.
ถ้าเอ่ยชื่อ “
นายจุนทสูกริก”
นักเรียนบาลีต้องรู้จักทุกคน
แต่ท่านที่ไม่คุ้นกับบาลีจะเริ่มงงตั้งแต่เห็นชื่อ
ญาติคนหนึ่งของผมอ่านชื่อนี้ว่า จุน-ทะ-สู-กฺริก
กฺริก ระดับเสียงแบบคำว่า กริช หรือ เงียบกริบ นั่นแหละครับ
คำนี้อ่านว่า
จุน-ทะ-สู-กะ-ริก ครับ
-กะ-ริก ไม่ใช่ กฺริก
สูกริก มาจาก สูกร + อิก
สูกร ก็คำเดียวกับ สุกร - หมาน้อยธรรมดา ในเพลงผู้ใหญ่ลีนั่นแหละ
เราใช้ว่า “สุกร” แต่บาลีเป็น “สูกร”
ไทยเป็น สุ- บาลีเป็น สู-
ชื่อจริงของนายคนนี้คือ “จุนทะ” คำว่า “สูกริก” เป็นสมญานาม
เรียกอย่างไทยๆ ก็น่าจะเป็น -
นายจุนท์คนฆ่าหมู - ประมาณนี้
เรื่องนายจุนทสูกริกอยู่ในคัมภีร์ธรรมบท ภาค ๑
“ธรรมบท” ที่ว่านี้เป็นคัมภีร์ภาษาบาลี ชื่อ “ธัมมปทัฏฐกถา” แบ่งเป็น ๘ ภาค
คณะสงฆ์กำหนดให้เป็นแบบเรียนแปลมคธเป็นไทยชั้นประโยค ๓
สมัยผมเรียนบาลีไม่มีประโยค ๑-๒ เหมือนสมัยนี้ แต่ต้องเรียนไวยากรณ์ ๒ ปี แล้วจึงแปลธรรมบทสอบประโยค ๓
นายจุนทสูกริกเป็นชาวเมืองราชคฤห์ เป็นบุคคลร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า ประกอบอาชีพทางฆ่าหมูขาย
เลี้ยงเอง ฆ่าเอง กินเอง ขายเอง ครบวงจร
กรรมวิธีฆ่าหมูของนายจุนทสูกริกนั้นสยดสยองยิ่งนัก
ผมขออนุญาตลำดับความตามขั้นตอนที่ท่านบรรยายไว้ในคัมภีร์ให้ดูกันนะครับว่าทำอย่างไร
ขอประทานโทษท่านสุภาพสตรี กรุณาหลับตาครับ
(๑) มัดตัวที่จะเชือดเข้ากับหลักที่เตรียมไว้ (มัดชนิดที่ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด)
(๒) ทุบด้วยค้อนสี่เหลี่ยมเพื่อให้เนื้อพองหนาขึ้น
(๓) พอเห็นว่าบวมได้ที่แล้ว ก็ง้างปาก สอดไม้เข้าไปค้ำปากให้อ้าค้างไว้
(๔) กรอกน้ำร้อนที่เดือดๆ เข้าไปในปาก
น้ำร้อนนั้นจะเข้าไปพล่านในท้อง ขับขี้แก่ขี้อ่อนออกมาทางทวารหนัก
(๕) กรอกน้ำร้อนใส่ปากไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำที่ไหลออกทางทวารจะใส
(๖) ต่อจากนั้นราดน้ำร้อนอาบตัวสุกรเพื่อลอกหนังให้สะอาด
(๗) เอาหญ้ามัดเป็นคบเพลิงจุดไฟลนขนให้เกลี้ยงทั้งตัว
(๘) ใช้มีดคมๆ ตัดศีรษะแบบฉับเดียวขาด
(๙) เอาชามรองเลือดไว้
ลองนึกไปด้วยนะครับว่า เริ่มต้นตั้งแต่หมูยังเป็นๆ อยู่
หมูจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสปานไหน กว่าจะถึงขั้นตอนสุดท้าย
สมัยเรียนแปลเรื่องนี้ ใจมุ่งไปที่ความยากง่ายของภาษา ไม่ค่อยได้คิดถึงตื้นลึกของเรื่องราว
พูดง่ายๆ มุ่งจะแปลภาษา ไม่ได้มุ่งธรรมะ
พอจับอ่านโดยมุ่งธรรมะ จึงได้รู้สึกว่า กรรมวิธีฆ่าหมูของนายจุนทสูกริกนั้นอภิมหาโหดจริงๆ
บั้นปลายชีวิตนายจุนทสูกริก
ส่วนที่จะกินเอง นายจุนทสูกริกก็ชำแหละเอาเนื้อเคล้ากับเลือดแล้วปิ้ง ย่าง หรือทอดรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากับบุตรภรรยา
บั้นปลายชีวิต นายจุนทสูกริกป่วยร้องเหมือนหมูถูกเชือดอยู่ ๗ วันจึงตาย
สมัยเป็นเด็กวัด แถวบ้านผมก็มีคนประกอบอาชีพคล้ายๆ นายจุนทสูกริก
ไม่ใช่ฆ่าหมู แต่ฆ่าวัว
ที่ขึ้นชื่อมี ๓ คน ทำงานเป็นทีม
ชื่อตาขีด เป็นหัวหน้า อีก ๒ คนชื่อตาเลี่ยม กับตามี
คนเจ้าบทเจ้ากลอนพื้นบ้านได้ผูกคำคล้องจองบรรยายลักษณะการทำงานของสามสหายเอาไว้ดังนี้ -
ตาขีดคนตี
ตามีคนปาด
เลือดไหลราด
ตาเลี่ยมคนรอ* (ถือชามรอคอยรองเลือดวัว)
งัวร้องมอ
ตาขีดว่าอ้อยังไม่ตาย
ลองไปถามคนเก่าๆ รุ่นก่อนผมขึ้นไปดูเถิด
หลายคนยังจำได้ติดปากมาจนทุกวันนี้
คนทั้ง ๓ นี้ผมทันได้เห็นตัวจริง และทันได้รู้ชะตากรรมในบั้นปลายชีวิต
แต่ละคน ก่อนตายร้องเหมือนวัวถูกเชือด !!!
ผมโชคดีที่ได้ศึกษาคัมภีร์ที่ท่านบันทึกเรื่องผลบุญผลบาปไว้
โชคดีที่ได้ทันรู้ทันเห็นชีวิตคนร่วมสมัยที่ได้รับผลตรงกับที่คัมภีร์บอก
สำหรับผม ไม่จำเป็นต้องเชื่อคัมภีร์ก็ได้
แต่สำหรับคนอื่นๆ
ผมไม่ทราบ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๗ เมษายน ๒๕๕๗
[ ๛ เรื่องนายจุนท์คนฆ่าหมู ๛] จะรอให้เจอของจริงก่อนก็ได้
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าเอ่ยชื่อ “นายจุนทสูกริก”
นักเรียนบาลีต้องรู้จักทุกคน
แต่ท่านที่ไม่คุ้นกับบาลีจะเริ่มงงตั้งแต่เห็นชื่อ
ญาติคนหนึ่งของผมอ่านชื่อนี้ว่า จุน-ทะ-สู-กฺริก
กฺริก ระดับเสียงแบบคำว่า กริช หรือ เงียบกริบ นั่นแหละครับ
คำนี้อ่านว่า จุน-ทะ-สู-กะ-ริก ครับ
-กะ-ริก ไม่ใช่ กฺริก
สูกริก มาจาก สูกร + อิก
สูกร ก็คำเดียวกับ สุกร - หมาน้อยธรรมดา ในเพลงผู้ใหญ่ลีนั่นแหละ
เราใช้ว่า “สุกร” แต่บาลีเป็น “สูกร”
ไทยเป็น สุ- บาลีเป็น สู-
ชื่อจริงของนายคนนี้คือ “จุนทะ” คำว่า “สูกริก” เป็นสมญานาม
เรียกอย่างไทยๆ ก็น่าจะเป็น - นายจุนท์คนฆ่าหมู - ประมาณนี้
เรื่องนายจุนทสูกริกอยู่ในคัมภีร์ธรรมบท ภาค ๑
“ธรรมบท” ที่ว่านี้เป็นคัมภีร์ภาษาบาลี ชื่อ “ธัมมปทัฏฐกถา” แบ่งเป็น ๘ ภาค
คณะสงฆ์กำหนดให้เป็นแบบเรียนแปลมคธเป็นไทยชั้นประโยค ๓
สมัยผมเรียนบาลีไม่มีประโยค ๑-๒ เหมือนสมัยนี้ แต่ต้องเรียนไวยากรณ์ ๒ ปี แล้วจึงแปลธรรมบทสอบประโยค ๓
นายจุนทสูกริกเป็นชาวเมืองราชคฤห์ เป็นบุคคลร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า ประกอบอาชีพทางฆ่าหมูขาย
เลี้ยงเอง ฆ่าเอง กินเอง ขายเอง ครบวงจร
กรรมวิธีฆ่าหมูของนายจุนทสูกริกนั้นสยดสยองยิ่งนัก
ผมขออนุญาตลำดับความตามขั้นตอนที่ท่านบรรยายไว้ในคัมภีร์ให้ดูกันนะครับว่าทำอย่างไร
ขอประทานโทษท่านสุภาพสตรี กรุณาหลับตาครับ
(๑) มัดตัวที่จะเชือดเข้ากับหลักที่เตรียมไว้ (มัดชนิดที่ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด)
(๒) ทุบด้วยค้อนสี่เหลี่ยมเพื่อให้เนื้อพองหนาขึ้น
(๓) พอเห็นว่าบวมได้ที่แล้ว ก็ง้างปาก สอดไม้เข้าไปค้ำปากให้อ้าค้างไว้
(๔) กรอกน้ำร้อนที่เดือดๆ เข้าไปในปาก
น้ำร้อนนั้นจะเข้าไปพล่านในท้อง ขับขี้แก่ขี้อ่อนออกมาทางทวารหนัก
(๕) กรอกน้ำร้อนใส่ปากไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำที่ไหลออกทางทวารจะใส
(๖) ต่อจากนั้นราดน้ำร้อนอาบตัวสุกรเพื่อลอกหนังให้สะอาด
(๗) เอาหญ้ามัดเป็นคบเพลิงจุดไฟลนขนให้เกลี้ยงทั้งตัว
(๘) ใช้มีดคมๆ ตัดศีรษะแบบฉับเดียวขาด
(๙) เอาชามรองเลือดไว้
ลองนึกไปด้วยนะครับว่า เริ่มต้นตั้งแต่หมูยังเป็นๆ อยู่
หมูจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสปานไหน กว่าจะถึงขั้นตอนสุดท้าย
สมัยเรียนแปลเรื่องนี้ ใจมุ่งไปที่ความยากง่ายของภาษา ไม่ค่อยได้คิดถึงตื้นลึกของเรื่องราว
พูดง่ายๆ มุ่งจะแปลภาษา ไม่ได้มุ่งธรรมะ
พอจับอ่านโดยมุ่งธรรมะ จึงได้รู้สึกว่า กรรมวิธีฆ่าหมูของนายจุนทสูกริกนั้นอภิมหาโหดจริงๆ
บั้นปลายชีวิตนายจุนทสูกริก
ส่วนที่จะกินเอง นายจุนทสูกริกก็ชำแหละเอาเนื้อเคล้ากับเลือดแล้วปิ้ง ย่าง หรือทอดรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากับบุตรภรรยา
บั้นปลายชีวิต นายจุนทสูกริกป่วยร้องเหมือนหมูถูกเชือดอยู่ ๗ วันจึงตาย
สมัยเป็นเด็กวัด แถวบ้านผมก็มีคนประกอบอาชีพคล้ายๆ นายจุนทสูกริก
ไม่ใช่ฆ่าหมู แต่ฆ่าวัว
ที่ขึ้นชื่อมี ๓ คน ทำงานเป็นทีม
ชื่อตาขีด เป็นหัวหน้า อีก ๒ คนชื่อตาเลี่ยม กับตามี
คนเจ้าบทเจ้ากลอนพื้นบ้านได้ผูกคำคล้องจองบรรยายลักษณะการทำงานของสามสหายเอาไว้ดังนี้ -
ตาขีดคนตี
ตามีคนปาด
เลือดไหลราด
ตาเลี่ยมคนรอ* (ถือชามรอคอยรองเลือดวัว)
งัวร้องมอ
ตาขีดว่าอ้อยังไม่ตาย
ลองไปถามคนเก่าๆ รุ่นก่อนผมขึ้นไปดูเถิด
หลายคนยังจำได้ติดปากมาจนทุกวันนี้
คนทั้ง ๓ นี้ผมทันได้เห็นตัวจริง และทันได้รู้ชะตากรรมในบั้นปลายชีวิต
แต่ละคน ก่อนตายร้องเหมือนวัวถูกเชือด !!!
ผมโชคดีที่ได้ศึกษาคัมภีร์ที่ท่านบันทึกเรื่องผลบุญผลบาปไว้
โชคดีที่ได้ทันรู้ทันเห็นชีวิตคนร่วมสมัยที่ได้รับผลตรงกับที่คัมภีร์บอก
สำหรับผม ไม่จำเป็นต้องเชื่อคัมภีร์ก็ได้
แต่สำหรับคนอื่นๆ
ผมไม่ทราบ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๗ เมษายน ๒๕๕๗