บล.เคเคเทรด คาด TVT ผลงานโดดเด่น รายได้เพิ่มขึ้น สวนทางกลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์รายอื่นในตลาด
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ได้วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจของบริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVT ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต และรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์รายใหญ่ มองการเกิดขึ้นของช่องทีวีดิจิทัลเป็นบวกโดยตรงต่อ TVT จากเดิมช่องทีวีมีเพียง 6 ช่อง และกลุ่มลูกค้าผูกติดกับเพียง 4 ช่อง คือช่อง 3 , 5 , 7 และ 9 แต่ภายหลังเกิดทีวีดิจิทัล ซึ่งมีช่องฟรีทีวีเพิ่มเป็น 24 ช่อง ทำให้ผู้ประกอบการผลิตรายการหลายรายได้ออกไปเปิดช่องของตัวเอง (Work Point , RS และ Grammy) และเริ่มถอนรายการออกจากช่องฟรีทีวีเดิม
จึงเปิดโอกาสให้ TVT สามารถรับงานเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าใหม่ที่ได้ อาทิ PPTV ไทยรัฐทีวี และนอกจากกลุ่มทีวีดิจิทัล ทาง TVT ยังขยายลูกค้าไปยังกลุ่มทีวีออนไลน์ อย่าง Line TV ซึ่งเริ่มผลิตรายการให้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ คาดว่าผลประกอบการของ TVT ในปีนี้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยมีรายได้จากการผลิตรายการในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เดิมประมาณ 6 รายการ เพิ่มเป็น 14 รายการ และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิตต่อรายได้ค่าโฆษณาจะเพิ่มจากปีก่อนที่สัดส่วน 25%:75% เป็น 40%:60%
โดยภาพรวมถือว่าแนวโน้มของผลประกอบการดีกว่ากลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์รายอื่นๆที่อยู่ในตลาด เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นทีวีดิจิทัล ทำให้มีผลขาดทุน ในขณะที่ TVT กลับมีงานเพิ่มขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา และเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวี อาจถูกกดดัน หากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 58 ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์
ด้านราคาหุ้น บล.เคเคเทรด มองว่าปัจจุบันถือว่ายังถูก ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมาต่ำกว่าราคาจองที่ 2 บาท ซึ่งหากอิงสมมติฐานเป้าหมายการเติบโตกับราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ราว 16.8 เท่า ถือว่าถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ให้บริการโทรทัศน์รายอื่นที่ซื้อขายที่ P/E เฉลี่ยสูงกว่า 25 เท่า ซึ่งเรามองว่ายังไม่สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่จะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
ที่มา MTHAI
โบรกฯคาด หุ้น TVT แรงสุดในกลุ่มทีวีดิจิตัล
บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ได้วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจของบริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVT ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิต และรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์รายใหญ่ มองการเกิดขึ้นของช่องทีวีดิจิทัลเป็นบวกโดยตรงต่อ TVT จากเดิมช่องทีวีมีเพียง 6 ช่อง และกลุ่มลูกค้าผูกติดกับเพียง 4 ช่อง คือช่อง 3 , 5 , 7 และ 9 แต่ภายหลังเกิดทีวีดิจิทัล ซึ่งมีช่องฟรีทีวีเพิ่มเป็น 24 ช่อง ทำให้ผู้ประกอบการผลิตรายการหลายรายได้ออกไปเปิดช่องของตัวเอง (Work Point , RS และ Grammy) และเริ่มถอนรายการออกจากช่องฟรีทีวีเดิม
จึงเปิดโอกาสให้ TVT สามารถรับงานเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าใหม่ที่ได้ อาทิ PPTV ไทยรัฐทีวี และนอกจากกลุ่มทีวีดิจิทัล ทาง TVT ยังขยายลูกค้าไปยังกลุ่มทีวีออนไลน์ อย่าง Line TV ซึ่งเริ่มผลิตรายการให้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ คาดว่าผลประกอบการของ TVT ในปีนี้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยมีรายได้จากการผลิตรายการในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เดิมประมาณ 6 รายการ เพิ่มเป็น 14 รายการ และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิตต่อรายได้ค่าโฆษณาจะเพิ่มจากปีก่อนที่สัดส่วน 25%:75% เป็น 40%:60%
โดยภาพรวมถือว่าแนวโน้มของผลประกอบการดีกว่ากลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์รายอื่นๆที่อยู่ในตลาด เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นทีวีดิจิทัล ทำให้มีผลขาดทุน ในขณะที่ TVT กลับมีงานเพิ่มขึ้น แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา และเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวี อาจถูกกดดัน หากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 58 ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์
ด้านราคาหุ้น บล.เคเคเทรด มองว่าปัจจุบันถือว่ายังถูก ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมาต่ำกว่าราคาจองที่ 2 บาท ซึ่งหากอิงสมมติฐานเป้าหมายการเติบโตกับราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ราว 16.8 เท่า ถือว่าถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ให้บริการโทรทัศน์รายอื่นที่ซื้อขายที่ P/E เฉลี่ยสูงกว่า 25 เท่า ซึ่งเรามองว่ายังไม่สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่จะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
ที่มา MTHAI