เรื่องราวนี้ผ่านมาได้ประมาณ 3-4 ปีแล้วค่ะ คือทางมหาวิทยาลัยเรา(ฝั่งธนบุรี) จัดโครงการเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเราก็ได้ไปเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม เป็นเวลา 15 วัน และเราขอบอกก่อนว่าคนที่เคยไปเวียดนามจะรู้ดีเลยว่า ประเทศเขาได้รับเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศจีน ซึ่งความเป็นอยู่ค่อนข้างวุ่นวายมากกกกก และประเทศเวียดนามมีการผ่านสงครามที่มีผู้เสียชีวิตเยอะมากๆ (ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆค่ะ) และแน่นอนผีโครตเยอะ มีอยู่ทุกๆที่
เข้าเรื่องค่ะ...เราและเพื่อนชื่อเบนอยู่สาขาเดียวกัน ได้เป็นตัวแทนของสาขาไปที่เมืองฮานอยประเทศเวียดนาม และจะมีเพื่อนๆจากสาขาอื่นๆมารวมกันไปฮานอยประมาณ 20กว่าคนได้ กับอาจารย์ชาย 1 ท่าน หญิง 1 ท่าน เมื่อไปถึงสนามบินก็กลับที่พักกันปกติค่ะ แต่ละคนก็เลือกห้องพักกัน โดยห้องพักมีลักษณะเป็นห้องชุดค่ะ มี 2 นอน และมีห้องโถงและระเบียงเชื่อมกัน ห้องชุดนึงพักได้ 8 คน (ห้องละ 4 คน) และชั้นนั้นมีแต่คณะเราที่พักเท่านั้น เพราะพักกันเต็มชั้นนั้นพอดี แล้วเมื่อเลือกห้องได้ ก็เข้าพักเก็บของกันปกติ และในวันรุ่งขึ้นค่ะก็ได้เข้าเรียนภาษาเวียดนามเป็นวันแรก ทุกคนที่ไปก็ตื่นเต้นกันมาก(ไปเที่ยวประเทศนี้ มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนข้ามถนน) เลิกเรียนเราก็กลับที่พักกันค่ะ พอเริ่มมืดบวกกะความเหนื่อยของเรา เราก็เลยหลับก่อนใครเลย หลับแบบหลับเป็นตายอ่ะ พอตื่นเช้าไปเรียน เพื่อนเราหลายคนและเกือบทุกห้องเกิดการสุ่มหัวเม้าท์มอยถามกันค่ะ ว่าเมื่อคืนเจอไรกันบ้างไหม ไอเพื่อนที่นอนห้องเดียวกะเราก็เปิดประเด็นก่อนเลยจ้า
เบน(เพื่อนเรา) ...เมื่อคืนพวกเราได้ยินเสียง ในห้องโถง เหมือนมีคนอยู่ข้างนอกทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน เพราะเข้าห้องปิดประตูกันหมดแล้ว
เราก็ถามเพื่อน ...ทำไมตูไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ (ทำหน้าเอ๋อแหลก)
เบน/จุ๋มจิ๋ม ....หลับไปก่อนคนเดียวเลย จะได้ยินเห้อะไร
เรา .....อาวหรอ 555
แล้วเพื่อนมันก็แชร์กันจ้า ว่าได้ยินเสียงนู้นนี่นั่น ไอเราก็เกิดมาไม่เคยเจอผีหรืออะไรแปลกเลย แต่บอกเลยว่า “กลัวผีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” (เชื่อเถอะ) แต่ตอนนั้นก็กลัวนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ เป็นเพราะอยู่กันหลายคน
พอเลิกเรียนก็กลับห้อง เข้าสู่พบค่ำ คืนที่2 วันนี้ เป็นเหตุไฉน ใยเราจึงมิง่วง เวลาได้ประมาณ 5 ทุ่ม หรือเที่ยงคืนนี้แหละ ทุกคนเข้าห้องใครห้องมัน ไม่มีใครในห้องโถงและ อยู่ได้สักพัก ไม่นานเลย ....มาแล้วจ้า เสียงจากห้องโถง ได้ยินเสียงเปิดทีวีก็เป็นช่องทีวีของเวียดนาม ตามด้วยเสียงลากเก้าอี้ เหมือนลากเพื่อไปนั่งดูทีวี เราก็หันไปมองหน้าเพื่อน แล้วเพื่อนก็พยักหน้า ประมาณว่า เสียงนี้แหละ ที่พวกตูโดนกันเมื่อวาน แต่ทุกคนไม่ปริปากหรือพูดอะไรกันทั้งสิ้น ไม่อยากถามว่าทำไมไม่ออกไปดูหรอ เลยอยากบอกให้รู้ว่า "อยู่ในห้องนั้นอบอุ่นกว่า" ...พอสักพัก มาเลยจ้าเสียงร้องเพลง เป็นเสียงผู้หญิง เสียงแบบหวานมาก เพลงที่ร้องถ้าเทียบกับไทยก็เหมือนเพลงลูกกรุงเพราะๆเลยอ่ะ จำได้ว่าเสียงเพราะและหวานมาก ถ้านึกหน้าคนร้องนี่สวยเลยอ่ะ แต่ตอนนั้นคือ ขนลุกเหอะ เสียงจะไม่เหมือนกับเสียงทั่วไปนะ เสียงมันจะกังวานในหู คือรู้เลยอะว่าคือผีแน่ๆ !!! เป็นแบบนั้นสักพักแล้วเสียงก็เงียบไป แล้วเรากับเพื่อนก็หลับกัน
เช้าแล้วๆๆๆๆ เมื่อเพื่อนๆเจอกันในห้องเรียน เอาแล้ววันนี้มีส่วนรวมกับเพื่อนสักที ครั้งแรกในชีวิตด้วย ตื่นเต้นชิเป๋ง 555 แต่ที่ไหนได้ ไอเพื่อนอีกห้องนึง โดนหนักเลย เพื่อนคนนี้ชื่อออย เขาก็เล่าให้เพื่อนๆฟังว่า ...เมื่อคืนโดนผีอำ ไอเราก็หงอยเลย เตรียมตัวเม้าท์สะเต็มที่ 555 เพื่อนมันก็เล่าว่า ตอนโดนผีอำก็ตามอาการเลย ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ อึดอัด แต่เห็นทุกๆสิ่ง!! น้องออยบอกว่า ยืนเรียงกันรอบเตียงเลย เป็นสิบๆเลย ใส่ชุดโบราณของเวียดนาม มีทั้งทหาร และก็ ชุดอ่าวหญ่าย (เป็นชุดประจำชาติเวียดนาม) เพื่อนมันก็เล่าว่า มีพระอยู่ใต้หมอนนะ สวดมนต์ด้วย แต่ไม่มีการสะทกสะท้านสักนิด ดิ้นรนในเหงื่อนี้โซกก็ยังเหมือนเดิม จนมันได้สติ หลับตาแล้วนึกถึงพ่อกับแม่ แล้วออยก็บอกว่าลืมตามาค่ะ สิ่งที่เจอตรงหน้าคือ... ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็แบบไม่ได้และ อยู่มาแค่ 2 วัน เจอกันขนาดนี้ วันนั้นพอกลับห้องกันมาก็มืดแล้ว ก็อาบน้ำนอนกัน แล้วเพื่อน 4 คนที่อยู่อีกห้องนึงก็เปิดทีวีห้องโถงกัน แล้วอาบน้ำ แต่ห้องน้ำของห้องนี้ จะอยู่แยกออกจากตัวห้อง คือถ้าเปิดประตูเข้ามา ห้องน้ำจะอยู่ซ้ายมือเลย แล้วเพื่อนเราที่อยู่อีกชื่อบีก็อาบน้ำก่อน โดยมีเมย์อยู่เป็นเพื่อนในห้องโถง ดูทีวีอยู่ ส่วนห้องเราก็อยู่ในห้องกันหมด พอบีอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงปิดทีวี แล้วนางก็คิดในใจว่า อาวเห้ย อยู่กับก่อนดิเมย์ แต่ไม่กล้าพูด แล้วสักแป๊ปนึงเอง ก็ได้ยินเสียงเปิดทีวีใหม่ นางก็อุ่นใจ แล้วห้องน้ำจะช่องเฉียงๆตรงด้านล่างของประตูไม้ ที่สามารถมองเห็นข้างนอกได้ บีก็เห็นขาเพื่อนยืนรออยู่ตรงหน้าประตู บีก็นึกว่าเมย์มันคงมารอเข้าอาบน้ำต่อ บีก็เลยรีบออกมาห้องน้ำ แต่สิ่งที่เห็นคือ ไม่มีเมย์หรือใคร ทีวีไม่ได้เปิด ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น และ บีก็เลยรีบวิ่งเข้าห้อง แล้วก็ถามเมย์ว่า "เมย์ตะกี้ออกไปเปิดทีวีเปล่า เมย์ก็บอกว่า "เปิด แล้วก็ปิด แล้วก็เข้ามาในห้องเนี่ย" แล้วบีก็ถาม "แล้วได้ไปยืนหน้าห้องน้ำเปล่า" เมย์ก็บอกว่า "ไม่ได้เฉียดประตูเลย" เอาแล้วไง!!! สรุปว่าวันนั้น ไออีก 3 คน ก็อาบน้ำแบบหลอนๆกันอ่ะ ออกมาอยู่เป็นเพื่อนกันในห้องโถงกันหมด แต่ห้องเรา 4 คนนี่ปกติเลย ไม่มีไรเกิดขึ้น แล้วพวกนางก็มาเล่าให้ฟังในตอนเช้าอีกวัน แล้วบีก็บอกว่า ก่อนหน้าก็โดนไปแล้วครั้งหนึ่ง ในห้องน้ำนี่แหละ คืออาบน้ำเสร็จแล้ว ปิดฟักบัวอาบน้ำแล้ว แล้วอยู่ๆน้ำฟักบัวก็เปิดเอง โอ้...แม่เจ้า !!! หนักขึ้นเรื่อยๆเลยนะ
มาคืนที่ 4 นี่แหละ หนักเลย ....วันนั้นมีทำรายงาน เกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากการเรียน ในฮานอย แล้วกลุ่มเราทั้ง 8 คน มารวมตัวที่ห้องเราหมด จนเริ่มดึก เพื่อนชื่อเมย์ที่อยู่อีกห้องมันก็ง่วงมาก แบบไม่ไหวแล้ว ขอไปนอนก่อน พอเมย์ไปห้องก็ไปคนเดียวนี่แหละ แล้วมันก็สวดมนต์ก่อนนอน ก็ก้มกราบหมอนอยู่ แล้วก็เสียงเคาะที่กระจกประตูระเบียง มันก็นึกว่าเพื่อนใช่ป่ะ เพราะระเบียงมันเชื่อมกันระหว่าง 2 ห้องนิ มันก็ตะโกนไปว่า “เมิงก็เข้ามาดิ จะเคาะทำไหมล่ะ” แล้วเมย์ก็บอกว่า ได้ยินเสียงเดินเข้ามานั่งที่เตียง แล้วเมย์มันก็หันมามองเพื่อจะดูว่าใคร เพราะมันยังไม่ได้เสียงเพื่อนเลย (เมิงพึ่งจะสงสัย) สิ่งที่เห็นก็คือ....... “ที่นอนยุบเป็นรอยคนนั่งเลย” แล้วมันก็บอกว่า จากรอยนั่ง ก็เปลี่ยนเป็นรอยนอนเลยค่ะ ทำไงล่ะ วิ่งร้องไห้มาห้องที่พวกเราอยู่กัน ตกใจกันหมด ตอนนั้นมันเล่าไรมาฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ รู้แค่ว่า “มันโดนผีหลอก” แล้วพอพวกเราเริ่มตั้งสติได้ เบนก็เลยบอกว่า เดี๋ยวเรานำสวดชินบัญชรเอง แล้วทุกคนก็นั่งสวดตาม สวดไปได้สักแป๊ป เมย์มันก็ร้องขึ้นมา หือๆๆๆๆๆ.... และหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็สวดต่อ แล้วอยู่ๆ เมย์มันก็ลุกขึ้น แล้วก็เดินไปเปิดผ้าม่านระเบียง อย่างแรงงงงง... แล้วทุกคนที่อยู่ในห้องแบบคิดในใจ ทำอะไรอะ?? แล้วเมย์มันก็ตะโกน “เมิงจะหลอกเห้อะไรนักหนา ไม่ไปเกิดว่ะอีสาด...” (ประมาณนี้) แล้วมันก็กลับมานั่งร้องไห้หนักมาก แล้วเพื่อนก็ถามว่า “เมิงเป็นอะไร” เมย์มันก็บอกว่า ตอนที่สวดมนต์อยู่มันได้ยินเสียงเหมือนเสียงคนเอาเล็บยาวๆขูดไปกับผนังระเบียง แล้วก็มาขูดกับประตูกระจก แต่คนอื่นไม่ได้ยินเลย คือมันได้ยินอยู่คนเดียวอ่ะ เราก็ถาม “แล้วเมื่อกี้ทำไร” เมย์ก็บอกว่าแถวบ้านมันบอกว่า “ถ้าเจอผีให้ตะโกนด่า”.... เราก็คิดเอาไงดีว่ะ อยู่กันแบบนี้ ไม่ไหวแน่ๆอ่ะ แล้วทีนี้ มีใครก็ไม่รู้ น่าจะเป็นรุ้งมั้ง พูดขึ้นว่า พวกไออ๊อฟมันมีพระ (อ๊อฟก็คือเพื่อนผู้ชายที่มาด้วยกัน) แต่ประเด็นคือ จะไปเอามายังไง บีก็บอกว่าเรามีเบอร์อ๊อฟอยู่ แต่จดไว้ในสมุดในห้อง (เป็นเบอร์ที่เปิดใช้ในเวียดนามแล้วก็อยู่อีกห้องนึง โอ้โหหยั่งกะพอร์ตหนังผี) เราก็แบบมองหน้ากันคือ แล้วใครจะไปเอาอ่ะ แล้วจุ๋มจิ๋มนางแกร่งกล้ามาก พูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวตูไปเอาเอง” แล้วมันก็บอกว่า “ไอกุ๊ เมิงไปกับกูหน่อย” (กุ๊คือเราเอง) เราก็ “อาว...อีเห้ ทำไมเปนตูอ่า คนที่กลัวผียิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเนี่ยนะ” เราก็คิดว่า เอาว่ะ ไม่อยากจะแสดงอาการอะไรมาก เดี๋ยวจะกลัวไปหมด แล้วเรากับจุ๋มจิ๋ม ก็นั่งทำใจกันอยู่พักนึง แล้วก็ถามเพื่อนว่าสมุดอยู่ตรงไหนอะไรยังไง ว่างแผนปฏิบัติการเสร็จก็ถึงเวลา (แต่ตอนกลัวกันมากนะ จริงๆ ขำไม่ออกกันเลยทีเดียว) แล้วก็เริ่มจากไอจิ๋มผลักประตูห้องออก คือประมาณว่า ตูกะเมิงจะเจออะไรก็เจอไปเหอะ แต่ก็ไม่เจออะไร เหงื่อนี่แตกเปียกหมด แล้วเรากับไอจิ๋มก็วิ่งไปเอาสมุดเล่มนั้นอย่างไว เร็วมาก ยิ่งกว่า (ยูเซน โบลต์) อีกอะ แล้วพอเอามาก็โทรอีอ๊อฟ บอกให้มันเอาพระมา แล้วเพื่อนก็มา แล้วใครไปเปิดประตูว่า ตูอีกแล้วอ่อ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยเท่าไหร่และ แล้วก็มากันประมาณ 3 คน มี อ๊อฟ ที พี่น้ำพุ และพี่เอ็ม แล้วเพื่อนอ๊อฟ ก็เอาพระให้เมย์คล้องคอไว้ อยู่ในห้องนั้นสักพัก เพื่อนผู้ชายก็บอกว่า เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน พอเมย์อาการเริ่มเย็นลง ก็แบ่งกันไปนอนมีเรา หน่อย บี รุ้ง ไปนอนห้องที่เมย์โดนผีหลอก (บอกตรงๆว่ากลัวเห้ๆอ่ะ แต่ก็เก็บอาการ) แล้วเพื่อนผู้ชายที่จะนอนเป็นเพื่อนก็แบ่งกัน โดยทีมานอนอยู่ปลายเตียงห้องที่เรานอน ส่วนเรานอนริมฝั่งทางที่โล่งๆ (โล่งชิเป๋ง) แล้วเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน นอนห้องโถง แล้วก็ปิดไฟจะนอนกันและ แต่ไม่ปิดประตูห้องนะ แล้วก็ไม่ปิดไฟห้องโถง แต่เชื่อเถอะ ปิดไฟแล้ว แต่ไม่มีเราเชื่อว่าไม่มีใครหลับลงแน่นอน ปิดไฟนอนไปได้ไม่เกิน 10 นาที คุณเพื่อนทีที่แสนจะน่ารัก และเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 มันก็ลุกออกไปจากห้องโกยหมอน ผ้าห่มไปด้วย คือแบบ....อะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วมันก็ทิ้งพวกเราไป เราไม่รู้นะตอนนั้น ก็เพื่อนที่นอนอยู่กับเราอีก 3 คนเป็นไงกันบ้าง แต่ตอนนั้นเหงื่อเราออกเยอะมากกกกก (ตอนที่ไป เวียดนามอากาศหนาวมาก ประมาณว่าไม่ต้องเปิดแอร์ก็หนาวได้) กลัวมากอะ นอนตัวงอเลย แล้วสักพักนึงเราก็ได้ยินเหมือนเสียงสวดอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องดังในหู เหมือนมีคนมากระซิบตรงหู เป็นเสียงผู้ชายทุ้มๆ มันทั้งเบา ทั้งกังวานในหู บอกตรงๆ ไม่กล้ามองอ่ะ เอาผ้าห่มคุมหัว คุมมิดทั้งตัว แล้วเหงื่อก็ออกเยอะมาก จนร้อนไปเลย แล้วเราก็ข่มตาปี๋จนหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าคืนนั้นยาวนานมากกกก พอตื่นเช้ามา ก็ไปเจอกันที่ห้องเรียน เรานี่มุ่งหาไอทีก่อนเลย แล้วสุ่มหัวกัน เราก็ถามว่า “เพื่อนที เมื่อคืนเกิดไรขึ้น เมิงออกไปทำไม พวกตูนี่ยังไม่ทันจะหลับตานอนเลย” ทีมันก็เล่าว่า มันเห็นขาใครไม่รู้ เห็นแต่แว๊บแรกที่เข้าห้องมาแล้ว แล้วไอตอนที่เข้าไปนอน แล้วลุกออกมาอ่ะ มันเห็นเลย คือเดินเข้ามาในห้องเลยค่ะ เราก็บอก “แล้วเมิงก็ทิ้งพวกตูไปเนี่ยนะ” มันก็บอกว่า “ก็พวกแกไม่เห็นนิ” เราก็เออ ทำไมเราไม่เห็น แต่ก็ดีแล้ว
แล้วหลังจากนั้นที่เราอยู่กัน ก็เจอตลอด แต่ไม่ทุกวัน ห้องนู้นเจอยังงี้ ห้องนี้เจอนู้น แล้วก่อนหน้านี้มีเพื่อนที่ไปเล่าให้อาจารย์ฟังนะ อาจารย์ผู้หญิงเขาก็เชื่อ แต่อาจารย์ไม่เคยเจอเลยตลอดที่อยู่เวียดนาม เพราะ....อาจารย์พักรวมกับนักศึกษา เพื่อนเราคนนึง ชื่อว่านุ๊คเดียร์ แล้วนุ๊คเดียร์ เป็นคนที่จะต้องแสดงการรำ ชุดฉุยฉาย ซึ่งนุ๊คเดียร์ก็ได้เอาชฎามาด้วย ไว้หัวเตียงเลย และไม่เจออะไรเลย เหมือนเขาคอยคุ้มครองอยู่ ส่วนอาจารย์ผู้ชาย เขาบอกให้พวกเราอย่าคิดมาก เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา อาจารย์ท่านกลัวพวกเราจะกลัว แต่ก็จริงนะที่อาจารย์พูดแบบนั้น ถ้าอาจารย์เจอล่ะ อยู่กันแบบไม่มีที่พึ่งแน่
ประสบการณ์ขนหัวลุก...จากการไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ “ประเทศเวียดนาม”
เข้าเรื่องค่ะ...เราและเพื่อนชื่อเบนอยู่สาขาเดียวกัน ได้เป็นตัวแทนของสาขาไปที่เมืองฮานอยประเทศเวียดนาม และจะมีเพื่อนๆจากสาขาอื่นๆมารวมกันไปฮานอยประมาณ 20กว่าคนได้ กับอาจารย์ชาย 1 ท่าน หญิง 1 ท่าน เมื่อไปถึงสนามบินก็กลับที่พักกันปกติค่ะ แต่ละคนก็เลือกห้องพักกัน โดยห้องพักมีลักษณะเป็นห้องชุดค่ะ มี 2 นอน และมีห้องโถงและระเบียงเชื่อมกัน ห้องชุดนึงพักได้ 8 คน (ห้องละ 4 คน) และชั้นนั้นมีแต่คณะเราที่พักเท่านั้น เพราะพักกันเต็มชั้นนั้นพอดี แล้วเมื่อเลือกห้องได้ ก็เข้าพักเก็บของกันปกติ และในวันรุ่งขึ้นค่ะก็ได้เข้าเรียนภาษาเวียดนามเป็นวันแรก ทุกคนที่ไปก็ตื่นเต้นกันมาก(ไปเที่ยวประเทศนี้ มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนข้ามถนน) เลิกเรียนเราก็กลับที่พักกันค่ะ พอเริ่มมืดบวกกะความเหนื่อยของเรา เราก็เลยหลับก่อนใครเลย หลับแบบหลับเป็นตายอ่ะ พอตื่นเช้าไปเรียน เพื่อนเราหลายคนและเกือบทุกห้องเกิดการสุ่มหัวเม้าท์มอยถามกันค่ะ ว่าเมื่อคืนเจอไรกันบ้างไหม ไอเพื่อนที่นอนห้องเดียวกะเราก็เปิดประเด็นก่อนเลยจ้า
เบน(เพื่อนเรา) ...เมื่อคืนพวกเราได้ยินเสียง ในห้องโถง เหมือนมีคนอยู่ข้างนอกทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน เพราะเข้าห้องปิดประตูกันหมดแล้ว
เราก็ถามเพื่อน ...ทำไมตูไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ (ทำหน้าเอ๋อแหลก)
เบน/จุ๋มจิ๋ม ....หลับไปก่อนคนเดียวเลย จะได้ยินเห้อะไร
เรา .....อาวหรอ 555
แล้วเพื่อนมันก็แชร์กันจ้า ว่าได้ยินเสียงนู้นนี่นั่น ไอเราก็เกิดมาไม่เคยเจอผีหรืออะไรแปลกเลย แต่บอกเลยว่า “กลัวผีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” (เชื่อเถอะ) แต่ตอนนั้นก็กลัวนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ เป็นเพราะอยู่กันหลายคน
พอเลิกเรียนก็กลับห้อง เข้าสู่พบค่ำ คืนที่2 วันนี้ เป็นเหตุไฉน ใยเราจึงมิง่วง เวลาได้ประมาณ 5 ทุ่ม หรือเที่ยงคืนนี้แหละ ทุกคนเข้าห้องใครห้องมัน ไม่มีใครในห้องโถงและ อยู่ได้สักพัก ไม่นานเลย ....มาแล้วจ้า เสียงจากห้องโถง ได้ยินเสียงเปิดทีวีก็เป็นช่องทีวีของเวียดนาม ตามด้วยเสียงลากเก้าอี้ เหมือนลากเพื่อไปนั่งดูทีวี เราก็หันไปมองหน้าเพื่อน แล้วเพื่อนก็พยักหน้า ประมาณว่า เสียงนี้แหละ ที่พวกตูโดนกันเมื่อวาน แต่ทุกคนไม่ปริปากหรือพูดอะไรกันทั้งสิ้น ไม่อยากถามว่าทำไมไม่ออกไปดูหรอ เลยอยากบอกให้รู้ว่า "อยู่ในห้องนั้นอบอุ่นกว่า" ...พอสักพัก มาเลยจ้าเสียงร้องเพลง เป็นเสียงผู้หญิง เสียงแบบหวานมาก เพลงที่ร้องถ้าเทียบกับไทยก็เหมือนเพลงลูกกรุงเพราะๆเลยอ่ะ จำได้ว่าเสียงเพราะและหวานมาก ถ้านึกหน้าคนร้องนี่สวยเลยอ่ะ แต่ตอนนั้นคือ ขนลุกเหอะ เสียงจะไม่เหมือนกับเสียงทั่วไปนะ เสียงมันจะกังวานในหู คือรู้เลยอะว่าคือผีแน่ๆ !!! เป็นแบบนั้นสักพักแล้วเสียงก็เงียบไป แล้วเรากับเพื่อนก็หลับกัน
เช้าแล้วๆๆๆๆ เมื่อเพื่อนๆเจอกันในห้องเรียน เอาแล้ววันนี้มีส่วนรวมกับเพื่อนสักที ครั้งแรกในชีวิตด้วย ตื่นเต้นชิเป๋ง 555 แต่ที่ไหนได้ ไอเพื่อนอีกห้องนึง โดนหนักเลย เพื่อนคนนี้ชื่อออย เขาก็เล่าให้เพื่อนๆฟังว่า ...เมื่อคืนโดนผีอำ ไอเราก็หงอยเลย เตรียมตัวเม้าท์สะเต็มที่ 555 เพื่อนมันก็เล่าว่า ตอนโดนผีอำก็ตามอาการเลย ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ อึดอัด แต่เห็นทุกๆสิ่ง!! น้องออยบอกว่า ยืนเรียงกันรอบเตียงเลย เป็นสิบๆเลย ใส่ชุดโบราณของเวียดนาม มีทั้งทหาร และก็ ชุดอ่าวหญ่าย (เป็นชุดประจำชาติเวียดนาม) เพื่อนมันก็เล่าว่า มีพระอยู่ใต้หมอนนะ สวดมนต์ด้วย แต่ไม่มีการสะทกสะท้านสักนิด ดิ้นรนในเหงื่อนี้โซกก็ยังเหมือนเดิม จนมันได้สติ หลับตาแล้วนึกถึงพ่อกับแม่ แล้วออยก็บอกว่าลืมตามาค่ะ สิ่งที่เจอตรงหน้าคือ... ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็แบบไม่ได้และ อยู่มาแค่ 2 วัน เจอกันขนาดนี้ วันนั้นพอกลับห้องกันมาก็มืดแล้ว ก็อาบน้ำนอนกัน แล้วเพื่อน 4 คนที่อยู่อีกห้องนึงก็เปิดทีวีห้องโถงกัน แล้วอาบน้ำ แต่ห้องน้ำของห้องนี้ จะอยู่แยกออกจากตัวห้อง คือถ้าเปิดประตูเข้ามา ห้องน้ำจะอยู่ซ้ายมือเลย แล้วเพื่อนเราที่อยู่อีกชื่อบีก็อาบน้ำก่อน โดยมีเมย์อยู่เป็นเพื่อนในห้องโถง ดูทีวีอยู่ ส่วนห้องเราก็อยู่ในห้องกันหมด พอบีอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงปิดทีวี แล้วนางก็คิดในใจว่า อาวเห้ย อยู่กับก่อนดิเมย์ แต่ไม่กล้าพูด แล้วสักแป๊ปนึงเอง ก็ได้ยินเสียงเปิดทีวีใหม่ นางก็อุ่นใจ แล้วห้องน้ำจะช่องเฉียงๆตรงด้านล่างของประตูไม้ ที่สามารถมองเห็นข้างนอกได้ บีก็เห็นขาเพื่อนยืนรออยู่ตรงหน้าประตู บีก็นึกว่าเมย์มันคงมารอเข้าอาบน้ำต่อ บีก็เลยรีบออกมาห้องน้ำ แต่สิ่งที่เห็นคือ ไม่มีเมย์หรือใคร ทีวีไม่ได้เปิด ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น และ บีก็เลยรีบวิ่งเข้าห้อง แล้วก็ถามเมย์ว่า "เมย์ตะกี้ออกไปเปิดทีวีเปล่า เมย์ก็บอกว่า "เปิด แล้วก็ปิด แล้วก็เข้ามาในห้องเนี่ย" แล้วบีก็ถาม "แล้วได้ไปยืนหน้าห้องน้ำเปล่า" เมย์ก็บอกว่า "ไม่ได้เฉียดประตูเลย" เอาแล้วไง!!! สรุปว่าวันนั้น ไออีก 3 คน ก็อาบน้ำแบบหลอนๆกันอ่ะ ออกมาอยู่เป็นเพื่อนกันในห้องโถงกันหมด แต่ห้องเรา 4 คนนี่ปกติเลย ไม่มีไรเกิดขึ้น แล้วพวกนางก็มาเล่าให้ฟังในตอนเช้าอีกวัน แล้วบีก็บอกว่า ก่อนหน้าก็โดนไปแล้วครั้งหนึ่ง ในห้องน้ำนี่แหละ คืออาบน้ำเสร็จแล้ว ปิดฟักบัวอาบน้ำแล้ว แล้วอยู่ๆน้ำฟักบัวก็เปิดเอง โอ้...แม่เจ้า !!! หนักขึ้นเรื่อยๆเลยนะ
มาคืนที่ 4 นี่แหละ หนักเลย ....วันนั้นมีทำรายงาน เกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากการเรียน ในฮานอย แล้วกลุ่มเราทั้ง 8 คน มารวมตัวที่ห้องเราหมด จนเริ่มดึก เพื่อนชื่อเมย์ที่อยู่อีกห้องมันก็ง่วงมาก แบบไม่ไหวแล้ว ขอไปนอนก่อน พอเมย์ไปห้องก็ไปคนเดียวนี่แหละ แล้วมันก็สวดมนต์ก่อนนอน ก็ก้มกราบหมอนอยู่ แล้วก็เสียงเคาะที่กระจกประตูระเบียง มันก็นึกว่าเพื่อนใช่ป่ะ เพราะระเบียงมันเชื่อมกันระหว่าง 2 ห้องนิ มันก็ตะโกนไปว่า “เมิงก็เข้ามาดิ จะเคาะทำไหมล่ะ” แล้วเมย์ก็บอกว่า ได้ยินเสียงเดินเข้ามานั่งที่เตียง แล้วเมย์มันก็หันมามองเพื่อจะดูว่าใคร เพราะมันยังไม่ได้เสียงเพื่อนเลย (เมิงพึ่งจะสงสัย) สิ่งที่เห็นก็คือ....... “ที่นอนยุบเป็นรอยคนนั่งเลย” แล้วมันก็บอกว่า จากรอยนั่ง ก็เปลี่ยนเป็นรอยนอนเลยค่ะ ทำไงล่ะ วิ่งร้องไห้มาห้องที่พวกเราอยู่กัน ตกใจกันหมด ตอนนั้นมันเล่าไรมาฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ รู้แค่ว่า “มันโดนผีหลอก” แล้วพอพวกเราเริ่มตั้งสติได้ เบนก็เลยบอกว่า เดี๋ยวเรานำสวดชินบัญชรเอง แล้วทุกคนก็นั่งสวดตาม สวดไปได้สักแป๊ป เมย์มันก็ร้องขึ้นมา หือๆๆๆๆๆ.... และหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็สวดต่อ แล้วอยู่ๆ เมย์มันก็ลุกขึ้น แล้วก็เดินไปเปิดผ้าม่านระเบียง อย่างแรงงงงง... แล้วทุกคนที่อยู่ในห้องแบบคิดในใจ ทำอะไรอะ?? แล้วเมย์มันก็ตะโกน “เมิงจะหลอกเห้อะไรนักหนา ไม่ไปเกิดว่ะอีสาด...” (ประมาณนี้) แล้วมันก็กลับมานั่งร้องไห้หนักมาก แล้วเพื่อนก็ถามว่า “เมิงเป็นอะไร” เมย์มันก็บอกว่า ตอนที่สวดมนต์อยู่มันได้ยินเสียงเหมือนเสียงคนเอาเล็บยาวๆขูดไปกับผนังระเบียง แล้วก็มาขูดกับประตูกระจก แต่คนอื่นไม่ได้ยินเลย คือมันได้ยินอยู่คนเดียวอ่ะ เราก็ถาม “แล้วเมื่อกี้ทำไร” เมย์ก็บอกว่าแถวบ้านมันบอกว่า “ถ้าเจอผีให้ตะโกนด่า”.... เราก็คิดเอาไงดีว่ะ อยู่กันแบบนี้ ไม่ไหวแน่ๆอ่ะ แล้วทีนี้ มีใครก็ไม่รู้ น่าจะเป็นรุ้งมั้ง พูดขึ้นว่า พวกไออ๊อฟมันมีพระ (อ๊อฟก็คือเพื่อนผู้ชายที่มาด้วยกัน) แต่ประเด็นคือ จะไปเอามายังไง บีก็บอกว่าเรามีเบอร์อ๊อฟอยู่ แต่จดไว้ในสมุดในห้อง (เป็นเบอร์ที่เปิดใช้ในเวียดนามแล้วก็อยู่อีกห้องนึง โอ้โหหยั่งกะพอร์ตหนังผี) เราก็แบบมองหน้ากันคือ แล้วใครจะไปเอาอ่ะ แล้วจุ๋มจิ๋มนางแกร่งกล้ามาก พูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวตูไปเอาเอง” แล้วมันก็บอกว่า “ไอกุ๊ เมิงไปกับกูหน่อย” (กุ๊คือเราเอง) เราก็ “อาว...อีเห้ ทำไมเปนตูอ่า คนที่กลัวผียิ่งกว่าสิ่งอื่นใดเนี่ยนะ” เราก็คิดว่า เอาว่ะ ไม่อยากจะแสดงอาการอะไรมาก เดี๋ยวจะกลัวไปหมด แล้วเรากับจุ๋มจิ๋ม ก็นั่งทำใจกันอยู่พักนึง แล้วก็ถามเพื่อนว่าสมุดอยู่ตรงไหนอะไรยังไง ว่างแผนปฏิบัติการเสร็จก็ถึงเวลา (แต่ตอนกลัวกันมากนะ จริงๆ ขำไม่ออกกันเลยทีเดียว) แล้วก็เริ่มจากไอจิ๋มผลักประตูห้องออก คือประมาณว่า ตูกะเมิงจะเจออะไรก็เจอไปเหอะ แต่ก็ไม่เจออะไร เหงื่อนี่แตกเปียกหมด แล้วเรากับไอจิ๋มก็วิ่งไปเอาสมุดเล่มนั้นอย่างไว เร็วมาก ยิ่งกว่า (ยูเซน โบลต์) อีกอะ แล้วพอเอามาก็โทรอีอ๊อฟ บอกให้มันเอาพระมา แล้วเพื่อนก็มา แล้วใครไปเปิดประตูว่า ตูอีกแล้วอ่อ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยเท่าไหร่และ แล้วก็มากันประมาณ 3 คน มี อ๊อฟ ที พี่น้ำพุ และพี่เอ็ม แล้วเพื่อนอ๊อฟ ก็เอาพระให้เมย์คล้องคอไว้ อยู่ในห้องนั้นสักพัก เพื่อนผู้ชายก็บอกว่า เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน พอเมย์อาการเริ่มเย็นลง ก็แบ่งกันไปนอนมีเรา หน่อย บี รุ้ง ไปนอนห้องที่เมย์โดนผีหลอก (บอกตรงๆว่ากลัวเห้ๆอ่ะ แต่ก็เก็บอาการ) แล้วเพื่อนผู้ชายที่จะนอนเป็นเพื่อนก็แบ่งกัน โดยทีมานอนอยู่ปลายเตียงห้องที่เรานอน ส่วนเรานอนริมฝั่งทางที่โล่งๆ (โล่งชิเป๋ง) แล้วเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน นอนห้องโถง แล้วก็ปิดไฟจะนอนกันและ แต่ไม่ปิดประตูห้องนะ แล้วก็ไม่ปิดไฟห้องโถง แต่เชื่อเถอะ ปิดไฟแล้ว แต่ไม่มีเราเชื่อว่าไม่มีใครหลับลงแน่นอน ปิดไฟนอนไปได้ไม่เกิน 10 นาที คุณเพื่อนทีที่แสนจะน่ารัก และเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 มันก็ลุกออกไปจากห้องโกยหมอน ผ้าห่มไปด้วย คือแบบ....อะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วมันก็ทิ้งพวกเราไป เราไม่รู้นะตอนนั้น ก็เพื่อนที่นอนอยู่กับเราอีก 3 คนเป็นไงกันบ้าง แต่ตอนนั้นเหงื่อเราออกเยอะมากกกกก (ตอนที่ไป เวียดนามอากาศหนาวมาก ประมาณว่าไม่ต้องเปิดแอร์ก็หนาวได้) กลัวมากอะ นอนตัวงอเลย แล้วสักพักนึงเราก็ได้ยินเหมือนเสียงสวดอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องดังในหู เหมือนมีคนมากระซิบตรงหู เป็นเสียงผู้ชายทุ้มๆ มันทั้งเบา ทั้งกังวานในหู บอกตรงๆ ไม่กล้ามองอ่ะ เอาผ้าห่มคุมหัว คุมมิดทั้งตัว แล้วเหงื่อก็ออกเยอะมาก จนร้อนไปเลย แล้วเราก็ข่มตาปี๋จนหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าคืนนั้นยาวนานมากกกก พอตื่นเช้ามา ก็ไปเจอกันที่ห้องเรียน เรานี่มุ่งหาไอทีก่อนเลย แล้วสุ่มหัวกัน เราก็ถามว่า “เพื่อนที เมื่อคืนเกิดไรขึ้น เมิงออกไปทำไม พวกตูนี่ยังไม่ทันจะหลับตานอนเลย” ทีมันก็เล่าว่า มันเห็นขาใครไม่รู้ เห็นแต่แว๊บแรกที่เข้าห้องมาแล้ว แล้วไอตอนที่เข้าไปนอน แล้วลุกออกมาอ่ะ มันเห็นเลย คือเดินเข้ามาในห้องเลยค่ะ เราก็บอก “แล้วเมิงก็ทิ้งพวกตูไปเนี่ยนะ” มันก็บอกว่า “ก็พวกแกไม่เห็นนิ” เราก็เออ ทำไมเราไม่เห็น แต่ก็ดีแล้ว
แล้วหลังจากนั้นที่เราอยู่กัน ก็เจอตลอด แต่ไม่ทุกวัน ห้องนู้นเจอยังงี้ ห้องนี้เจอนู้น แล้วก่อนหน้านี้มีเพื่อนที่ไปเล่าให้อาจารย์ฟังนะ อาจารย์ผู้หญิงเขาก็เชื่อ แต่อาจารย์ไม่เคยเจอเลยตลอดที่อยู่เวียดนาม เพราะ....อาจารย์พักรวมกับนักศึกษา เพื่อนเราคนนึง ชื่อว่านุ๊คเดียร์ แล้วนุ๊คเดียร์ เป็นคนที่จะต้องแสดงการรำ ชุดฉุยฉาย ซึ่งนุ๊คเดียร์ก็ได้เอาชฎามาด้วย ไว้หัวเตียงเลย และไม่เจออะไรเลย เหมือนเขาคอยคุ้มครองอยู่ ส่วนอาจารย์ผู้ชาย เขาบอกให้พวกเราอย่าคิดมาก เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา อาจารย์ท่านกลัวพวกเราจะกลัว แต่ก็จริงนะที่อาจารย์พูดแบบนั้น ถ้าอาจารย์เจอล่ะ อยู่กันแบบไม่มีที่พึ่งแน่