่เหมาะสม ไปจ่ายค่าบ้านที่จะสร้างกัน หรือ asset ที่จะลงทุนกันเลย ให้เป็นของทั้งสองฝ่าย
พวกเราสองคนจะได้ตั้งตัวได้ไวๆ คุณพ่อ คุณแม่เค้าจะได้ต้องเป็นห่วงชีวิตของพวกเราให้นานน้อยที่สุด ทุกอย่างทำเพื่อตัวเค้า รวมถึงพ่อ แม่ เค้าด้วย
ถ้าเลือกได้ อย่าไปทำตามคนไทยส่วนใหญ่เลยครับ หลายบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยมีฐานะมหาศาลอะไร เรียนจบค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัว พอเก็บเงินได้ก้อนเนิง เริ่มอยากมีชีวิตคู่ละ เพราะคิดว่าชีวิตเริ่มมั่นคง ก็เอาไปถลุงในงานแต่งหมดไปหลายแสน แล้วก้อต้องมาเสียเวลาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกันใหม่ ในการสร้างบ้าน มาเหนื่อยด้วยกันใหม่ ยิ่งบางคนจ่ายไม่ไหว ต้องไปยืมพ่อแม่ ให้พ่อแม่ช่วยต่อไปอีก มันไม่เรียกว่าเป็นการทำเพื่อพ่อแม่หรอกครับ
คนไทยไม่ยอมรับความจริงครับ ว่าประเพณีงานแต่งทำให้หลายคนเป็นหนี้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มคู่ชีวิต และใช้ข้ออ้างว่าทำเพื่อพ่อแม่ สังคมบลาๆๆ คนพวกนี้ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน หรือได้ทำงานในสถานที่ดีๆ ตอนนี้ก็ ติดกับดักทางการเงินใช้หนี้กันหัวบาน กว่าจะผ่อนบ้านหมด รถหมด ซัดไปอายุเท่าไหร่ไม่รู้ ในเมื่อเค้าพอใจแบบนั้น สำหรับผม ผมปล่อยเค้าไปครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คิดในกรอบมากไปป่าวครับ
ถ้าเกิดเราใช้ค่าใช้จ่ายมากมายในการแต่งงาน แล้วไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องไปขอพ่อแม่
หรือต่อให้หามาด้วยตัวเอง มันก็ทำให้เงินในการตั้งตัวของเราเหลือน้อยลง กว่าจะตั้งตัวได้ก็ใช้เวลานาน ยิ่งไม่ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ตายตาไม่หลับหรอครับ
ประเพณีที่ถ่วงชีวิต ความเจริญ ก็ควรที่จะอย่าไปยึดมากเลยดีกว่านะครับ สังคมที่คุณพูดถึง มันไม่มาช่วยคุณสร้างเนื้อสร้างตัว หรือ ช่วยคุณแก้ปัญหาเวลามีปัญหาหรอกครับ
อย่าไปติดกับดักการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตเลยดีกว่าครับ
สำหรับผม ถ้าลองเกริ่นๆ แล้วคุณพ่อ คุณแม่ มีแนวคิดคล้ายๆกัน ก็จัดไปครับ ถ้าเค้าไม่เห็นด้วยก็ เจอกันกลางทางจัดเป็นงานเล็กๆ น่ารักๆ แทนละกันครับ
ถ้าเกิดเราใช้ค่าใช้จ่ายมากมายในการแต่งงาน แล้วไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องไปขอพ่อแม่
หรือต่อให้หามาด้วยตัวเอง มันก็ทำให้เงินในการตั้งตัวของเราเหลือน้อยลง กว่าจะตั้งตัวได้ก็ใช้เวลานาน ยิ่งไม่ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง ตายตาไม่หลับหรอครับ
ประเพณีที่ถ่วงชีวิต ความเจริญ ก็ควรที่จะอย่าไปยึดมากเลยดีกว่านะครับ สังคมที่คุณพูดถึง มันไม่มาช่วยคุณสร้างเนื้อสร้างตัว หรือ ช่วยคุณแก้ปัญหาเวลามีปัญหาหรอกครับ
อย่าไปติดกับดักการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตเลยดีกว่าครับ
สำหรับผม ถ้าลองเกริ่นๆ แล้วคุณพ่อ คุณแม่ มีแนวคิดคล้ายๆกัน ก็จัดไปครับ ถ้าเค้าไม่เห็นด้วยก็ เจอกันกลางทางจัดเป็นงานเล็กๆ น่ารักๆ แทนละกันครับ
ความคิดเห็นที่ 14
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ เราก็เข้าใจค่ะว่าในบริบทของสังคมไทยสิ่งที่เราคิดอาจเป็นเรื่องไม่ถูกใจนัก
แต่เรากับแฟนต่างคนต่างต้องทำงานเก็บเงินสร้างบ้าน(ในอนาคต และใช้หนี้ให้กับพ่อแม่ของตัวเอง)
เลยคิดว่าไม่อยากจัดงานอะไรให้ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้น
ส่วนตัวเองมีความคิดที่ว่างานแต่งงานของเรา ควรจัดและรับรู้แค่ครอบครัวและคนสนิทไม่ต้องใหญ่โตอะไร
อยากให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้เท่านั้นเอง
เพราะเราเป็นพวกภาระเยอะ แต่งบน้อย
คนอื่นๆ เค้าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรา เค้าก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวของเรา เราไม่อยากป่าวประกาศอะไรมากมาย
แต่ก็นะ... อาจจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ ซึ่งเราไม่ได้แคร์ตรงนี้
ตอนนี้พ่อแม่เราเค้าเข้าใจค่ะ แต่ญาติๆของเราดูเหมือนจะไม่เข้าใจความคิดนี้
เลยไม่รู้จะไปอธิบายยังไงให้เค้าไม่รู้สึกขุ่นข้องเคืองใจ
แต่เรากับแฟนต่างคนต่างต้องทำงานเก็บเงินสร้างบ้าน(ในอนาคต และใช้หนี้ให้กับพ่อแม่ของตัวเอง)
เลยคิดว่าไม่อยากจัดงานอะไรให้ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้น
ส่วนตัวเองมีความคิดที่ว่างานแต่งงานของเรา ควรจัดและรับรู้แค่ครอบครัวและคนสนิทไม่ต้องใหญ่โตอะไร
อยากให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้เท่านั้นเอง
เพราะเราเป็นพวกภาระเยอะ แต่งบน้อย
คนอื่นๆ เค้าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรา เค้าก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวของเรา เราไม่อยากป่าวประกาศอะไรมากมาย
แต่ก็นะ... อาจจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ ซึ่งเราไม่ได้แคร์ตรงนี้
ตอนนี้พ่อแม่เราเค้าเข้าใจค่ะ แต่ญาติๆของเราดูเหมือนจะไม่เข้าใจความคิดนี้
เลยไม่รู้จะไปอธิบายยังไงให้เค้าไม่รู้สึกขุ่นข้องเคืองใจ
ความคิดเห็นที่ 6
ผู้หญิงแบบ จขกท หาได้ที่ไหนบ้างครับ
ตัวผมบ้านไม่ได้จน ฐานะมั่นคง แต่ชอบความเรียบง่ายสมถะ หาผู้หญิงแบบ จขกท ไม่ได้ซักกะที
พวกงานแต่งยิ่งใหญ่ใช้เงินเยอะ พอแต่งเสร็จก็ต้องมานั่งทำงานหาเงินใหม่
ภาพงานแต่งก็แทบไม่เคยดู แล้วจะจัดงานไปเพื่อ???
เรื่องงานแต่ง เป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ
พี่ชายผมยังตกลงแต่งกะแฟนโดยไม่ได้มาปรึกษาแม่ก่อนด้วยซ้ำ แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ โตๆกันแล้ว
ถ้าทำแล้วสบายใจ ไม่เดือนร้อนใคร ไม่ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้แหละครับ
ไม่ก็ลองจัดงานแต่งที่โรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้ครับ เรียบง่าย ประหยัดดีด้วย
http://www.priest-hospital.go.th/donate/index.php?option=com_content&view=article&id=14&Itemid=22
http://women.mthai.com/wedding-plan/193558.html
ตัวผมบ้านไม่ได้จน ฐานะมั่นคง แต่ชอบความเรียบง่ายสมถะ หาผู้หญิงแบบ จขกท ไม่ได้ซักกะที
พวกงานแต่งยิ่งใหญ่ใช้เงินเยอะ พอแต่งเสร็จก็ต้องมานั่งทำงานหาเงินใหม่
ภาพงานแต่งก็แทบไม่เคยดู แล้วจะจัดงานไปเพื่อ???
เรื่องงานแต่ง เป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ
พี่ชายผมยังตกลงแต่งกะแฟนโดยไม่ได้มาปรึกษาแม่ก่อนด้วยซ้ำ แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ โตๆกันแล้ว
ถ้าทำแล้วสบายใจ ไม่เดือนร้อนใคร ไม่ผิดกฎหมาย ก็สามารถทำได้แหละครับ
ไม่ก็ลองจัดงานแต่งที่โรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้ครับ เรียบง่าย ประหยัดดีด้วย
http://www.priest-hospital.go.th/donate/index.php?option=com_content&view=article&id=14&Itemid=22
http://women.mthai.com/wedding-plan/193558.html
ความคิดเห็นที่ 85
เพราะคนไทยยึดติดกับการมีหน้ามีตาในสังคมมากเกินไป จะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีไม่ให้เขานินทา พูดอีกอย่างก็คือใช้ชีวิตยังงัยก็ได้ ให้ถูกคนอื่นนินทาน้อยที่สุด พ่อแม่ หรือญาติเราจึงอยากจัดงาน มีสินสอดให้ได้ตามประเพณีมากที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการแปลกแยกจากสังคม
การจะตัดสินใจว่าเราจะจัดงานแบบไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคุยกับคนรอบข้างเราให้เข้าใจ เพราะคนที่แบกรับภาระต่างๆ ไม่ใช่คนที่เขานินทา หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา แต่มันคือตัวคุณเอง
ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความคิดบางอย่างก็เปลี่ยนไปตาม วัฒนธรรมบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากมันไม่อำนวยต่อการดำเนินชีวิต
การจะตัดสินใจว่าเราจะจัดงานแบบไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคุยกับคนรอบข้างเราให้เข้าใจ เพราะคนที่แบกรับภาระต่างๆ ไม่ใช่คนที่เขานินทา หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเรา แต่มันคือตัวคุณเอง
ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความคิดบางอย่างก็เปลี่ยนไปตาม วัฒนธรรมบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากมันไม่อำนวยต่อการดำเนินชีวิต
ความคิดเห็นที่ 2
คิดจะทำเพื่อตัวเองตลอด
แต่คิดจะทำเพื่อเพื่อคนอื่นซักวัน ไม่ได้รึ
งานแต่งงาน มันเป็นส่วนของประเพณีและวัฒนธรรมเฉพาะสังคมนั้น
บางคนเขานับถือ ส่วนประเพณีฯ มันเป็น Evolution ของสังคมครับ
ทำไม เราไม่ อยูุ่ถ้ำล่าสัตว์ ในวันนี้เพราะ สิ่งที่ทำสืบกันมาจน ปรับแต่งมาเรื่อยๆ ครับ
มันมีที่มาที่ ขึ้นอยู่มาเราจะมองในมุม ไหน
แต่คิดจะทำเพื่อเพื่อคนอื่นซักวัน ไม่ได้รึ
งานแต่งงาน มันเป็นส่วนของประเพณีและวัฒนธรรมเฉพาะสังคมนั้น
บางคนเขานับถือ ส่วนประเพณีฯ มันเป็น Evolution ของสังคมครับ
ทำไม เราไม่ อยูุ่ถ้ำล่าสัตว์ ในวันนี้เพราะ สิ่งที่ทำสืบกันมาจน ปรับแต่งมาเรื่อยๆ ครับ
มันมีที่มาที่ ขึ้นอยู่มาเราจะมองในมุม ไหน
แสดงความคิดเห็น
อยากแต่งงานแต่ไม่พิธีรีตอง ไม่อยากจัดงานแต่งงาน ไม่อยากได้เงินสินสอด จะคุยกับที่บ้านยังไงดีคะ
กำลังคิดเรื่องแต่งงาน เราอยากแต่งงานค่ะ แต่ไม่อยากสิ้นเปลืองกับการจัดงาน
ไม่อยากได้สินสอดจากฝ่ายชาย ไม่อยากให้มีพิธีอะไรมาก
อยากมีแค่ญาติผู้ใหญ่สองฝ่ายและคนสนิทก็พอมาพบปะ พูดคุยกินข้าวและเป็นสักขีพยานก็พอ
แต่ไม่รู้จะคุยกับที่บ้านยังไงให้เข้าใจดีค่ะ ไม่อยากให้เค้าคิดว่าไม่สมศักดิ์ศรีอะไรอย่างนี้
ขออนุญาตแท็กการลงทุนนะคะ เผื่อจะมีแนวคิดเรื่องการใช้เงินอย่างเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้