ตอนที่ 27
ใกล้รุ่งเร่งฝีเท้าจนเกือบจะกลายเป็นวิ่งไปตามทางเดินในโรงพยาบาล ข้อความล่าสุดจากอธิติยาที่โทรศัพท์มาบอกข่าวนั้นคือ อติภาพถูกทำร้ายร่างกาย และตอนนี้เขาอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
หญิงสาวใจหายวาบทันทีที่รู้เรื่อง หัวใจเธอกระตุกเหมือนมีคนกระชากออกจากอกอย่างแรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อติภาพเพิ่งโทรศัพท์มาหาเธอเองแท้ๆ
'ผมคิดถึงคุณ เดี๋ยวเราเจอกันนะครับ'
ใกล้รุ่งเม้มริมฝีปากแน่น กำมือจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือขาว น้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาตลอดการเดินทางมายังโรงพยาบาล ภาวนาด้วยหัวใจสั่นไหวขออย่าให้ชายหนุ่มเป็นอะไรถึงชีวิตเลย หรือแม้แต่ ... อย่าให้ดวงวิญญาณของอติภาพหนีออกมาเที่ยวเล่นอีก
... ได้โปรด ...
ใกล้รุ่งขอเพียงเขาปลอดภัย เธอยอมแลกกับความสุขของเธอทั้งชีวิตก็ได้ ... ขอเพียงเขาปลอดภัยเท่านั้น!
“สวัสดีค่ะคุณตรัย คุณป้า ... คุณตี้คะ เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ" ใกล้รุ่งเรียกหญิงสาวคนสวยที่ยืนมองประตูกระจกหลังจากยกมือไหว้คนทั้งสาม มีปานวาดนั่งกุมมือตรัย ซึ่งมีสีหน้ากังวลไม่ต่างจากกันเลย
“คุณฟ้า นายภาพยังไม่ออกมาเลยค่ะ หัวแตกเลือดไหลเยอะเลย ไม่รู้ไปถูกใครทำร้ายมา" หญิงสาวคนสวยบอกกับคนอ่อนวัยกว่า อธิติยารู้ว่าวันนี้น้องชายเธอมีนัดกับหญิงสาวอ่อนวัยตรงหน้ารวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พอคนที่บริษัทฯ บอกข่าวเรื่องอติภาพ อธิติยาจึงรีบโทรศัพท์บอกข่าวใกล้รุ่งด้วย
“หนูฟ้าจ๊ะ" เสียงของปานวาดทำให้ใกล้รุ่งทรุดลงนั่งข้างๆ ถูกมือบางที่มีร่องรอยของกาลเวลาจับไว้แน่น คงเพราะช่วงเวลาที่อติภาพเคยเป็นเจ้าชายนิทรา ใกล้รุ่งคือคนที่มาพูดคุย คอยสร้างกำลังใจให้ปานวาดตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน หัวใจคนเป็นแม่แทบจะขาดทันทีที่รู้เรื่อง ... ทำไมลูกชายที่แสนน่ารักของพวกเขาจะต้องเจอเรื่องเลวร้ายซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ด้วย
“พ่อไม่ปล่อยเอาไว้แน่ อย่าให้พ่อรู้ตัวนะว่าใครทำ" ตรัยกำมือแน่น พูดออกมาอย่างโกรธแค้น เขาไม่เคยทำร้ายใครก่อนด้วยซ้ำ แถมยังเกิดในที่ทำงานของเขาอีก เหมือนโดนลูบคมถึงที่!
“ที่จอดรถมีกล้องวงจรปิด ทางตำรวจก็ได้ทั้งรูปพรรณสัณฐานคนร้าย และลักษณะของรถที่พวกมันใช้แล้ว เสียดายที่ไม่เห็นทะเบียนรถพวกมัน" อธิติยาบอกออกมาอย่างหงุดหงิดใจไม่แพ้ตรัยนักหรอก เธอเพิ่งจัดการกับบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ ตรัย กรุ๊ป จ้างไว้ต่อเดือนก็ตั้งแพง กลับทำงานหละหลวมแบบนี้!
“กล้อง .... คุณฟ้าคะ กล้องติดรถยนต์ของคุณภาพที่เพิ่งเปลี่ยน ฟ้าได้ยินว่าตอนดับเครื่องมันก็ยังสามารถบันทึกได้อยู่ ลองเอามาเปิดดูดีไหมคะ"
ใกล้รุ่งคล้ายจะเคยได้ยินอติภาพอวดให้ฟังตอนที่เขาพานั่งรถคันนั้น อติภาพเพิ่งเปลี่ยนกล้องติดรถยนต์ให้สามารถบันทึกภาพได้แม้แต่ตอนจอดรถ ชายหนุ่มหวงและห่วงว่ารถยนต์ราคาแพงของเขาจะโดนใครขูดหรือชนตอนที่เขาจอดทิ้งเอาไว้
“งั้นเดี๋ยวตี้ให้คุณบูรณ์ไปตรวจสอบดูนะคะ" อธิติยากดโทรศัพท์เรียก สมบูรณ์ คนสนิทให้จัดการเรื่องนี้แทน เธอไม่อยากปลีกตัวไปจากการรอฟังข่าวน้องชายจริงๆ
“พวกเขาต้องการอะไรหรือคะ" ใกล้รุ่งถามออกมา ถึงเหตุผลของการที่อติภาพถูกทำร้ายร่างกายแบบนี้
ทั้งตรัยและปานวาดส่ายหัว หาคำตอบไม่ได้จริงๆ
“เรายังไม่รู้เลยหนูฟ้า ข้าวของของนายภาพก็ไม่มีอะไรหายสักอย่าง เหมือนมันต้องการแค่ทำร้ายนายภาพเฉยๆ" ปานวาดบอกออกมา เสียงของนางสั่นเครือ และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“แถมจะเล่นกันถึงตายด้วย" ตรัยกังวลใจหนัก ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก พร้อมกับนายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมา
“ลูกชายผมปลอดภัยไหมครับหมอ" ตรัยรุดเข้าไปถามน้ำเสียงร้อนรน
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ โชคดีที่เขาแค่หัวแตก ตอนนี้เรารู้แต่ว่ากระโลหกศีรษะไม่มีส่วนไหนแตกหรือร้าวครับ ช่วงนี้คงต้องให้คนเจ็บอยู่ในการดูแลของแพทย์ก่อนนะครับ เพราะเราต้องตามอาการเขาอย่างใกล้ชิด"
คำบอกของแพทย์ทำให้คนฟังพากันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อติภาพรอดตายทุกคนก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพียงแต่ว่าปานวาดมีเรื่องที่กวนใจเธอไม่หาย
“เขาจะฟื้นใช่ไหมคะหมอ ลูกชายฉันจะไม่เป็นเจ้าชายนิทราใช่ไหมคะ"
เพราะอดีตที่เคยเกิดขึ้น ... ครั้งนั้นอติภาพบาดเจ็บสาหัส ขนาดแพทย์ยังไม่สามารถให้คำยืนยันได้เลยว่าลูกชายเธอจะฟื้นกลับมาปกติได้ไหม จะนอนหลับตลอดไป หรือแม้ฟื้นมา จะยังเป็นปกติเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ต้องภานาอยู่ทุกคืนวัน
“อีกสักชั่วโมงเขาน่าจะฟื้นครับ แต่เราต้องติดตามอาการเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ"
“ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า ... ขอบคุณคุณหมอด้วยนะคะ ขอบคุณมาก" ปานวาดดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่ไหว ซุกลงร้องไห้กับอกกว้างของสามี กับคำตอบที่ได้รับ สำหรับนางแล้ว แค่ได้ยินว่าลูกชายปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดในโลก
ตรัยเองก็โล่งใจจนระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือหนึ่งลูบไหล่ภรรยา ส่วนมืออีกข้างก็กอดลูกสาวไว้แน่น
ปานวาดคงรับรู้ว่ายังมีหญิงสาวอีกคน ก็ดีใจไม่แพ้กันกับข่าวดี จึงผละออกจากสามี หันไปจับมือใกล้รุ่งแน่น
“หนูฟ้า เราเข้าไปหาเขากันเถอะนะ" พร้อมทั้งช่วยปาดน้ำตาบนใบหน้าขาวหญิงสาวอ่อนวัยกว่าอย่างไม่นึกรังเกียจ กลับเอ็นดูเหมือนลูกสาวอีกคนหนึ่งด้วย
ผ่านไปราวชั่วโมงหลังจากย้ายอติภาพมายังห้องพักดูอาการ อติภาพก็รู้สึกตัว เขาค่อนข้างงุนงงกับห้องที่เขาอยู่ และแสดงออกทางสีหน้าว่ายังคงเจ็บและปวดหัวจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
“ภาพ เป็นไงบ้างลูก" ปานวาดถามออกมาเมื่อลูกชายลืมตา
“แม่ ... เจ็บหัวมากเลยครับ มีคนร้ายทำร้ายผม" อติภาพจำได้ลางๆ คนร้ายผู้ชายตัวสูงสวมหมวกกันน็อคใช้ไม้ฟาดเข้าที่หัวของเขา
... นี่เขาไม่ตายหรือนี่ เขาจำได้ว่าเขาโดนฟาดค่อนข้างแรงเหมือนกันนะ
“แม่รู้จ้ะ โชคดีที่มีกล้องวงจรปิด เราคงจะได้ตัวคนร้ายเร็วๆนี้ ... จริงสิ เพราะหนูฟ้าบอก เลยรู้ว่ามีกล้องที่รถของลูกด้วย" ปานวาดยิ้มไปทางใกล้รุ่งที่ยืนอยู่ถัดออกไปจากอธิติยา ใบหน้าขาวระเรื่อแดงพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาบรรยากาศในห้องสดใสตาม
ทว่า ... อติภาพกลับปิดปากแน่น คิ้วหนาขมวดมุ่น มองเธอด้วยแววตาเหมือนจะไม่พอใจ
“ภาพ อย่าบอกนะว่าลูกจำหนูฟ้าไม่ได้" ปานวาดถามออกมาอย่างหวั่นใจ เมื่อเห็นลูกชายนิ่ง ไม่ทักทายใกล้รุ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อติภาพแสดงออกให้คนในครอบครัวรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไรกับหญิงสาว
สิ้นคำถาม อติภาพเบนหน้าไปมองหน้ามารดา ดวงตาคมไม่ปรากฏสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า
“ใครหรือครับ"
สิ่งที่ชายหนุ่มถามออกมาไม่ต่างกับมีดปลายแหลมที่กรีดหัวใจคนที่ถูกหลงลืมอีกครั้ง ดวงตาเรียวยาวแดงก่ำ ริมฝีปากซีดของเธอเม้มเข้าหากันแน่น ไม่รวมกับนิ้วเรียวยาวที่จิกฝ่ามือแน่น หากความเจ็บที่มือไม่เท่ากับที่ใจของเธอในเวลานี้
“ภาพ ... นี่ลูก ..” ตรัยมองทั้งสองคนแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ผมขอโทษ ผมจำไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ" อติภาพนิ่วหน้า ความปวดหัวทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ... คุณภาพไม่เป็นไรแล้ว ก็ดีแล้วค่ะ ฟ้าขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใกล้รุ่งฝืนพูดออกมาทั้งที่เสียงสั่น ก่อนจะยกมือไหว้ลาคนทั้งสาม แล้วรีบหมุนตัวออกจากห้องไปไวๆ
“ตี้ ... ตี้ว่าตี้ไปส่งเธอดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตี้มานะคะ" อธิติยารีบเดินตามใกล้รุ่งออกจากห้องเมื่อบิดามารดาพยักหน้าเห็นด้วย
ปานวาดละสายตาจากประตู มองลูกชายที่หันหน้าหนีไปอีกทาง ...พร้อมครุ่นคิดถึงท่าทางแปลกๆของลูกชายตัวเอง
"คุณฟ้า เดี๋ยวก่อนค่ะ" เสียงของอธิติยาทำให้ใกล้รุ่งหยุดเดิน หันมองเจ้าของเสียงที่เดินตามเธอมา แม้ดวงตาเรียวยาวของใกล้รุ่งจะแดงก่ำ ใบหน้าขาวเศร้าหมองจนเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่มีน้ำตาไหลออกมา
“มีอะไรหรือคะ" ใกล้รุ่งถามออกมา
“เดี๋ยวนายภาพก็จำได้นะคะ บางทีอาจจะเพราะเขาเพิ่งฟื้น" อธิติยาพยายามให้กำลังใจพนักงานสาวตรงหน้า แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่คิดเช่นนั้น ใกล้รุ่งฝืนยิ้มบางบนริมฝีปากสั่นระริก
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
“คุณกลับเองได้แน่นะคะ ให้คนขับรถตี้ไปส่งไหมคะ" ถามอย่างเป็นห่วง
“ได้ค่ะ ฟ้ากลับได้ ...ฟ้าไปก่อนนะคะ" พอพูดจบ ใกล้รุ่งก็หมุนตัวกลับไปเดินต่อ ไหล่เล็กลู่ลงขณะก้าวเดินช้าๆ พยายามฝืนไม่ได้ตัวสั่นจนถูกจับได้ว่า ทันทีที่หันหลังให้อธิติยา น้ำตาเม็ดโตร่วงพรูออกจาดวงตาเรียวยาว ก้อนสะอื้นจะหลุดออกมาจากลำคอระหงจนใกล้รุ่งต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากแน่นทั้งสองข้าง
อธิติยามมองตามด้วยความหนักใจครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจวกกลับไปที่หาน้องชาย พอเข้าไปถึงก็เห็นว่าอติภาพงกำลังนอนหลับตา ไม่รับรู้อะไรรอบด้าน
“พ่อจะกลับไปที่บริษัทฯ ฝากดูน้องด้วยนะตี้" ตรัยถอนหายใจ แม้ไม่อยากทิ้งลูกชายที่กำลังเจ็บตัว แต่เขาต้องกลับไปจัดการเรื่องตำรวจ รวมถึงจัดเวรยามให้หนาแน่นกว่าเดิม เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับพนักงานคนไหนของ ตรัย กรุ๊ป อีก
“ค่ะ พ่อ ... นี่ตกลง นายภาพเขาลืมแฟนเขาจริงๆหรือคะแม่" ลูกสาวคนโตเดินไปโอบเอวมารดาหลังจากบิดาเดินออกไปจากห้องแล้ว ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทั้งที่มีความสุขอยู่แท้ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้นะคะแม่" วูบหนึ่งที่อธิติยาอดคิดไม่ได้ว่า หรือเพราะเธอเคยทำให้ณฉัตรสูญเสียคนรักไป เวรกรรมนั้นอาจจะมาตกที่น้องชายเธอ ... พอคิดขึ้นมา อธิติยาก็ปวดร้าวไปทั้งใจ จนป่านนี้ณฉัตรก็ยังหายตัวเงียบ
รวมไปถึงผู้ชายอีกคน ศตภัทร ... อธิติยาได้ยินเรื่องราวที่ศตภัทรถูกใส่ร้ายจากบิดาหลายวันก่อน พอเธอได้ฟังว่ามีข้อมูลบริษัทรั่วไหล ก็ถึงกับทำให้อธิติยาเลือกที่จะลุกขึ้นมาเข้มแข็งอีกครั้ง สายเลือดผู้หญิงที่รักการทำงาน และรักบริษัทฯ สุดชีวิตทำให้เธอไม่คิดที่จะอ่อนแอ และล้มป่วยอยู่อย่างนั้น ... แม้จะยังรู้สึกผิดต่อณฉัตร หากว่าในฐานะผู้บริหารฯ ตรัย กรุ๊ป คนหนึ่ง อธิติยาก็ละทิ้งมันไม่ได้เหมือนกัน
ผู้บริหารฯ สาวคนสวยสงสัยว่า ศตภัทรกำลังทำอะไรอยู่ ... เขาไม่มีทางหนีไปพร้อมกับข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อไว้เงียบๆแน่ๆ
อย่างไรเสีย อธิติยาก็รู้จักศตภัทรดีเท่าๆกับบิดาของเธอ ... เขาไม่ใช่คนที่จะทรยศหักหลังใครแน่นอน
รักละมุน ~ หอมกลิ่นแก้ว ตอนที่ 27 - 28 - ตอนจบ + บทส่งท้าย By ปิ่นนลิน
ขออภัยที่หายไปนาน นำมาส่งรวดเดียวจบเลยนะคะ ^__^
ตอนที่ 27
ใกล้รุ่งเร่งฝีเท้าจนเกือบจะกลายเป็นวิ่งไปตามทางเดินในโรงพยาบาล ข้อความล่าสุดจากอธิติยาที่โทรศัพท์มาบอกข่าวนั้นคือ อติภาพถูกทำร้ายร่างกาย และตอนนี้เขาอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
หญิงสาวใจหายวาบทันทีที่รู้เรื่อง หัวใจเธอกระตุกเหมือนมีคนกระชากออกจากอกอย่างแรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อติภาพเพิ่งโทรศัพท์มาหาเธอเองแท้ๆ
'ผมคิดถึงคุณ เดี๋ยวเราเจอกันนะครับ'
ใกล้รุ่งเม้มริมฝีปากแน่น กำมือจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือขาว น้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาตลอดการเดินทางมายังโรงพยาบาล ภาวนาด้วยหัวใจสั่นไหวขออย่าให้ชายหนุ่มเป็นอะไรถึงชีวิตเลย หรือแม้แต่ ... อย่าให้ดวงวิญญาณของอติภาพหนีออกมาเที่ยวเล่นอีก
... ได้โปรด ...
ใกล้รุ่งขอเพียงเขาปลอดภัย เธอยอมแลกกับความสุขของเธอทั้งชีวิตก็ได้ ... ขอเพียงเขาปลอดภัยเท่านั้น!
“สวัสดีค่ะคุณตรัย คุณป้า ... คุณตี้คะ เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ" ใกล้รุ่งเรียกหญิงสาวคนสวยที่ยืนมองประตูกระจกหลังจากยกมือไหว้คนทั้งสาม มีปานวาดนั่งกุมมือตรัย ซึ่งมีสีหน้ากังวลไม่ต่างจากกันเลย
“คุณฟ้า นายภาพยังไม่ออกมาเลยค่ะ หัวแตกเลือดไหลเยอะเลย ไม่รู้ไปถูกใครทำร้ายมา" หญิงสาวคนสวยบอกกับคนอ่อนวัยกว่า อธิติยารู้ว่าวันนี้น้องชายเธอมีนัดกับหญิงสาวอ่อนวัยตรงหน้ารวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พอคนที่บริษัทฯ บอกข่าวเรื่องอติภาพ อธิติยาจึงรีบโทรศัพท์บอกข่าวใกล้รุ่งด้วย
“หนูฟ้าจ๊ะ" เสียงของปานวาดทำให้ใกล้รุ่งทรุดลงนั่งข้างๆ ถูกมือบางที่มีร่องรอยของกาลเวลาจับไว้แน่น คงเพราะช่วงเวลาที่อติภาพเคยเป็นเจ้าชายนิทรา ใกล้รุ่งคือคนที่มาพูดคุย คอยสร้างกำลังใจให้ปานวาดตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน หัวใจคนเป็นแม่แทบจะขาดทันทีที่รู้เรื่อง ... ทำไมลูกชายที่แสนน่ารักของพวกเขาจะต้องเจอเรื่องเลวร้ายซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ด้วย
“พ่อไม่ปล่อยเอาไว้แน่ อย่าให้พ่อรู้ตัวนะว่าใครทำ" ตรัยกำมือแน่น พูดออกมาอย่างโกรธแค้น เขาไม่เคยทำร้ายใครก่อนด้วยซ้ำ แถมยังเกิดในที่ทำงานของเขาอีก เหมือนโดนลูบคมถึงที่!
“ที่จอดรถมีกล้องวงจรปิด ทางตำรวจก็ได้ทั้งรูปพรรณสัณฐานคนร้าย และลักษณะของรถที่พวกมันใช้แล้ว เสียดายที่ไม่เห็นทะเบียนรถพวกมัน" อธิติยาบอกออกมาอย่างหงุดหงิดใจไม่แพ้ตรัยนักหรอก เธอเพิ่งจัดการกับบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ ตรัย กรุ๊ป จ้างไว้ต่อเดือนก็ตั้งแพง กลับทำงานหละหลวมแบบนี้!
“กล้อง .... คุณฟ้าคะ กล้องติดรถยนต์ของคุณภาพที่เพิ่งเปลี่ยน ฟ้าได้ยินว่าตอนดับเครื่องมันก็ยังสามารถบันทึกได้อยู่ ลองเอามาเปิดดูดีไหมคะ"
ใกล้รุ่งคล้ายจะเคยได้ยินอติภาพอวดให้ฟังตอนที่เขาพานั่งรถคันนั้น อติภาพเพิ่งเปลี่ยนกล้องติดรถยนต์ให้สามารถบันทึกภาพได้แม้แต่ตอนจอดรถ ชายหนุ่มหวงและห่วงว่ารถยนต์ราคาแพงของเขาจะโดนใครขูดหรือชนตอนที่เขาจอดทิ้งเอาไว้
“งั้นเดี๋ยวตี้ให้คุณบูรณ์ไปตรวจสอบดูนะคะ" อธิติยากดโทรศัพท์เรียก สมบูรณ์ คนสนิทให้จัดการเรื่องนี้แทน เธอไม่อยากปลีกตัวไปจากการรอฟังข่าวน้องชายจริงๆ
“พวกเขาต้องการอะไรหรือคะ" ใกล้รุ่งถามออกมา ถึงเหตุผลของการที่อติภาพถูกทำร้ายร่างกายแบบนี้
ทั้งตรัยและปานวาดส่ายหัว หาคำตอบไม่ได้จริงๆ
“เรายังไม่รู้เลยหนูฟ้า ข้าวของของนายภาพก็ไม่มีอะไรหายสักอย่าง เหมือนมันต้องการแค่ทำร้ายนายภาพเฉยๆ" ปานวาดบอกออกมา เสียงของนางสั่นเครือ และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“แถมจะเล่นกันถึงตายด้วย" ตรัยกังวลใจหนัก ไม่นานหลังจากนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก พร้อมกับนายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมา
“ลูกชายผมปลอดภัยไหมครับหมอ" ตรัยรุดเข้าไปถามน้ำเสียงร้อนรน
“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ โชคดีที่เขาแค่หัวแตก ตอนนี้เรารู้แต่ว่ากระโลหกศีรษะไม่มีส่วนไหนแตกหรือร้าวครับ ช่วงนี้คงต้องให้คนเจ็บอยู่ในการดูแลของแพทย์ก่อนนะครับ เพราะเราต้องตามอาการเขาอย่างใกล้ชิด"
คำบอกของแพทย์ทำให้คนฟังพากันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อติภาพรอดตายทุกคนก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพียงแต่ว่าปานวาดมีเรื่องที่กวนใจเธอไม่หาย
“เขาจะฟื้นใช่ไหมคะหมอ ลูกชายฉันจะไม่เป็นเจ้าชายนิทราใช่ไหมคะ"
เพราะอดีตที่เคยเกิดขึ้น ... ครั้งนั้นอติภาพบาดเจ็บสาหัส ขนาดแพทย์ยังไม่สามารถให้คำยืนยันได้เลยว่าลูกชายเธอจะฟื้นกลับมาปกติได้ไหม จะนอนหลับตลอดไป หรือแม้ฟื้นมา จะยังเป็นปกติเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ต้องภานาอยู่ทุกคืนวัน
“อีกสักชั่วโมงเขาน่าจะฟื้นครับ แต่เราต้องติดตามอาการเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ"
“ขอบคุณคุณพระคุณเจ้า ... ขอบคุณคุณหมอด้วยนะคะ ขอบคุณมาก" ปานวาดดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่ไหว ซุกลงร้องไห้กับอกกว้างของสามี กับคำตอบที่ได้รับ สำหรับนางแล้ว แค่ได้ยินว่าลูกชายปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดในโลก
ตรัยเองก็โล่งใจจนระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือหนึ่งลูบไหล่ภรรยา ส่วนมืออีกข้างก็กอดลูกสาวไว้แน่น
ปานวาดคงรับรู้ว่ายังมีหญิงสาวอีกคน ก็ดีใจไม่แพ้กันกับข่าวดี จึงผละออกจากสามี หันไปจับมือใกล้รุ่งแน่น
“หนูฟ้า เราเข้าไปหาเขากันเถอะนะ" พร้อมทั้งช่วยปาดน้ำตาบนใบหน้าขาวหญิงสาวอ่อนวัยกว่าอย่างไม่นึกรังเกียจ กลับเอ็นดูเหมือนลูกสาวอีกคนหนึ่งด้วย
ผ่านไปราวชั่วโมงหลังจากย้ายอติภาพมายังห้องพักดูอาการ อติภาพก็รู้สึกตัว เขาค่อนข้างงุนงงกับห้องที่เขาอยู่ และแสดงออกทางสีหน้าว่ายังคงเจ็บและปวดหัวจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น
“ภาพ เป็นไงบ้างลูก" ปานวาดถามออกมาเมื่อลูกชายลืมตา
“แม่ ... เจ็บหัวมากเลยครับ มีคนร้ายทำร้ายผม" อติภาพจำได้ลางๆ คนร้ายผู้ชายตัวสูงสวมหมวกกันน็อคใช้ไม้ฟาดเข้าที่หัวของเขา
... นี่เขาไม่ตายหรือนี่ เขาจำได้ว่าเขาโดนฟาดค่อนข้างแรงเหมือนกันนะ
“แม่รู้จ้ะ โชคดีที่มีกล้องวงจรปิด เราคงจะได้ตัวคนร้ายเร็วๆนี้ ... จริงสิ เพราะหนูฟ้าบอก เลยรู้ว่ามีกล้องที่รถของลูกด้วย" ปานวาดยิ้มไปทางใกล้รุ่งที่ยืนอยู่ถัดออกไปจากอธิติยา ใบหน้าขาวระเรื่อแดงพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาบรรยากาศในห้องสดใสตาม
ทว่า ... อติภาพกลับปิดปากแน่น คิ้วหนาขมวดมุ่น มองเธอด้วยแววตาเหมือนจะไม่พอใจ
“ภาพ อย่าบอกนะว่าลูกจำหนูฟ้าไม่ได้" ปานวาดถามออกมาอย่างหวั่นใจ เมื่อเห็นลูกชายนิ่ง ไม่ทักทายใกล้รุ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อติภาพแสดงออกให้คนในครอบครัวรู้ว่าเขารู้สึกเช่นไรกับหญิงสาว
สิ้นคำถาม อติภาพเบนหน้าไปมองหน้ามารดา ดวงตาคมไม่ปรากฏสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า
“ใครหรือครับ"
สิ่งที่ชายหนุ่มถามออกมาไม่ต่างกับมีดปลายแหลมที่กรีดหัวใจคนที่ถูกหลงลืมอีกครั้ง ดวงตาเรียวยาวแดงก่ำ ริมฝีปากซีดของเธอเม้มเข้าหากันแน่น ไม่รวมกับนิ้วเรียวยาวที่จิกฝ่ามือแน่น หากความเจ็บที่มือไม่เท่ากับที่ใจของเธอในเวลานี้
“ภาพ ... นี่ลูก ..” ตรัยมองทั้งสองคนแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“ผมขอโทษ ผมจำไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ" อติภาพนิ่วหน้า ความปวดหัวทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ... คุณภาพไม่เป็นไรแล้ว ก็ดีแล้วค่ะ ฟ้าขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใกล้รุ่งฝืนพูดออกมาทั้งที่เสียงสั่น ก่อนจะยกมือไหว้ลาคนทั้งสาม แล้วรีบหมุนตัวออกจากห้องไปไวๆ
“ตี้ ... ตี้ว่าตี้ไปส่งเธอดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตี้มานะคะ" อธิติยารีบเดินตามใกล้รุ่งออกจากห้องเมื่อบิดามารดาพยักหน้าเห็นด้วย
ปานวาดละสายตาจากประตู มองลูกชายที่หันหน้าหนีไปอีกทาง ...พร้อมครุ่นคิดถึงท่าทางแปลกๆของลูกชายตัวเอง
"คุณฟ้า เดี๋ยวก่อนค่ะ" เสียงของอธิติยาทำให้ใกล้รุ่งหยุดเดิน หันมองเจ้าของเสียงที่เดินตามเธอมา แม้ดวงตาเรียวยาวของใกล้รุ่งจะแดงก่ำ ใบหน้าขาวเศร้าหมองจนเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่มีน้ำตาไหลออกมา
“มีอะไรหรือคะ" ใกล้รุ่งถามออกมา
“เดี๋ยวนายภาพก็จำได้นะคะ บางทีอาจจะเพราะเขาเพิ่งฟื้น" อธิติยาพยายามให้กำลังใจพนักงานสาวตรงหน้า แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่คิดเช่นนั้น ใกล้รุ่งฝืนยิ้มบางบนริมฝีปากสั่นระริก
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
“คุณกลับเองได้แน่นะคะ ให้คนขับรถตี้ไปส่งไหมคะ" ถามอย่างเป็นห่วง
“ได้ค่ะ ฟ้ากลับได้ ...ฟ้าไปก่อนนะคะ" พอพูดจบ ใกล้รุ่งก็หมุนตัวกลับไปเดินต่อ ไหล่เล็กลู่ลงขณะก้าวเดินช้าๆ พยายามฝืนไม่ได้ตัวสั่นจนถูกจับได้ว่า ทันทีที่หันหลังให้อธิติยา น้ำตาเม็ดโตร่วงพรูออกจาดวงตาเรียวยาว ก้อนสะอื้นจะหลุดออกมาจากลำคอระหงจนใกล้รุ่งต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากแน่นทั้งสองข้าง
อธิติยามมองตามด้วยความหนักใจครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจวกกลับไปที่หาน้องชาย พอเข้าไปถึงก็เห็นว่าอติภาพงกำลังนอนหลับตา ไม่รับรู้อะไรรอบด้าน
“พ่อจะกลับไปที่บริษัทฯ ฝากดูน้องด้วยนะตี้" ตรัยถอนหายใจ แม้ไม่อยากทิ้งลูกชายที่กำลังเจ็บตัว แต่เขาต้องกลับไปจัดการเรื่องตำรวจ รวมถึงจัดเวรยามให้หนาแน่นกว่าเดิม เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับพนักงานคนไหนของ ตรัย กรุ๊ป อีก
“ค่ะ พ่อ ... นี่ตกลง นายภาพเขาลืมแฟนเขาจริงๆหรือคะแม่" ลูกสาวคนโตเดินไปโอบเอวมารดาหลังจากบิดาเดินออกไปจากห้องแล้ว ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทั้งที่มีความสุขอยู่แท้ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้นะคะแม่" วูบหนึ่งที่อธิติยาอดคิดไม่ได้ว่า หรือเพราะเธอเคยทำให้ณฉัตรสูญเสียคนรักไป เวรกรรมนั้นอาจจะมาตกที่น้องชายเธอ ... พอคิดขึ้นมา อธิติยาก็ปวดร้าวไปทั้งใจ จนป่านนี้ณฉัตรก็ยังหายตัวเงียบ
รวมไปถึงผู้ชายอีกคน ศตภัทร ... อธิติยาได้ยินเรื่องราวที่ศตภัทรถูกใส่ร้ายจากบิดาหลายวันก่อน พอเธอได้ฟังว่ามีข้อมูลบริษัทรั่วไหล ก็ถึงกับทำให้อธิติยาเลือกที่จะลุกขึ้นมาเข้มแข็งอีกครั้ง สายเลือดผู้หญิงที่รักการทำงาน และรักบริษัทฯ สุดชีวิตทำให้เธอไม่คิดที่จะอ่อนแอ และล้มป่วยอยู่อย่างนั้น ... แม้จะยังรู้สึกผิดต่อณฉัตร หากว่าในฐานะผู้บริหารฯ ตรัย กรุ๊ป คนหนึ่ง อธิติยาก็ละทิ้งมันไม่ได้เหมือนกัน
ผู้บริหารฯ สาวคนสวยสงสัยว่า ศตภัทรกำลังทำอะไรอยู่ ... เขาไม่มีทางหนีไปพร้อมกับข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อไว้เงียบๆแน่ๆ
อย่างไรเสีย อธิติยาก็รู้จักศตภัทรดีเท่าๆกับบิดาของเธอ ... เขาไม่ใช่คนที่จะทรยศหักหลังใครแน่นอน