ได้ยินมาว่าโฆษณาบะหมี่ซองเจ้าหนึ่ง ลงทุน 200 ล้านบาทจ้างพรีเซ็นเตอร์ซุปตาร์สุดเซ็กซี่มาเพื่อเพิ่มยอดขายในยุคที่แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ยังฝืด
สมมติว่าปีนึงๆเขาขายได้เพิ่มขึ้น 200ล้านซอง ก็แสดงว่าแต่ละซองต้องจ่ายเป็นค่าโฆษณา 1 บาท
ดูเผินๆก็คงไม่คิดอะไรหรอก ก็มันก็เป็นการตลาดแบบทั่วๆไป ใครๆเขาก็ทำหนิ
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ยุคที่การทุ่มโปรโมทมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อได้ เราซื้อบะหมี่หนึ่งซองหกบาท ตกเป็นค่าโฆษณาอย่างเดียวซะหนึ่งบาท ถามกลับมาว่า เราได้อะไรกลับมาจาก 1 บาทนั้นบ้าง ตัวอย่างเช่นภาพลักษณ์(เหมือนที่เราถือกาแฟสตาร์บัค เดินเชิดออกจากร้าน) หรือความภูมิใจที่ได้กินบะหมี่แบบเดียวกับซุปตาร์ เป็นต้น?
คำถามก็คือถ้าเกิดมีบะหมี่อีกเจ้าหนึ่ง ใช้แคมเปนแบบเพื่อผู้บริโภคจริงๆ ยอมลดราคาให้ซองละบาทบลัฟกลับไปว่า ไม่ต้องโปรโมททุ่มทุนอะไรไปซะมากมาย อยากรู้เหมือนกันว่าปฏิกิริยาของผู้บริโภคจะ ออกมาเป็นอย่างไร
ค่าตัวอั้ม ตกซองละกี่บาท
สมมติว่าปีนึงๆเขาขายได้เพิ่มขึ้น 200ล้านซอง ก็แสดงว่าแต่ละซองต้องจ่ายเป็นค่าโฆษณา 1 บาท
ดูเผินๆก็คงไม่คิดอะไรหรอก ก็มันก็เป็นการตลาดแบบทั่วๆไป ใครๆเขาก็ทำหนิ
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ยุคที่การทุ่มโปรโมทมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อได้ เราซื้อบะหมี่หนึ่งซองหกบาท ตกเป็นค่าโฆษณาอย่างเดียวซะหนึ่งบาท ถามกลับมาว่า เราได้อะไรกลับมาจาก 1 บาทนั้นบ้าง ตัวอย่างเช่นภาพลักษณ์(เหมือนที่เราถือกาแฟสตาร์บัค เดินเชิดออกจากร้าน) หรือความภูมิใจที่ได้กินบะหมี่แบบเดียวกับซุปตาร์ เป็นต้น?
คำถามก็คือถ้าเกิดมีบะหมี่อีกเจ้าหนึ่ง ใช้แคมเปนแบบเพื่อผู้บริโภคจริงๆ ยอมลดราคาให้ซองละบาทบลัฟกลับไปว่า ไม่ต้องโปรโมททุ่มทุนอะไรไปซะมากมาย อยากรู้เหมือนกันว่าปฏิกิริยาของผู้บริโภคจะ ออกมาเป็นอย่างไร