จดทะเบียนเฉยๆ ไม่จัดงานเเต่ง ??? (ยาวนะ ไม่อยากอ่านข้ามไปเลย)

เหอะๆ เรื่องกลุ้มๆ ที่กำลังจะมาถึงค่ะ
คือเรามีเเพลนเเต่งงานในอีก1-2 ปีนี้ แต่ใจเราอยากเลื่อน ไม่อยากจัดงานเเต่งงานด้วย
อยากจดทะเบียนเฉยๆ (แฟนขอจด)

มีด้วยเหรอ ผู้หญิงที่ไม่อยากใส่ชุดเจ้าสาว ?
จริงๆ เเล้วเราก็อยากใส่ค่ะ แต่ปัญหามันเยอะ ยุกยิกไปหมด ปวดหัว เราคิดว่าในเมื่อมันน่าปวดหัวขนาดนี้
ไม่อยากจัดมันเลย

บอกก่อนนะ เราอยู่กับแฟนก่อนเเต่งค่ะ ทำงานเล้วด้วยกันทั้งคู่ ที่เลือกอยู่ก่อนเพราะคิดว่าวุฒิภาวะเพียงพอเเล้ว
ไม่ใช่เพราะความใคร่ กระสันอยากมีเซ็กส์นะ เราอยากศึกษากันดูก่อนเพราะเราต่างกันมากๆ ตั้งเเต่วิถีชีวิตครอบครัว
จนถึงวงสังคม

เรื่องของเรื่องคือ เราทะเลาะกับเเม่เรื่องเงินๆ ทองๆ เช้านี้เลย ซึ่งเเม่ชอบเป็นคนฟื้นฝอยหาตะเข็บ พูดจาจิกกัด แม้เเต่กับตัวเราเอง
มาพาลเราเรื่องที่อยู่กับแฟนแล้ว (การอยู่ก่อนแต่งของเรา บ้านทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้) ว่าเมื่อไรจะเเต่งกันสักที อายคนอื่นเค้าหมดเเล้ว
ไอ้เเดงมันเอาไปพูดหมดหมู่บ้านเเล้วว่า ...มีปั๋วแล้ว ซึ่งไอ้เเดงที่ว่าเป็นญาติพ่อค่ะ มาทำงานกับพ่อได้พักนึง
อาศัยอยู่บ้านเรา ข้าวปลาก็มาอาศัยกินฟรีทุกอย่าง ส่วนตัวเเล้วเราไม่ชอบเขาค่ะ เพราะนิสัยเห็นเเก่ตัว เรียกง่ายๆ ว่ามาเกาะพ่อเรานั่นเเหละ
มาคนเดียวไม่พอ พาเมียพาลูกมาด้วย จะเอาลูกมาเข้าโรงเรียนที่นี่ (กะว่าจะย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่บ้านเราเลย)
แบบว่าพอลูกเลิกเรียนก็ฝากฝังให้เราไปรับ ตอนเย็นดูเเลให้หน่อย หลานเชียวนะ เราปฏิเสธค่ะ จึงทำให้เขาไม่พอใจนัก
สุดท้ายก็พาครอบครัวกลับบ้านนอก หลังจากสูบพ่อเราจนได้ที่ พ่อเราก็ไม่ว่าอะไรค่ะ เขาเป็นคนรักพี่น้อง (แม้ว่าพี่น้องบางคนจะไม่เคยรักจริง)
เออออด้วยไปหมด

หลังจากไอ้เเดงกลับไป เขาก็เอาไปพูดตามประสาคนขี้นินทา แม่เราก็เอามาบ่นมาว่า ว่าเมื่อไรจะเเต่งซะที อายเค้า
เราก็บอกแม่นะ สารพัดเหตุผลที่ให้เขาฟังเราบ้าง หลักๆ คือ
เรา : ขอเราตั้งตัวก่อนได้ไหม จะให้ฝ่ายชายไปขอแต่งตอนนี้เลยเนี่ย เรายังไม่พร้อม
เราอยากเป็นผู้หญิงที่ใครเห็นเเล้วไม่อาย พร้อมด้วยฐานะเเละหน้าตาทางสังคมมากพอที่บ้านฝ่ายชายจะไม่ดูถูก
เเม่ : อายทำไม ถ้าบ้านมันดูถูกคนจน ผู้ชายแบบนี้อย่าไปเอา

ทั้งๆ ที่แฟนเราไม่เคยดูถูกเรา ไม่เคยดูถูกพ่อเเม่เราค่ะ แม้เขาจะมาจากครอบครัวที่มีหน้าตา ฐานะ พอสมควร
แต่เขารับเราได้ทั้งที่รู้ว่าพ่อแม่เราฐานะไม่ดี ทำงานใช้เเรงงาน เขาเคยไปช่วยที่บ้านเราทำงานด้วยซ้ำ
ไปยืนตากแดดทาสีให้ ช่วยทำแบบบ้านเสนอลูกค้า (หลังๆ เป็นงานนี้)

จริงๆ เเล้วเราวางแผนกับแฟนว่าจะเเต่งงานสัก 27-29 (อีกไม่กี่ปีนี้เอง) เพราะเขาอยากมีลูกก่อน 30 หรือ 30 ต้นๆ
อีกอย่างคือ เราร่างกายไม่เเข็งเเรง มีโรคประจำตัว เขาไม่อยากให้ท้องตอนเเก่ แต่เขายังไม่เอ่ยปากแบบชัดเจนกับพ่อเเม่เราค่ะ
เพราะเงินเก็บยังไม่มากพอ คือแฟนเราเป็นคนวางแผนการเงินค่อนข้างรัดกุม ขี้เหนียวได้อยู่ อีกอย่างคือเราเข้าใจด้วยกันทั้งคู่ว่า
หากมีลูก ก็ต้องมีทุกอย่างพร้อมสำหรับเลี้ยงเขาไม่ให้ลำบาก ไม่คิดฝากลูกให้ใครเลี้ยงให้ จะเลี้ยงเอง
เพราะต่างคนต่างเคยถูกพ่อแม่ปล่อยให้ญาติเลี้ยงตั้งแต่เด็ก เข้าใจดีว่ามันเป็นอย่างไร มีลูกเองเลี้ยงเองไม่ได้ อย่ามีดีกว่า

เราอยากสร้างตัว สร้างฐานะของเรา (ไม่เกี่ยวกับเงินเก็บแฟนนะ) ให้มันดี มันพร้อม ไม่อับอายเเละได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงจับผู้ชายรวย
(จริงๆ เเล้วครอบครัวแฟนรวยค่ะ ไม่ใช่ตัวแฟน) ทางบ้านแฟนเรารู้จักเราทุกคนค่ะ แถมแฟนเราเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเขาด้วย
เราก็อยากเป็นสะใภ้ที่ฝั่งนั้นภูมิใจในระดับหนึ่ง ไม่มองว่าหัวนอนปลายเท้าไม่ดี มาหวังเกาะลูกชายเขากิน

แต่แม่เราไม่เข้าใจ เราเเคร์เเม่กับพ่อนะ ว่ารู้สึกอย่างไร แต่เราก็เเคร์ตัวเราเองเช่นกัน
และเราก็ไม่อยากให้ครอบครัวฝั่งแฟนมองพ่อเเม่เราในเเง่ลบ

สรุปคือเราอยากเเต่งในวันที่ตัวเราเองก็มีพร้อมเช่นกัน ไม่ใช่โยนให้ฝ่ายชายพร้อมเพียงอย่างเดียว

ตลอดเวลาที่อยู่ก่อนเต่ง แฟนเขาอยู่บ้านเราค่ะ เป็นบ้านเช่าที่เราช่วยกันหา
ในบ้านมีพ่อ แม่ น้องชายของเรา หมาน้อย 2 ตัวที่เราเลี้ยงด้วยกันมาตั้งเเต่ยังเรียนอยู่
ค่าใช้จ่ายในบ้าน เขาออกช่วยครึ่งหนึ่งตลอด
บางทีพ่อขัดสนเงินทองก็มาเอ่ยปากขอยืมเขานี่แหละคนเเรก ถ้าตอนนั้นเขามี เขาก็จะให้ยืม ตอนเราป่วยต้องผ่าตัด
ซึ่งตอนนั้นพ่อกับแม่อยู่ต่างจังหวัด เขาก็ออกเงินให้ พาไปหาหมอ ไปตรวจ รอจนกระทั่งขึ้นเขียงผ่าเสร็จ พากลับบ้าน พาไปล้างแผล
ที่โรงพยาบาลทุกวัน ตอนเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เงินไม่พอจ่ายค่าเทอม เขาลงทุนขายกีต้าร์เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้เรา

แม่เราว่าเราหลงเขา โง่ ที่ไม่รู้จักเอาเงินเอาทองจากเขา ถ้าเลิกกันเเล้วก็ไม่มีอะไรมาทำทุน
(ญาติพี่น้องเรามีค่านิยมสูบเงินคนที่รวยกว่าค่ะ เเบบว่ามาสอนเราด้วยคำพูดเหล่านี้อย่างไม่อายปากกันเลย ไม่ใช่นิยายนะ เรื่องจริงเลย)
ซึ่งเราไม่เคยเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ญาติที่บ้านนอกชอบเรียกเราว่าเด็กหัวกบฏ คล้ายๆ จะประชดเราเสมอๆ ตั้งเเต่เด็ก

จะให้เราสูบเงินสูบทองจากเขา เราทำไม่ลงหรอกค่ะ คบกันมานาน ช่วยเหลือกันตอนลำบากมาเยอะ
ทำไม่ลง และจะให้เลิกเพื่อเอาใจพ่อเเม่เราก็คงไม่ไหว ชีวิตเรา เราอยากเลือกเอง ถ้ามันจะเลิกกันจริงๆ อยากให้มันขึ้นอยู่ที่เรา 2 คน
ไม่ใช่เพราะการระทำคนอื่น และลมปากคนอื่น

แฟนเราเคยชวนเราเเต่งเเบบเข้าโบสถ์ค่ะ เอาเเค่งานเล็กๆ น่ารัก เขาบอกว่าจะได้ไม่วุ่นวายกับญาติๆ ที่มีเป็นโขยงกับบ้านนอกเรานัก
เชิญเเค่ญาติๆ สนิท ครอบครัวเราและเพื่อนๆ สนิทก็พอ แต่เราเป็นพุทธค่ะ
ไม่ค่อยเข้าใจพิธีแบบนี้เท่าไร เลยไม่รู้ว่ามันวุ่นวายหรือไม่ อย่างไร
แต่ที่เเน่ๆ คือเขาอยากจดทะเบียน เราก็อยากจด เพราะมันเป็นหลักประกันให้ชีวิตคู่

อีกเรื่องคือเขาไม่ชอบพิธีงานเเต่งเเบบไทย จะให้จัดแบบจีนเลยเขาก็ไม่ชอบอีกนั่นแหละ เขาชอบงานเเต่งของคริสต์ค่ะ
เราเป็นพุทธด้วยกันทั้งคู่ จะเเต่งเเบบเข้าโบสถ์เหมือนในหนังเนี่ยนะ แอบงง

บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เรากลุ้มใจเรื่องนี้ระดับหนึ่ง ไม่อยากจัดงานแต่งงานค่ะ อยากจดทะเบียนเฉยๆ พอ

ป.ล. ถามว่าทำไมไม่จัดงานเล็กๆ ล่ะ คือสังคมพ่อเเม่เราที่ต่างจังหวัดเหมือนในนิยายน้ำเน่าอ่ะ ปากหอยปากปู ขี้อิจฉานินทา บูชาคนรวย ฯลฯ
เราไม่อยากกลับไปที่นั่นค่ะ ไม่ได้ลืมกำพืด แต่ในวัยเด็กสถานที่นั้นสำหรับเราไม่มีเรื่องให้น่าจดจำ
มันเลวร้ายพอสมควรทั้งสิ่งที่เราเจอ และผู้คนที่นั่น

หากคุณมีลูกสาวที่ไม่อยากจัดงานเเต่ง แค่จดทะเบียนเฉยๆกับผู้ชาย คุณจะมองอย่างไรคะ
เราเพียงเเค่อยากรู้มุมมองของผู้ใหญ่อื่นๆ บ้างที่นอกเหนือจากพ่อเเม่เรา ขอทั้งมุมคนที่มีลูกสาวเเละลูกชายค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เรานี่ล่ะค่ะ ไม่จัดงานแต่ง จดทะเบียนอย่างเดียวเลย

เคยจัดงานใหญ่โต หรูหรา หมดไปหลายล้าน งานเริ่ดชนิดที่ว่า แขกผู้ใหญ่ในงานมาพูดให้ฟังเลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยไปงานไหนสวยเท่างานนี้ ขนาดนั้น เราเตรียมงานเองทุกอย่าง เน้นว่าทุกอย่างนะคะ เราจึงเข้าใจดีว่าการจัดงานแต่งที่เจ๋งๆมันไม่ใช่เรื่องเบาๆนะ ยิ่งมีครอบครัวสองฝ่ายมาอีกนี่ ไม่ไหวจะเคลียร์ ถ้าสองคนยังต้องการไม่ตรงกันนะ สลบแน่คุณ รับรองได้ว่าคุณไม่มีความสุขในการเตรียมงานหรอกค่ะ

อยู่ไปไม่นานก็เลิก เพราะเข้ากันไม่ได้ และเรื่องเงินของครอบครัวฝ่ายชาย เราเลยเลือกไม่ทน ครอบครัวตกใจมากๆ แบบตั้งตัวไม่ติด เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยปริปากเลยไง

ปัจจุบัน จดทะเบียนสมรสกับเพื่อน ชีวิตมีความสุขมาก ชนิดที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีได้ ตอนนี้เราท้องแฝดด้วย ICSI เรียกว่ามีความสุขที่สุดในชีวืตแล้วก็ว่าได้ค่ะ เราเคยไปตอบไว้ในหลายๆกระทู้ว่า สำหรับเรา ทะเบียนสมรสสำคัญที่สุด ซึ่งมันจริงนะคะ

ฉะนั้น ถ้าลูกสาวเราจะไม่จัดงาน เราไม่มีปัญหาแน่นอน ก็ในเมื่อเราเองก็ใช้ชีวิตตัวเองพิสูจน์แล้ว ว่างานแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่ได้จะทำให้ใครอยู่กันได้อย่างมีความสุขซะหน่อย ยังไงเราก็รับได้สบายๆแน่นอนค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เราเพิ่งแต่งงานปีก่อนค่ะ
เราก็แค่จดทะเบียนเหมือนกัน แล้วก็เลี้ยงญาติสนิทกับเพื่อนสนิท
เราเลี้ยงที่ Giant's Yakiniku ปิ้งย่างกันเต็มที่
วันงานเราใส่เสื้อสีขาว กับกางเกงยีนส์ค่ะ
งานสนุกมาก ๆ (^^) ทุกคน happy

เราถือตะเกียบคู่เดียวเปรี้ยวทั้งงาน ได้นั่งกับเพื่อนทุกกลุ่ม ทุกโต๊ะ
เจ้าสาวสะพายกล้องโพลารอยด์คอยถ่ายให้เพื่อน ๆ ที่มากะแฟนด้วย
จนเพื่อนต้องบอกว่า "เฮ้ย แกมาถ่ายด้วยกันสิ"
แถมงานเราจัดใกล้ปีใหม่ค่ะ
มีจับฉลากกันด้วย
ความคิดเห็นที่ 17
พ่อแม่เรานี่แหละค่ะ โอเคสุดๆ
เราเคยเกริ่นไปแล้วว่า ถ้าหนูไม่จัดงานแต่ง จะเป็นไรมั้ย
พ่อบอก ดี เห็นด้วย ไม่สิ้นเปลือง
แต่ขออยู่อย่างคือ ให้มีทำบุญเลี้ยงพระนะ เหมือนเป็นสิริมงคลต่อชีวิตคู่
แต่พ่อก็ถามเรานะว่า ทำไมเพราะอะไรถึงไม่อยากจัดงานแต่ง เราก็อธิบายไปค่ะ
พ่อฟังก็เลยบอกเหตุผลของพ่อ สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า ไม่จัดงาน แต่มีทำบุญเลี้ยงพระ เชิญญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ มาผูกข้อมือ และก็จดทะเบียนค่ะ

แต่ 2 เดือนต่อมา เราไปเกริ่นใหม่
พ่อๆ ถ้าหนูจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต จะเป็นไรมั้ย
พ่อฮาก๊าก แม่ยิ้ม บอก อย่างไหนมีความสุขก็เอาอย่างนั้นแหละลูก ... พ่อแม่เราโคตรน่ารักเลย 555

จขกท. เราเข้าใจปัญหาของคุณนะคะ บ้านญาติเราก็เป็นแบบนี้
เราว่าถึงยังไง คุณจัดที่ รพ.สงฆ์ หรือ ทำบุญเลี้ยงพระ งานเล็กๆ ไม่วุ่นวาย เหมือนกันค่ะ
ถ้าบอกที่บ้านคุณ งานใหญ่แน่ เพราะงั้น งุบงิบกันสองคน บอกบ้านแฟน ก็ถือว่ามีญาติผู้ใหญ่แล้วอ่ะ
แล้วก็จดทะเบียนเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่