ผมเห็นคนพูดว่าหนังพากย์มันไม่ให้อารมณ์หนังได้ดีเท่ากับเสียงซาวแทรก ผมเห็นคนชวนคุยเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ผมแค่อยากเสนอข้อสังเกตอีกอย่างเท่านั้นครับ
พอดีผมเป็นคนนึงที่ฟังภาษาอังกฤษได้ไม่แตกฉาย (ซึ่งผมกล้าพูดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็อย่างนี้ทั้งนั้น) เอาเป็นว่า ฟังออกบางประโยค แต่ฟังทั้งเรื่องไม่รู้เรื่อง ยังไงก็ต้องอ่านคำบรรยายเอา ทำให้ผมคิดตรงข้ามว่า หนังบางประเภทโดยเฉพาหนังที่มีบทเจรจามากๆอย่างหนังชีวิต การดูหนังพากย์อาจจะให้อารมณ์หนังมากกว่าซาวแทรก
******* ไม่นับคนที่ฟังภาษาอังกฤษแตกฉานนะครับ แบบนั้นประเสริฐสุดแล้วครับ
******* แล้วก็ไม่นับว่ามีจุดประสงค์เรื่องการเพิ่มพูนทักษะทางภาษาเข้ามาเสริมด้วยนะครับ
ผมอยากให้พิจารณาดูแค่ข้ออ้างที่ว่า “หนังซาวแทรกถ่ายทอดอารมณ์ของหนังได้ดีกว่าหนังพากย์” จริงเหรอครับ ??? (เฉพาะกรณีที่ฟังภาษาอังกฤษไม่แตกฉานนะครับ)
เรากลับต้องมานั่งอ่านคำบรรยายเป็นที่พึ่งหลักในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง ซึ่งยังไงมันก็หนีไม่พ้นการละเลยพิจารณาสีหน้าท่าทางอารมณ์ที่แสดงออกมาของนักแสดงหรอกครับ อีกอย่างการแสดงอารมณ์อย่างมันมากับประโยคทางภาษาด้วย เช่น การเน้นเสียงตรงประโยค ของอย่างนี้ถ้าฟังไม่ออก เอาแต่อ่านจะไม่มีทางรู้เลย เพราะตัวหนังสือมันทำไม่ได้ ขณะเดียวกันที่อ้างว่า การดูหนังพากย์ทำให้ต้องฝากความหวังไว้กับนักพากย์ ซึ่งผมเห็นด้วย แต่จะเอามาเคลมว่าซาวแทรคดีกว่านั้นผมว่าไม่จริง เพราะคุณก็ต้องฝากความหวังไว้กับคนแปลคำบรรยายเช่นกัน คนพากย์ห่วยก็มี คนแปลคำบรรยายห่วยก็มี เช่นกัน
และด้วยการเคลมแบบนั้น ทำให้ผมสงสัยว่า คนที่พูดว่า"หนังพากย์ทำให้อารมณ์หนังเพี้ยน"เนี้ยะ.... เวลาเขาดู
หนังจีน อินเดีย เกาหลี ยี่ปุ่น ฯลฯ เขาดูหนังพากยเป็นหลัก หรือว่าดูเสียงต้นฉบับ(แล้วอ่านบรรยาย)เป็นหลัก
?????????
ปล. ของอย่างนี้มันเป็นรสนิยม และความคุ้นชิน ผมไม่เถียง ตัวผมเองก็แล้วแต่อารมณ์และบริบทว่าจะเลือกดูแบบไหน แต่ผมแค่สงสัยในตรรกะของสิ่งที่เคลมน่ะครับ
หนังซาวแทรกให้อารมณ์หนังดีกว่าหนังพากย์จริงเหรอ
พอดีผมเป็นคนนึงที่ฟังภาษาอังกฤษได้ไม่แตกฉาย (ซึ่งผมกล้าพูดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็อย่างนี้ทั้งนั้น) เอาเป็นว่า ฟังออกบางประโยค แต่ฟังทั้งเรื่องไม่รู้เรื่อง ยังไงก็ต้องอ่านคำบรรยายเอา ทำให้ผมคิดตรงข้ามว่า หนังบางประเภทโดยเฉพาหนังที่มีบทเจรจามากๆอย่างหนังชีวิต การดูหนังพากย์อาจจะให้อารมณ์หนังมากกว่าซาวแทรก
******* ไม่นับคนที่ฟังภาษาอังกฤษแตกฉานนะครับ แบบนั้นประเสริฐสุดแล้วครับ
******* แล้วก็ไม่นับว่ามีจุดประสงค์เรื่องการเพิ่มพูนทักษะทางภาษาเข้ามาเสริมด้วยนะครับ
ผมอยากให้พิจารณาดูแค่ข้ออ้างที่ว่า “หนังซาวแทรกถ่ายทอดอารมณ์ของหนังได้ดีกว่าหนังพากย์” จริงเหรอครับ ??? (เฉพาะกรณีที่ฟังภาษาอังกฤษไม่แตกฉานนะครับ)
เรากลับต้องมานั่งอ่านคำบรรยายเป็นที่พึ่งหลักในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง ซึ่งยังไงมันก็หนีไม่พ้นการละเลยพิจารณาสีหน้าท่าทางอารมณ์ที่แสดงออกมาของนักแสดงหรอกครับ อีกอย่างการแสดงอารมณ์อย่างมันมากับประโยคทางภาษาด้วย เช่น การเน้นเสียงตรงประโยค ของอย่างนี้ถ้าฟังไม่ออก เอาแต่อ่านจะไม่มีทางรู้เลย เพราะตัวหนังสือมันทำไม่ได้ ขณะเดียวกันที่อ้างว่า การดูหนังพากย์ทำให้ต้องฝากความหวังไว้กับนักพากย์ ซึ่งผมเห็นด้วย แต่จะเอามาเคลมว่าซาวแทรคดีกว่านั้นผมว่าไม่จริง เพราะคุณก็ต้องฝากความหวังไว้กับคนแปลคำบรรยายเช่นกัน คนพากย์ห่วยก็มี คนแปลคำบรรยายห่วยก็มี เช่นกัน
และด้วยการเคลมแบบนั้น ทำให้ผมสงสัยว่า คนที่พูดว่า"หนังพากย์ทำให้อารมณ์หนังเพี้ยน"เนี้ยะ.... เวลาเขาดูหนังจีน อินเดีย เกาหลี ยี่ปุ่น ฯลฯ เขาดูหนังพากยเป็นหลัก หรือว่าดูเสียงต้นฉบับ(แล้วอ่านบรรยาย)เป็นหลัก ?????????
ปล. ของอย่างนี้มันเป็นรสนิยม และความคุ้นชิน ผมไม่เถียง ตัวผมเองก็แล้วแต่อารมณ์และบริบทว่าจะเลือกดูแบบไหน แต่ผมแค่สงสัยในตรรกะของสิ่งที่เคลมน่ะครับ