เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนพี่สาวเราอายุ 19 ปี พี่ป่วยเป็นกรวยไตอักเสบ เข้ารักษากับคุณหมอคนหนึ่งที่ รพ. เอกชนย่านพระราม 9 หมดเงินไปเป็นแสน แต่ก็หายดี จนกระทั่ง 5-6 ปีที่แล้ว พี่ไปหาหมอคนเดิมอีกครั้งด้วยอาการปัสสาวะแสบขัด เป็นไข้
หมอบอกว่ามีนิ่วในไต แต่ไม่ต้องเอาออก เพราะไม่ได้อยู่ในจุดสำคัญ แต่ให้คอยมาเช็กปีละครั้ง
จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมา พี่ไปเช็กไตกับหมอคนเดิม หมอบอกว่าไตข้างขวาที่มีนิ่ว
ฝ่อไปแล้ว ทุกครั้งที่ไปหา หมอไม่ได้แนะน
ำให้งดอาหาร หรือต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับครั้งนี้ หมอบอกพี่ให้ใช้ชีวิตปกติ อยากกินอะไรก็กิน แค่ระวังอย่าให้ใครเอามีดมาแทงไตข้างที่ดีอยู่ก็พอ
และเมื่อต้นปี 58 ที่ผ่านมา พี่มีอาการ ปัสสาวะแสบขัด เป็นไข้ อาเจียน จึงเข้าไปที่ รัฐบาลแห่งหนึ่งใน กทม. ด้วยภาวะติดเชื้อ (ช่วง 4-5 ปีหลังนี้ พี่เข้า รพ. ด้วยสาเหตุนี้อยู่ 2-3 ครั้ง) หมอตรวจ อัลตราซาวนด์ ฉีดสี สแกนไต และบอกว่า ไตข้างขวาฝ่อ ลักษณะไตติดเชื้อเรื้อรัง และเหลือการทำงานเพียง 3% และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อักเสบ ติดเชื้อได้ง่าย ส่วนที่ฝ่อน่าจะเพราะมีนิ่วก้อนหนึ่งไหลลงมาค้างที่ท่อไต ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ หมอวินิจฉัยให้ผ่าตัดเอาไตข้างที่ฝ่อออก เพื่อป้องกันการอักเสบติดเ
ชื้ออีกในอนาคต
พี่ทำเรื่องมาผ่าตัดที่ รพ. ที่จันทบุรี เพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นี่ โดยหมอที่ รพ.รัฐในกทม. บอกว่าให้ลองมาทำเรื่องที่จันดูก่อน เพราะหมอที่เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดส่องกล้องก็มีอยู่ที่ รพ.รัฐบาล ที่จันนี้ หมอยังแนะนำชื่อหมอที่จันมาด้วย
ล่าสุดวันนี้ 2 พ.ค. 58 พี่เข้าห้องผ่าตัดที่ รพ. รัฐในจันทบุรี เพื่อเอาไตออกตามคำวินิจฉัยของหมอที่ รพ.รัฐในกทม. ปรากฏว่าหมอที่จะผ่าให้ (คนเดียวกับที่หมอ รพ.รัฐในกทม.แนะนำ) ขอโทษและบอกว่า หมอเพิ่งดูประวัติ และข้อมูลที่ได้ตรวจไตไว้ที่ รพ.รัฐในกทม. หมอคิดว่าไม่น่าเอาไตออก เพราะอา
ยุยังน้อย และหมอคิดว่าค่าการทำงานของไตที่ส่งมาให้ดูนั้น น่าจะมากกว่า 3% แต่หมอหาซีดีผลค่าไตที่พี่ขอมาจาก รพ.รัฐ ในกทม. ไม่เจอ หมอจึงบล็อกหลัง ส่องกล้องดูและทำการขยายท่อไตที่ตีบอยู่ให้กว้างขึ้น และให้คนไข้ตัดสินใจทีหลังว่าจะทำอย่างไรกับนิ่วที่มีอยู่ โดยมีทางเลือก 3 ทางคือ 1.ยิงสลายนิ่ว (ต้องรอคิว คนไข้มีหลายคน) 2.ผ่าตัดเอานิ่วออก 3.ผ่าตัดส่องกล้องคีบนิ่วออก ซึ่งที่รพ.ไม่มีเครื่องมือ ต้องไปทำที่ รพ.รัฐในกทม.
เราไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ไม่รู้ว่าควรเลือกทางเลือกไหน และเราควรจะเชื่อคำวินิฉัยของหมอที่กทม.ที่บอกให้เอาไตออก หรือเชื่อหมอที่จันซึ่งบอกให้เก็บไตไว้ ถ้าเก็บ
ไว้หมอที่กทม.บอกว่ามันก็จะอักเสบติดเขื้อได้อีก
งงมาก พี่ก็เจ็บตัว
ปล.เราเข้าใจดีว่าพี่สาวเราอาจไม่ได้ดูแลตัวเองดีนัก พี่เราดื่มน้ำน้อยมาก ชอบกินอาหารผ่านกระบวนการ อย่างปูอัด ไส้กรอก เครื่องดื่มมีรส ขนมกรุบกรอบตั้งแต่วัยรุ่น เพิ่งมาลด ละ ช่วงห 1 ปีหลังนี้ ซึ่งหมอไม่ได้บอกให้ลดนะคะ เลยสงสัยว่า ตกลงอาหารการกินเกี่ยวไหม แต่ความข้องใจอีกอย่างคือ
ทำไมหมอที่ รพ.เอกชนย่านพระราม 9 ไม่ฉีดหรือให้กินยาสลายนิ่วตั้งแต่เจอนิ่วแรกๆ เพื่อว่าไตพี่ข้างนั้นจะได้ไม่ฝ่อ
พี่สาวเป็นนิ่วในไต ไตฝ่อ ควรผ่าตัดเอาไตออกไหม
หมอบอกว่ามีนิ่วในไต แต่ไม่ต้องเอาออก เพราะไม่ได้อยู่ในจุดสำคัญ แต่ให้คอยมาเช็กปีละครั้ง
จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมา พี่ไปเช็กไตกับหมอคนเดิม หมอบอกว่าไตข้างขวาที่มีนิ่ว
ฝ่อไปแล้ว ทุกครั้งที่ไปหา หมอไม่ได้แนะน
ำให้งดอาหาร หรือต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับครั้งนี้ หมอบอกพี่ให้ใช้ชีวิตปกติ อยากกินอะไรก็กิน แค่ระวังอย่าให้ใครเอามีดมาแทงไตข้างที่ดีอยู่ก็พอ
และเมื่อต้นปี 58 ที่ผ่านมา พี่มีอาการ ปัสสาวะแสบขัด เป็นไข้ อาเจียน จึงเข้าไปที่ รัฐบาลแห่งหนึ่งใน กทม. ด้วยภาวะติดเชื้อ (ช่วง 4-5 ปีหลังนี้ พี่เข้า รพ. ด้วยสาเหตุนี้อยู่ 2-3 ครั้ง) หมอตรวจ อัลตราซาวนด์ ฉีดสี สแกนไต และบอกว่า ไตข้างขวาฝ่อ ลักษณะไตติดเชื้อเรื้อรัง และเหลือการทำงานเพียง 3% และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อักเสบ ติดเชื้อได้ง่าย ส่วนที่ฝ่อน่าจะเพราะมีนิ่วก้อนหนึ่งไหลลงมาค้างที่ท่อไต ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ หมอวินิจฉัยให้ผ่าตัดเอาไตข้างที่ฝ่อออก เพื่อป้องกันการอักเสบติดเ
ชื้ออีกในอนาคต
พี่ทำเรื่องมาผ่าตัดที่ รพ. ที่จันทบุรี เพราะมีประกันสังคมอยู่ที่นี่ โดยหมอที่ รพ.รัฐในกทม. บอกว่าให้ลองมาทำเรื่องที่จันดูก่อน เพราะหมอที่เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดส่องกล้องก็มีอยู่ที่ รพ.รัฐบาล ที่จันนี้ หมอยังแนะนำชื่อหมอที่จันมาด้วย
ล่าสุดวันนี้ 2 พ.ค. 58 พี่เข้าห้องผ่าตัดที่ รพ. รัฐในจันทบุรี เพื่อเอาไตออกตามคำวินิจฉัยของหมอที่ รพ.รัฐในกทม. ปรากฏว่าหมอที่จะผ่าให้ (คนเดียวกับที่หมอ รพ.รัฐในกทม.แนะนำ) ขอโทษและบอกว่า หมอเพิ่งดูประวัติ และข้อมูลที่ได้ตรวจไตไว้ที่ รพ.รัฐในกทม. หมอคิดว่าไม่น่าเอาไตออก เพราะอา
ยุยังน้อย และหมอคิดว่าค่าการทำงานของไตที่ส่งมาให้ดูนั้น น่าจะมากกว่า 3% แต่หมอหาซีดีผลค่าไตที่พี่ขอมาจาก รพ.รัฐ ในกทม. ไม่เจอ หมอจึงบล็อกหลัง ส่องกล้องดูและทำการขยายท่อไตที่ตีบอยู่ให้กว้างขึ้น และให้คนไข้ตัดสินใจทีหลังว่าจะทำอย่างไรกับนิ่วที่มีอยู่ โดยมีทางเลือก 3 ทางคือ 1.ยิงสลายนิ่ว (ต้องรอคิว คนไข้มีหลายคน) 2.ผ่าตัดเอานิ่วออก 3.ผ่าตัดส่องกล้องคีบนิ่วออก ซึ่งที่รพ.ไม่มีเครื่องมือ ต้องไปทำที่ รพ.รัฐในกทม.
เราไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ไม่รู้ว่าควรเลือกทางเลือกไหน และเราควรจะเชื่อคำวินิฉัยของหมอที่กทม.ที่บอกให้เอาไตออก หรือเชื่อหมอที่จันซึ่งบอกให้เก็บไตไว้ ถ้าเก็บ
ไว้หมอที่กทม.บอกว่ามันก็จะอักเสบติดเขื้อได้อีก
งงมาก พี่ก็เจ็บตัว
ปล.เราเข้าใจดีว่าพี่สาวเราอาจไม่ได้ดูแลตัวเองดีนัก พี่เราดื่มน้ำน้อยมาก ชอบกินอาหารผ่านกระบวนการ อย่างปูอัด ไส้กรอก เครื่องดื่มมีรส ขนมกรุบกรอบตั้งแต่วัยรุ่น เพิ่งมาลด ละ ช่วงห 1 ปีหลังนี้ ซึ่งหมอไม่ได้บอกให้ลดนะคะ เลยสงสัยว่า ตกลงอาหารการกินเกี่ยวไหม แต่ความข้องใจอีกอย่างคือ
ทำไมหมอที่ รพ.เอกชนย่านพระราม 9 ไม่ฉีดหรือให้กินยาสลายนิ่วตั้งแต่เจอนิ่วแรกๆ เพื่อว่าไตพี่ข้างนั้นจะได้ไม่ฝ่อ