วัดนี้ทําได้ทุกอย่างที่จะบิดเบือนความเป็นจริงอย่างหน้าตาเฉยโดยที่ไม่มีความละอายใดๆ วัดสร้างมาได้ไม่กี่สิบปี
คนที่รู้ความเป็นจริงของวัดเขาก็ยังมีชีวิตอยู่เยอะแยะ แต่เขาเขียนประวัติให้ดูสวยงาม สิ่งที่ไม่ดีซึ่งเป็นความจริงเขาก็บิดเบือนเปลี่ยนแปลง
อย่างประวัติการสร้างวัดก็บิดเบือนหลายเรื่องเช่นชื่อคนบริจาคที่ดินให้สร้างวัดก็บอกว่าขอซื้อมาจากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี
ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วอาจารย์วรณีย์ สุนทรเวช ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด
แต่เดิมใช้ชื่อว่า วัดวรณีธรรมกายาราม แต่ก็บอกว่าเมื่อก่อนใช้ชื่อศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม
แล้วตอนหลังเกิดมีความขัดแย้งกัน เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธรรมกาย จากการเขียนประวัติโดยวัดธรรมกายไม่มีชี่ออาจารย์วรณีย์เกี่ยวข้อง
กับวัดเลย แม้แต่ชื่อวัดในอดีต ก็ไม่มีชื่อวัดวรณีธรรมกายารามอยู่เลย ดูเอาก็แล้วกันถึงความบิดเบือนประวัติของวัดอย่างไม่อายใครๆ
ไม่มีความระลึกถึงบุญคุณของคนที่บริจาคที่ดินให้สร้างวัดเลย นี่แหละคือธาตุแท้ของวัดนี้
ผมนี่แหละขอยืนยันเลยว่าเมื่อก่อนใช้ชื่อว่าวัดวรณีธรรมกายารามแน่นอน
เพราะผมเคยเข้าไปถวายสังฆทานหลายครั้งและได้เคยนั่งสนทนากับทัตตชีโวด้วย
ถ้านับถอยหลังไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวัดพระธรรมกายเป็นต้นมา(ปี ๒๕๒๐) พฤติกรรมตามที่นายแพทย์ประเวศ วะสี กล่าวไว้ มีความเข้มข้นขึ้น
ทั้งในแง่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อระดมทุน และความขัดแย้งภายในวัด นับแต่ตั้งชื่อวัด(ปี พ.ศ. ๒๕๒๔)
ตามชื่อผู้บริจาคที่ดินจำนวน ๑๙๖ ไร่ ว่า “วัดวรณีย์ธรรมกายาราม” และเปลี่ยนมาเป็น “วัดพระธรรมกาย” ในปีเดียวกัน
อันมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงด้านความคิด เกี่ยวกับการสร้างวัด ซึ่งอาจารย์วรณีย์ ต้องการให้สร้างวัดตามประเพณีนิยมแบบไทยๆ
แต่พระธัมมชโยไม่เห็นด้วย และขัดขวางกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง อาจารย์วรณีไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยกให้เป็นของวัดเรียบร้อยแล้ว แต่มาถึงขั้นมีการทะเลาะแตกหักกับพระธัมมชโย
และพระธัมมชโยได้สั่งตัดคำ “วรณีย์” ออกจากชื่อของวัด ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัม-ภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ว่า
“พ่อของนางสาววรณีย์เป็นลุงตน ได้รับมรดกมาจากป้า เมื่อจบการศึกษาจากต่างประเทศก็มาสอนที่วัดชนะสงคราม ได้เงินเดือนๆละ ๓,๐๐๐ บาท
เมื่อคุณป้าคือ คุณหญิงหยด และคุณหญิงย้อย บอกให้นำเงินเดือนไปถวายพระ และด้วยความเลื่อมใสหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
เมื่อลูกศิษย์ต้องการขยายวัดก็ได้มาชวน จึงได้บริจาคที่ดิน ๑๙๓ ไร่ให้ไป ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน"
https://thaidhammakaya.wordpress.com/2015/03/03/start-dhammakaya/
+++++ นายแพทย์ประเวศ วะสี เล่าความจริงกรณีวัดพระธรรมกาย +++
คนที่รู้ความเป็นจริงของวัดเขาก็ยังมีชีวิตอยู่เยอะแยะ แต่เขาเขียนประวัติให้ดูสวยงาม สิ่งที่ไม่ดีซึ่งเป็นความจริงเขาก็บิดเบือนเปลี่ยนแปลง
อย่างประวัติการสร้างวัดก็บิดเบือนหลายเรื่องเช่นชื่อคนบริจาคที่ดินให้สร้างวัดก็บอกว่าขอซื้อมาจากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี
ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วอาจารย์วรณีย์ สุนทรเวช ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด
แต่เดิมใช้ชื่อว่า วัดวรณีธรรมกายาราม แต่ก็บอกว่าเมื่อก่อนใช้ชื่อศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม
แล้วตอนหลังเกิดมีความขัดแย้งกัน เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธรรมกาย จากการเขียนประวัติโดยวัดธรรมกายไม่มีชี่ออาจารย์วรณีย์เกี่ยวข้อง
กับวัดเลย แม้แต่ชื่อวัดในอดีต ก็ไม่มีชื่อวัดวรณีธรรมกายารามอยู่เลย ดูเอาก็แล้วกันถึงความบิดเบือนประวัติของวัดอย่างไม่อายใครๆ
ไม่มีความระลึกถึงบุญคุณของคนที่บริจาคที่ดินให้สร้างวัดเลย นี่แหละคือธาตุแท้ของวัดนี้
ผมนี่แหละขอยืนยันเลยว่าเมื่อก่อนใช้ชื่อว่าวัดวรณีธรรมกายารามแน่นอน
เพราะผมเคยเข้าไปถวายสังฆทานหลายครั้งและได้เคยนั่งสนทนากับทัตตชีโวด้วย
ถ้านับถอยหลังไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวัดพระธรรมกายเป็นต้นมา(ปี ๒๕๒๐) พฤติกรรมตามที่นายแพทย์ประเวศ วะสี กล่าวไว้ มีความเข้มข้นขึ้น
ทั้งในแง่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อระดมทุน และความขัดแย้งภายในวัด นับแต่ตั้งชื่อวัด(ปี พ.ศ. ๒๕๒๔)
ตามชื่อผู้บริจาคที่ดินจำนวน ๑๙๖ ไร่ ว่า “วัดวรณีย์ธรรมกายาราม” และเปลี่ยนมาเป็น “วัดพระธรรมกาย” ในปีเดียวกัน
อันมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงด้านความคิด เกี่ยวกับการสร้างวัด ซึ่งอาจารย์วรณีย์ ต้องการให้สร้างวัดตามประเพณีนิยมแบบไทยๆ
แต่พระธัมมชโยไม่เห็นด้วย และขัดขวางกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง อาจารย์วรณีไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยกให้เป็นของวัดเรียบร้อยแล้ว แต่มาถึงขั้นมีการทะเลาะแตกหักกับพระธัมมชโย
และพระธัมมชโยได้สั่งตัดคำ “วรณีย์” ออกจากชื่อของวัด ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัม-ภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ว่า
“พ่อของนางสาววรณีย์เป็นลุงตน ได้รับมรดกมาจากป้า เมื่อจบการศึกษาจากต่างประเทศก็มาสอนที่วัดชนะสงคราม ได้เงินเดือนๆละ ๓,๐๐๐ บาท
เมื่อคุณป้าคือ คุณหญิงหยด และคุณหญิงย้อย บอกให้นำเงินเดือนไปถวายพระ และด้วยความเลื่อมใสหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
เมื่อลูกศิษย์ต้องการขยายวัดก็ได้มาชวน จึงได้บริจาคที่ดิน ๑๙๓ ไร่ให้ไป ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน"
https://thaidhammakaya.wordpress.com/2015/03/03/start-dhammakaya/