สวัสดีคร่า พอดีเกิดปัญหาสุขภาพส่วนตัว ซ้ำซากค่ะ แต่ก็เป็นๆ หายๆ ตามช่วงสภาวะความเครียดของร่างกาย เลยจะขอมาแชร์ให้กับเพื่อนๆค่ะ แต่ก่อนเริ่มมีปัญหาพวกออฟฟิส ซินโดรม ตั้งแต่เริ่มทำงานปีที่ 5 แต่อาการต่างๆ ก็จะหายไปเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา แต่ปัจจุบันเราทำงานย่างเข้าสู่ปีที่ 11 แล้วค่ะ อาการต่างๆ ก็แวะเวียนมาหาเราอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ชักจะไม่สั้นแล้วค่ะ และทำลายชีวิตประจำวันของตัวเอง ให้มีความสุขลดลง ใครหลายๆ คนที่ทำงานหน้าคอมฯ เป็นระยะเวลานานๆ และเป็นคนที่มักไม่ค่อยออกกำลังกาย มักจะประสบปัญหาตามหัวข้อด้านบนนะคะ สำหรับเราเป็นทุกครั้งหลังตื่นนอน ตืนมาจะมีอาการคอแห้ง ตาแห้ง ปากแห้งร่วมด้วย ทั้งๆ ที่เป็นคนดื่มน้ำวันละ 1.2-15 ลิตรเป็นประจำ เรื่องเครื่องดื่มที่มีแอลฯ และคาเฟอีนเราไม่แตะอยู่แล้วค่ะ อาการที่ว่ามาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว หลังตื่นนอน เป็นอีกทีมากๆ ช่วงตอนเย็น ยิ่งช่วงไหนที่มีงานที่ต้องใช้ความคิดซะหน่อย เครียดนิดนึง จะยิ่งปวดมากค่ะ เลยพาลทำให้งานช้าไปด้วย เพราะประสิทธิภาพในการทำงานเราลดลง
และอาการปวดครั้งนี้ เราก็พยายามหาทางออกเองก่อนค่ะ อยากลองดูแลตัวเองก่อนค่อยไปพบคุณหมอเพิ่มเติมค่ะ ซึ่งมันเป็นการลองผิดลองถูกในระยะเวลาสั้นๆ ของเรา ซึ่งทำให้เราเข้าใจอาการปวดของตัวเองมากขึ้นค่ะ
เราขออนุญาตแปะ บทความที่เราเขียนที่ Blog ส่วนตัวมาเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องพิมพ์ซ้ำ
--------------------------------------------------
เมื่อสัปดาห์ก่อนเริ่มมีปัญหาปวดหัว ปวดหัวคิ้วด้านขวา ปวดกกหูด้านหลัง ปวดคอด้านขวา เริ่มจากเป็นแค่ตอนเย็น > ต่อมาเป็นแค่หลังตื่นนอน อาบน้ำหาย > ต่อมาเป็นมันทั้งวัน แถมนอกจากปวดหัว มันมีอาการปวดกล้ามเนื้อหลายส่วนเพิ่มด้วย เรียกได้ว่าเมื่อยไปทั้งตัว
ทีนี้เราจะมาเล่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่มันไม่ตรงจุดก่อนนะคะ เพราะทำแล้วมันไม่หายจ้า
อันดับแรกไปนวด
ไปนวดที่ ร.พ. บอก จนท. ว่าขอแบบแม่หมอนวดเก่งๆ จับเส้นดีๆ เลยนะคะ หนูปวด
ผล:ตอนนวดรู้สึกสบาย 70% เพราะได้คลายอาการตึงของกล้ามเนื้อไปได้บ้าง แต่อีก 50% มันยังมีความปวดลึกๆ ค้างอยู่ หลังนวดเสร็จรู้สึกสบาย 50% เพราะอาการปวดลึกๆ กลับมาอีกในเวลา 2 ชัวโมงหลังจากนวดเสร็จ
สรุป:อาการปวดไม่ได้หายไป แก้ปัญหาไม่ถูกที่ ไม่ได้เป็นที่กล้ามเนื้อ หรือเส้นตึงเท่านั้นนะจ๊ะ
อันดับสองไปตามหาน้ำตาเทียมแบบเข้มข้น (เจลป้ายตา)
พอนวดไม่หาย เราเลยนึกๆ ว่าปัญหาไม่ใช่ที่กล้ามเนื้อล่ะ แล้วเรามันปวดตรงไหนบ้างหว่า (ที่นึกได้ช้า เพราะตอนที่ปวดและไม่สบาย ตอนนั้นปวดไปหมดทั้งตัว แยกไม่ออกว่าปัญหามันเริ่มจากปวดตรงไหน มันพันกันไปหมด แต่พอไปนวดไม่หายเลยทำให้นึกถึงปัญหาถัดมาคืเรื่องตาของตัวเอง) นึกถึงเจลป้ายตาที่จักษุแพทย์ เคยให้ใช้ ตอนไปหาแกครั้งก่อน ไปตามหาที่ร้ายขายยาไม่มีเลยจ้า เลยได้น้ำตาเทียมแบบน้ำ ชนิดเข้มข้นมาหยอดแทน (แล้วทำไมไม่ไปหาหมอตา คือ ... ไปหาไม่ทันค่ะ หมอปิดร้าน แล้วทำไมไม่ทัน ... เพราะมัวแต่ลัลลา นึกว่าจะกลับมาทันหาหมอ แหะๆ "สมน้ำหน้าตัวเอง" จริงๆ เลย)
ผล:อาการปวดบรรเทาลงไปมาก จากที่ปวดมากๆ ไม่อยากลุกทำอะไรเลย ก็เริ่มดีขึ้น ปวดเวลาใช้สายตา หรือ ก้มคอมากๆ เท่านั้น
สรุป: อาการปวดยังไม่บรรเทาลงจนอยู่ในระดับที่หายไปเลย เพราะถ้าเจอแดด เจอแสง สว่างจ้ามาก อาการก็จะกลับมาอีก เลยทำให้รู้ว่ามันต้องมีตัวช่วยอีกซิน่า
อันดับสามทานวิตามินเสริม
ข้อนี้นึกถึงตอนไปหาหมอ และคุณหมอจัดยาให้ทานเมื่อตอนต้นปี ว่าดิฉันมีปัญหาที่ระบบประสาท (อันนี้พูดจริงๆ นะฮ๊าาาฟ ยังไม่ได้เป็นโรคประสาท แต่เกือบๆ 555+) ระบบประสาทที่ว่า เช่น มีปัญหาเรื่องการได้ยินที่ลดลง ไปทดสอบการได้ยิน ก็ยังอยู่ในระดับปกติ แต่เราจะได้ยินไม่ค่อยชัดทำให้เวลาใครพูดอะไร ต้องเอาหน้า เอาหูไปใกล้ๆ คนพูดทุกที จนบางครั้งก็รู้สึกเขิลนะ ทำไมชั้นต้องเอาหน้าไปใกล้เค้าขนาดนี้ ยิ่งเวลาฟังยายแก่ๆ พูดนะ หน้าจะชิดกันอยู่ล่ะ .... เรื่องหูก็เป็นเรื่องนึง และถ้าปล่อยให้อาการปวดอยู่มากๆ บางครั้งจะลามมาปวดฟัน (ประสาทฟัน) ทั้งๆ ที่ฟันซี่นั้นไม่ได้ผุ บางครั้งก็สับสนปวดฟันด้วยป่าวหว่า เศษอาหารติดฟันมั้ย ไปแปรงฟัน ใช้ไหมขัดหน่อยดีกว่า พอทำเสร็จฟันก็สะอาดดีอยู่นี่หว่า ทำไมยังไม่หายปวด ... คือ เวลาปวดทีนึงแล้ว อาการปวดที่อื่นๆ ตามมากันให้พึบค่ะ จนตัวเองสับสนว่าอาการปวดมันเริ่มต้นมาจากปวดอะไรกันแน่
เวิ่นเว้อมาซะยาวแล้วจะเข้าสู่วิตามินที่เราทานละคะ นั่นคือ วิตามินบี และ FBC (บำรุงเลือด) วิตามินบี เราทานของ Alinamin EX PLUS ของญี่ปุ่น ปกติก็ทานบางหยุดบ้างวันละ 1 เม็ด พอปวดมากๆ ทานยาพาราฯ ก็ไม่อยู่ เราจำที่เภสัชฯ แนะนำได้ว่า ถ้าวันไหนอ่อนเพลียมากๆ วันละ 3 เม็ดเลยนะคะ
ผล:ปกติเราจะทานวันละ 1 เม็ด วันนี้ตัดสินใจ 3 เม็ดรวด ไม่น่าเชื่ออาการปวดหัว ปวดตา หายไปเลยหลังจากทานไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง
สรุป:เราขาดวิตามินอีกแล้ววว ก็เป็นคนบริโภคน้อย ไม่ค่อยหลากหลาย เจอปัญหาอ่อนเพลียง่ายประจำเลย เง้อ!!! แต่จะให้ทานวิตามินอาหารเสริมเป็นประจำก็ทำมิได้ เพราะร่างกายสะสมง่ายมาก สังเกตได้จากถ้าทานวิตามินเข้าไปถ้าเกินปุ๊ป จะนอนไม่ค่อยหลับ จะหลับๆ ตื่นๆ กลางดึก มาเข้าห้องน้ำตลอด พอหยุดก็จะหายทันที เลยทำให้หลีกเลี่ยงวิตามินอาหารเสริม
ไม่รู้ว่าเป็นบทความแนะนำ หรือบทความที่บ่นๆ กันแน่ เริ่มสับสนล่ะ เอาเป็นว่าสรุปก็หาทางออกให้ตัวเองเจอค่ะ ว่าที่ตัวเองอ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดตา ปวดกล้ามเนื้อง่ายๆ ก็เพราะขาดวิตามินสารอาหารบางอย่าง อ่อ !!! ท่าออกกำลังกายยึดกล้ามเนื้อหัวไหล หลัง ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดของเราได้เช่นกันนะคะ แต่ว่าไม่หายสนิท เท่ากับทานวิตามินช่วยค่ะ
หวังว่าบทความนี้น่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มักมีอาการปวดเมื่อย ปวดหัวกันบ้างนะคะ อาการปวดหัว ที่มีต้นเหตุมาจากตานี่มองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ นะคะ มันเป็นเรื่องระบบประสาทเลย ยิ่งสมัยนี้เป็นสังคมก้มหน้า ใช้สายตา ใช้กล้ามเนื้อคอ กันแบบต่อเนื่องไม่หยุดพัก ส่งผลเสียต่อร่างกายมากจริงๆ
หมายเหตุ: เราไม่ได้มีเจตนามารีวิวผลิตภัณฑ์นะคะ ที่เราเขียนชื่อผลิตภัณฑ์อันนี้คือเราซื้อตามที่เภสัชแนะนำ สำหรับวิตามินบี ตัวอื่นเราก็เคยทานค่ะ แต่ไม่ได้สังเกตผลการบรรเทาอาการปวดเหมือนตัวนี้ค่ะ
ปวดหัว ปวดตา ปวดกล้ามเนื้อ เรามีตัวช่วย
และอาการปวดครั้งนี้ เราก็พยายามหาทางออกเองก่อนค่ะ อยากลองดูแลตัวเองก่อนค่อยไปพบคุณหมอเพิ่มเติมค่ะ ซึ่งมันเป็นการลองผิดลองถูกในระยะเวลาสั้นๆ ของเรา ซึ่งทำให้เราเข้าใจอาการปวดของตัวเองมากขึ้นค่ะ
เราขออนุญาตแปะ บทความที่เราเขียนที่ Blog ส่วนตัวมาเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องพิมพ์ซ้ำ
--------------------------------------------------
เมื่อสัปดาห์ก่อนเริ่มมีปัญหาปวดหัว ปวดหัวคิ้วด้านขวา ปวดกกหูด้านหลัง ปวดคอด้านขวา เริ่มจากเป็นแค่ตอนเย็น > ต่อมาเป็นแค่หลังตื่นนอน อาบน้ำหาย > ต่อมาเป็นมันทั้งวัน แถมนอกจากปวดหัว มันมีอาการปวดกล้ามเนื้อหลายส่วนเพิ่มด้วย เรียกได้ว่าเมื่อยไปทั้งตัว
ทีนี้เราจะมาเล่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่มันไม่ตรงจุดก่อนนะคะ เพราะทำแล้วมันไม่หายจ้า
อันดับแรกไปนวด
ผล:ตอนนวดรู้สึกสบาย 70% เพราะได้คลายอาการตึงของกล้ามเนื้อไปได้บ้าง แต่อีก 50% มันยังมีความปวดลึกๆ ค้างอยู่ หลังนวดเสร็จรู้สึกสบาย 50% เพราะอาการปวดลึกๆ กลับมาอีกในเวลา 2 ชัวโมงหลังจากนวดเสร็จ
สรุป:อาการปวดไม่ได้หายไป แก้ปัญหาไม่ถูกที่ ไม่ได้เป็นที่กล้ามเนื้อ หรือเส้นตึงเท่านั้นนะจ๊ะ
อันดับสองไปตามหาน้ำตาเทียมแบบเข้มข้น (เจลป้ายตา)
ผล:อาการปวดบรรเทาลงไปมาก จากที่ปวดมากๆ ไม่อยากลุกทำอะไรเลย ก็เริ่มดีขึ้น ปวดเวลาใช้สายตา หรือ ก้มคอมากๆ เท่านั้น
สรุป: อาการปวดยังไม่บรรเทาลงจนอยู่ในระดับที่หายไปเลย เพราะถ้าเจอแดด เจอแสง สว่างจ้ามาก อาการก็จะกลับมาอีก เลยทำให้รู้ว่ามันต้องมีตัวช่วยอีกซิน่า
อันดับสามทานวิตามินเสริม
เวิ่นเว้อมาซะยาวแล้วจะเข้าสู่วิตามินที่เราทานละคะ นั่นคือ วิตามินบี และ FBC (บำรุงเลือด) วิตามินบี เราทานของ Alinamin EX PLUS ของญี่ปุ่น ปกติก็ทานบางหยุดบ้างวันละ 1 เม็ด พอปวดมากๆ ทานยาพาราฯ ก็ไม่อยู่ เราจำที่เภสัชฯ แนะนำได้ว่า ถ้าวันไหนอ่อนเพลียมากๆ วันละ 3 เม็ดเลยนะคะ
ผล:ปกติเราจะทานวันละ 1 เม็ด วันนี้ตัดสินใจ 3 เม็ดรวด ไม่น่าเชื่ออาการปวดหัว ปวดตา หายไปเลยหลังจากทานไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง
สรุป:เราขาดวิตามินอีกแล้ววว ก็เป็นคนบริโภคน้อย ไม่ค่อยหลากหลาย เจอปัญหาอ่อนเพลียง่ายประจำเลย เง้อ!!! แต่จะให้ทานวิตามินอาหารเสริมเป็นประจำก็ทำมิได้ เพราะร่างกายสะสมง่ายมาก สังเกตได้จากถ้าทานวิตามินเข้าไปถ้าเกินปุ๊ป จะนอนไม่ค่อยหลับ จะหลับๆ ตื่นๆ กลางดึก มาเข้าห้องน้ำตลอด พอหยุดก็จะหายทันที เลยทำให้หลีกเลี่ยงวิตามินอาหารเสริม
ไม่รู้ว่าเป็นบทความแนะนำ หรือบทความที่บ่นๆ กันแน่ เริ่มสับสนล่ะ เอาเป็นว่าสรุปก็หาทางออกให้ตัวเองเจอค่ะ ว่าที่ตัวเองอ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดตา ปวดกล้ามเนื้อง่ายๆ ก็เพราะขาดวิตามินสารอาหารบางอย่าง อ่อ !!! ท่าออกกำลังกายยึดกล้ามเนื้อหัวไหล หลัง ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดของเราได้เช่นกันนะคะ แต่ว่าไม่หายสนิท เท่ากับทานวิตามินช่วยค่ะ
หวังว่าบทความนี้น่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มักมีอาการปวดเมื่อย ปวดหัวกันบ้างนะคะ อาการปวดหัว ที่มีต้นเหตุมาจากตานี่มองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ นะคะ มันเป็นเรื่องระบบประสาทเลย ยิ่งสมัยนี้เป็นสังคมก้มหน้า ใช้สายตา ใช้กล้ามเนื้อคอ กันแบบต่อเนื่องไม่หยุดพัก ส่งผลเสียต่อร่างกายมากจริงๆ
หมายเหตุ: เราไม่ได้มีเจตนามารีวิวผลิตภัณฑ์นะคะ ที่เราเขียนชื่อผลิตภัณฑ์อันนี้คือเราซื้อตามที่เภสัชแนะนำ สำหรับวิตามินบี ตัวอื่นเราก็เคยทานค่ะ แต่ไม่ได้สังเกตผลการบรรเทาอาการปวดเหมือนตัวนี้ค่ะ