คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ผมไม่คิดว่าเป็นความใจดีของบริษัทหรอก มันเป็นเรื่อง KPI ถ้าต้องเลิกจ้าง KPI ส่วนนี้จะตก ก็แค่การเลี่ยงให้ดูดีเท่านั้น ok ว่า จขกท คงไม่ได้เงินชดเชย 1 เดือน เพราะบริษัทแจ้งล่วงหน้าตามกฎหมาย 1 เดือน และอยู่ครบจนวันสุดท้ายก็ไม่ถึง 120 จึงไม่ต้องจ่ายชดเชยใดๆ
แต่มันการลดสิทธิ์ของ จขกท. คือ สิทธิ์เงินชดเชยจากประกันสังคม
ถ้าเซ็นต์ลาออกตามที่บริษัทแนะนำ จะได้เงินชดเชยจากประกันสังคม 30% ของเงินเดือน (คิดฐานเงินเดินสูงสุดไม่เกิน 15000) จำนวนสูงสุด 3 เดือน นั่นคือจะได้เงินชดเชยอีกเดือนละ 4500 จนกว่าจะได้งานใหม่ แต่ไม่เกิน 3 เดือน รวมแล้วกรณีนี้ได้เงินชดเชยจากประกันสังคมสูงสุด 13500 บาท
กรณียืนยันไม่เซ็นต์ลาออก แต่ให้บริษัทเลิกจ้าง โดยไม่สนใจประวัติ (ซึ่งถึงจะลาออกเองก็คงไม่คิดจะใส่เป็นประวัติทำงานอยู่ดี) ประกันสังคมจะให้เงินชดเชย 50% ของเงินเดือน (ฐาน 15000 เช่นเดิม) หลักการเดียวกับข้างบนแต่เปลี่ยน % เป็น 50% และจำนวนเดือนเพิ่มเป็น 6 เดือน รวมแล้วจะได้สูงสุดคือ เดือนละ 7500 จำนวน 6 เดือน เท่ากับ 45000 บาท
ทั้งสองกรณี ถ้าได้งานใหม่ที่มีการจ่ายประกันสังคม ก็จะหยุดจ่ายเงินชดเชยทันที เช่น ว่างงาน 2 เดือนแล้วได้งานใหม่ เดือนที่ 3 ก็จะไม่ได้เงินชดเชยแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะได้เงินชดเชย ต้องไปรายงานตัวตามกำหนดทุกเดือน เดือนไหนไม่รายงานตัวก็อดได้เงินเช่นกัน
เพราะฉะนั้น หากงานใหม่เป็นธุรกิจส่วนตัวหรืองานราชการที่ไม่เกี่ยวกับประกันสังคม ก็จะได้เงินชดเชยเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นลาออกเองรับ 3 เดือน 30% หรือเลิกจ้างก็รับ 6 เดือน 50% ไป
ไงก็ขอให้ตัดสินใจได้ถูกนะครับ โชคดีครับ
ปล. เพิ่มอีกนิด การจะได้เงินชดเชยจากประกันสังคม ในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมาต้องส่งประกันสังคมไม่น้อยกว่า 6 เดือนมั้ง ตัวเลขตรงนี้ผมไม่แน่ใจ ลองเชคกับเว็บของประกันสังคมอีกทีครับ แล้วก็ต้องไปแจ้งหลังจากทำงานวันสุดท้ายภายใน 30 วันด้วยถึงจะมีสิทธิ์ได้เงินชดเชย
แต่มันการลดสิทธิ์ของ จขกท. คือ สิทธิ์เงินชดเชยจากประกันสังคม
ถ้าเซ็นต์ลาออกตามที่บริษัทแนะนำ จะได้เงินชดเชยจากประกันสังคม 30% ของเงินเดือน (คิดฐานเงินเดินสูงสุดไม่เกิน 15000) จำนวนสูงสุด 3 เดือน นั่นคือจะได้เงินชดเชยอีกเดือนละ 4500 จนกว่าจะได้งานใหม่ แต่ไม่เกิน 3 เดือน รวมแล้วกรณีนี้ได้เงินชดเชยจากประกันสังคมสูงสุด 13500 บาท
กรณียืนยันไม่เซ็นต์ลาออก แต่ให้บริษัทเลิกจ้าง โดยไม่สนใจประวัติ (ซึ่งถึงจะลาออกเองก็คงไม่คิดจะใส่เป็นประวัติทำงานอยู่ดี) ประกันสังคมจะให้เงินชดเชย 50% ของเงินเดือน (ฐาน 15000 เช่นเดิม) หลักการเดียวกับข้างบนแต่เปลี่ยน % เป็น 50% และจำนวนเดือนเพิ่มเป็น 6 เดือน รวมแล้วจะได้สูงสุดคือ เดือนละ 7500 จำนวน 6 เดือน เท่ากับ 45000 บาท
ทั้งสองกรณี ถ้าได้งานใหม่ที่มีการจ่ายประกันสังคม ก็จะหยุดจ่ายเงินชดเชยทันที เช่น ว่างงาน 2 เดือนแล้วได้งานใหม่ เดือนที่ 3 ก็จะไม่ได้เงินชดเชยแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะได้เงินชดเชย ต้องไปรายงานตัวตามกำหนดทุกเดือน เดือนไหนไม่รายงานตัวก็อดได้เงินเช่นกัน
เพราะฉะนั้น หากงานใหม่เป็นธุรกิจส่วนตัวหรืองานราชการที่ไม่เกี่ยวกับประกันสังคม ก็จะได้เงินชดเชยเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นลาออกเองรับ 3 เดือน 30% หรือเลิกจ้างก็รับ 6 เดือน 50% ไป
ไงก็ขอให้ตัดสินใจได้ถูกนะครับ โชคดีครับ
ปล. เพิ่มอีกนิด การจะได้เงินชดเชยจากประกันสังคม ในรอบ 15 เดือนที่ผ่านมาต้องส่งประกันสังคมไม่น้อยกว่า 6 เดือนมั้ง ตัวเลขตรงนี้ผมไม่แน่ใจ ลองเชคกับเว็บของประกันสังคมอีกทีครับ แล้วก็ต้องไปแจ้งหลังจากทำงานวันสุดท้ายภายใน 30 วันด้วยถึงจะมีสิทธิ์ได้เงินชดเชย
แสดงความคิดเห็น
---ไม่ผ่านทดลองงาน แต่ฝ่ายบุคคลขอให้เซ็นใบลาออก?---
ฝ่ายบุคคลเรียกตัวไปบอกว่าผลการทำงานยังไม่พอใจของผู้บริหาร
เค้าบอกว่าที่นี่คาดหวังไว้สูง บริษัทนี้จึงไม่เหมาะกับคุณ
ทางบริษัทให้ทำงานต่ออีก1เดือน จนถึง30มิ.ย.นี้
แต่เค้าบอกว่าจะให้เราเซ็นใบลาออกแทน แล้วทางบริษัทจะออกใบผ่านงานให้
ฝ่ายบุคคลเค้าบอกว่าจะช่วยหางานที่ใหม่ให้ด้วย คือว่าเค้ามีเครือข่ายHRของบริษัทอื่นๆอยู่
เค้าจะพยายามช่วยเราหางานใหม่ให้
ไม่ทราบว่าทำไมทางบริษัทต้องให้เราเซ็นใบลาออกด้วย
เพราะเราไม่ได้ตั้งใจลาออกเอง
แล้วจะปฏิเสธเค้าอย่างไรดีคะ