สวัสดีค่ะ วันนี้มีเวลาจึงขอแชร์ประสบการณ์ตรงเรื่องสุนัขของตนเองที่เคยป่วยค่ะ เริ่มจากช่วงเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 ได้ซื้อสุนัขพันธ์ุไทยหลังอานจากฟาร์มย่านงามวงศ์วาน อายุราว 2 เดือนนิดๆ เพศผู้ ยังไม่ได้ทำวัคซีน เพื่อประสงค์ให้ญาตินำไปเลี้ยงตามที่ท่านอยากได้
สุนัขหน้าตาหน้ารักมาก นิสัยขี้เล่นจัดได้ว่าดื้อมาก ดูไม่ออกเลยว่าเป็นสุนัขป่วย
พ่อค้าแจ้งว่าสุนัขตัวนี้มีซีสต์อยู่ที่ท้ายทอย(ก้อนเนื้อเยื่ออันเกิดจากการย้อนของขนช่วงอาน) แนะนำให้เราไปผ่าออกเพื่อป้องกันการอักเสบในอนาคตดังนั้นจึงควรผ่าเลยแล้วค่อยเริ่มทำวัคซีน พร้อมแนะนำให้ไปผ่าคลีนิคแห่งหนึ่งย่านสะพานควาย (ส่วนตัวเราคิดว่าควรจะทำวัคซีนก่อนค่อยคิดเรื่องผ่าเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน) เราไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เลยจึงเลือกที่จะเชื่อพ่อค้าคนนี้โดยเห็นว่าเค้ามีประสบการณ์มากกว่า จึงตัดสินใจไปผ่าในวันพรุ่งนี้และจะนำสุนัขไปให้ญาติเป็นของขวัญหลังจากแผลหาย ในคืนนั้นลูกสุนัขก็เกิดอาการเหมือนจะอาเจียรขึ้นมา 1 รอบแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา เราคิดว่าอาจจจะมีอะไรติดคอ(การแสดงออกของอาการมันน้อยมาก)
พอเช้า(งดอาหารแล้วตั้งแต่เมื่อคืน)เราก็เดินทางไปยังคลีนิคตามที่พ่อค้าแนะนำ หมอขอข้อมูลส่วนตัวของเราผู้เป็นเจ้าของ และทำการวัดไข้ ชั่งน้ำหนักสุนัข ก่อนทำการฉีดยานอนหลับแล้วผ่าซีสต์ออกซึ่งมีทั้งหมด 3 จุด แล้วกลับบ้านได้เลย
ผ่านมา2วันหลังผ่าแผลยังไม่ติดกันแน่นอนและยังไม่ครบวันตัดไหมด้วยซ้ำก็แสดงอาการป่วยออกมาชัดเจนมากขึ้น สุนัขไม่ยอมกินอะไรเลยแม้แต่น้ำ ซึม อ่อนแรง และท้องเสีย ถ่ายออกมาเป็นสีน้ำตาลแดงๆคล้ายเลือด เราเลยพาไปรพส.ที่ใกล้บ้านที่สุดในเช้าของวันต่อมา(เพื่อสะดวกในการไปเยี่ยม) หมอบอกว่าเป็นลำไส้อักเสบต้องนอนรพส.จนกว่าจะหายดี สภาพห้องพักสุนัขด้านล่างคือสภาพที่ปกตินะคะ
โดยปกติเรามาเยี่ยมสุนัขทุกวันในช่วงพักกลางวันหรือช่วงเลิกงาน แต่มีวันหนึ่งเรามาช่วงเช้า(9.45โมง)ก็เลยได้พบสภาพอันแท้จริงของสถานรักษาคือ มียุง แมลงวันหลายสิบตัว บินเกาะตามตัวสุนัขและผ้ารองกันเปื้อนที่แสนจะเลอะ พื้นเจิ่งนองไปด้วยฉี่ปนอึเหลวของสุนัข กลิ่นภายในห้องนั้นอบอวนจนเวียนหัว (เสียดายไม่ได้เก็บภาพไว้ สภาพต่างจากภาพด้านบนจนคิดว่าคนละที่เลยค่ะ) ตลอด4วันสุนัขของเราซึมทรงตัวไม่ดีขึ้นเลยสักนิด (ดูจากใบตรวจอาการประจำวันที่วางบนกรงค่ะ) เราเห็นสภาพสุนัขแล้วก็สงสารและรับไม่ได้กับความไม่สะอาดในระดับนี้ (เราไม่ได้เรื่องมากนะ แต่ค่ารักษาก็เอกชนทำไมความสะอาดถึงกับเราทนไม่ได้หนอ) จึงตัดสินใจพาสุนัขไปรักษาที่รพส.อื่นโดยไม่รอช้า คือภาพด้านล่าง
อาจดูยังมีของวางอยู่เนื่องจากแม่บ้านกำลังทำความสะอาด บริเวณห้องกว้างนะคะแต่เราถ่ายแบบใกล้ๆมารูปเดียว อากาศทั้งภายนอกและภายในรพส.ปลอดโปร่ง ไม่มีกลิ่นสาปแบบนั้นเลยสักนิด ที่สำคัญเพื่อนก็เคยพาสุนัขมารักษาที่นี่ด้วย ต่อมาสุนัขของเราเริ่มเดินเล่นได้บ้างในกรง เมื่อมองตาก็พบว่าตาเริ่มเบิกกว้างขึ้น ทานอาหารเองได้แล้ว เราจึงรู้สึกโล่งใจมาก เมื่อผ่านไปประมาณ3วันสุนัขของเราก็กลับบ้านได้แล้ว เราพาสุนัขกลับมาบ้านพร้อมยา 1 ถุง รวมค่ารักษาทั้ง2แห่งแล้วประมาณหมื่นกว่าๆ
สุนัขตัวน้อยก็เริ่มเดินสำรวจและวิ่งเหยาะๆ หม่ำอาหารได้ดี ร่าเริงและสมบูรณ์ขึ้นตามระยะเวลา
ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน ญาติเพิ่งบอกเราว่าไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้แล้ว เรากลุ้มใจมากเพราะบ้านของแม่ก็เลี้ยงแล้ว 2 ตัว แล้วเจ้าตัวนี้เล่าจะทำอย่างไร จะให้อยู่บ้านกับเราเองก็ไม่มีคนดูแลแน่นอนเพราะเราไปทำงานเช้ามืดกลับก็พระจันทร์ขึ้นแล้วและบางวันก็ไม่ได้กลับ เราจึงพยายามหาบ้านใหม่ให้โดยโพสผ่านพันทิปซึ่งมีผู้ใจบุญหลายท่านสนใจ โดยเฉพาะพี่ชายท่านหนึ่งนามว่าลุงแหลมท่านได้ให้คำแนะนำดีๆหลายอย่างมาก แต่น้องสาวสงสารจึงขอไปให้แฟนเค้าเลี้ยงที่ตจว. แต่ยังไม่ทันได้ไปสุนัขตัวน้อยก็มีเนื้อปูดขึ้นมาตรงกลางหลังเราจึงพาไปรักษาที่คลีนิคเดิมตรงย่านสะพานควาย
หมอบอกว่ามีซีสต์อีก 1 จุดตรงท้ายทอย แต่เนื้อที่ปูดออกมากลางหลังหมอไม่ทราบว่าคืออะไร อาจเป็นการอักเสบจากซีสต์จุดนี้ก็เป็นได้ แต่จะเลาะผ่าออกให้หมด ภาพหลังผ่าคือด้านล่างค่ะ
***ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ทางบ้านรวมถึงเราต้องพบเจอ นั่นคือการอักเสบหลังการผ่าตัด (หลังผ่า 72 ชั่วโมงและแผลนั้นก็พองตัวขึ้นเรื่อยๆจนใหญ่ เหมือนมีของเหลวอยู่ด้านใน) จนต้องต้องพาหมาไปหาหมอที่ รพส. ที่เราพาสุนัขไปรักษาลำไว้อักเสบล่าสุดแล้ว แม้จะแพงแต่มันมีโอกาสหายแน่ๆ นี่คือบทสรุปการประชุมของครอบครัวเราค่ะ
หมอเจาะดูดของเหลวออกด้วยเข็มฉีดยา พร้อมส่งไปเพาะเชื้อว่าเป็นเชื้อตัวไหนจะได้กำหนดยารักษาให้ถูกเชื้อ และนัดหมายผ่าตัด รูปด้านล่างเห็นแล้วนึกถึงโคขุนนิดๆนะคะ
ลักษณะฝีที่คอ
ลักษณะฝีที่หลัง
และก็ถึงวันผ่าค่ะ หมอใช้ยานอนหลับเตรียมผ่าตัดกรีดจากต้นคอ(ด้านหลัง)ยาวลงมาถึงกล่างหลัง เพื่อเลาะฝีที่เกิดจากการอักเสบออกให้หมดซึ่งใช้เวลานานมาก (ผ่าช่วง 6 โมงเย็น) เราตกลงให้หมอช่วยดูแลต่อที่ รพส. โดยหมอจะคอยดูอาการ หากแผลยังมีการติดเชื้อต่อเนื่องหมอจะใช้ยาซึมและเจาะข้างแผลแล้วต่อท่อพลาสติกให้ของเหลวไหลออก ซึ่งในวันผ่าตัดนั้นไหนๆก็ไหนแล้วเราจึงตัดสินใจทำหมันไปด้วยเลย
เมื่อของเหลวไม่ไหลออกแล้วหมอจึงถอดท่อออกและแนะนำให้มารับเพื่อให้ดูแลต่อที่บ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ผ่านมาอีก 7 วัน ปรากฏว่าแผลบวมขึ้นลักษณะคล้ายกับมีของเหลวตรงช่วงหลัง
หมอใช้ยาซึมแล้วเจาะสอดท่ออีกครั้ง หลังจากนี้ครอบครัวเราต้องทำการล้างแผลและบริเวณภายนอกของท่อด้วยน้ำเกลือแล้วเช็ดด้วยเบตาดีน สุดท้ายปิดด้วยผ้าก็อซทุกวัน จนกระทั่งไม่มีของเหลวไหลออกมาจึงถอดท่อได้
7 วันต่อมา เนื้อเยื่อด้านล่างของแผลถูกสร้างขึ้นมาใหม่จนของเหลวไหลออกมาไม่ได้แม้ปากแผลยังเปิดอยู่ คราวนี้หมอจึงใช้วิธีใช้ยานอนหลับเพื่อกรีดตัดเป็นรูโดยเย็บด้วยไหมบริเวณด้านข้างของรูแผลให้ของเหลวไหลออกมาให้หมด ซึ่งเนื้อเยื่อจะเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆแล้วจึงตัดไหมออก ภาพด้านล่างหลังผ่าตัดขณะเดินทางกลับบ้านค่ะ
มาดูลักษณะแผลกันนะคะ เริ่มจากแผลที่คอก่อน
ด้านล่างตรงหลังค่ะ
ด้านล่างคือภาพของเหลวที่ไหลออกมา
ลักษณะแผลที่ใกล้หายจะมีเนื้อเยื่อเกิดขึ้นใหม่มาเติมเต็มในจุดที่ตัดออกไปค่ะ
เพื่อลดค่าใช้จ่าย ครั้งนี้หมอได้สอนวิธีการทำความสะอาดแผลในลักษณะนี้อย่างละเอียดคือ
1. ถอดผ้าก็อซที่พันรอบตัวสุนัขและดึงหมุดออกจากแผล พร้อมสังเกตของเหลวที่ไหลออกมาว่ามากน้อบเพียงใด
2. ทำความสะอาดแผลและรอบข้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด ตามด้วยน้ำเกลือ และปิดท้ายด้วยเบตาดีน
3. เอาแผ่นผ้าก็อซชุบเบตาดีนแล้วยัดลงในรูแผลให้เต็ม เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อใต้รูแผลติดกันก่อนของเหลวไหลออกหมดเช่นกรณีสอดท่อ
4. ปิดแผลด้วยผ้าก็อซ โดยพันรอบตัวสุนัขเพื่อปิดบริเวณแผลให้ทั่ว แล้วติดด้วยผ้าเทป
5. อย่าลืมบันทึกภาพส่งไลน์ไปยัง รพส. เพื่อให้หมอประเมินลักษณะแผลทุกวัน
โชคดีบ้านเรามีเบตาดีนและน้ำเกลือขวดใหญ่จึงไม่ต้องซื้อ แล้วเราก็ไปร้านขายส่งยาแถวบ้าน อุปกรณ์ทำแผลบางอย่างของสุนัขค่อนข้างแพงเช่นเทปพันแผลแบบไม่ติดขนเราไม่รู้ที่ไหนขายราคาถูก เราจึงต้องใช้ผ้าก็อซม้วนใหญ่ของคนมาพันแทนแล้วเอาผ้าเทปชนิดผ้าติดเอา(แหล่งที่มาของภาพ women.thaiza.com, .mcproducts.co.th, b2bthai.com, static.weloveshopping.com, i01.i.aliimg.com)
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แผลทุกที่ตัดไหมได้ก็มาเป็นฝีตรงใกล้ๆสะโพกอีก หมอใช้ยานอนหลับแล้วเจาะรูดังวิธีล่าสุด
ยอมรับว่าเหนื่อยมากค่ะกับการปฐมพยาบาล ป้อนยา เช็ดตัว และอื่นๆ (ยาของสุนัขแพงมาก แรกๆหมอให้ฉีดยาฆ่าเชื้อฝีตามผลเพาะเชื้อ แต่รถเรายังจอดซ่อมที่อู่หลังเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่การเดินทางจึงลำบากมาก บางครั้งเราต้องนั่งสองแถวไปต่อแท็กซี่ไปรพส. หมอจึงแนะนำให้ใช้ยากินแทน เม็ดละ 150 บาท กินทุกวันจนยาทุกประเภทหมด) ระยะเวลาการรักษาฝีจนหาย ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ค่าใช้จ่ายรวมทุกสิ่งอย่างทั้งค่ารถเดินทาง ค่ารักษา และซื้ออุปกรณ์ทำแผล เกือบสี่หมื่น (ฮือๆ)
เรื่องปิดท้ายค่ะ ขาหลังเค้าเดินเหมือนเจ็บจึงเอกซ์เรย์พบว่าสะโพกเคลื่อน 1 ข้าง ทางบ้านเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงสุนัขตัวนี้เพิ่มอีกตัว แม้จะมีหลังที่ไม่สวยมีแผลเป็นหลายจุด ข้อสะโพกไม่ดี แต่เราจะไม่ทิ้งเค้าแน่นอนค่ะ สุดท้ายขออโหสิกรรมให้พ่อค้ารวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงทุกท่าน ขอขอบคุณทีม สพ. เพื่อนๆ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้เลี้ยงสุนัขทุกท่านเมื่อสุนัขของท่านเจ็บป่วยโปรดอย่าทอดทิ้งเขานะคะ
ขอแชร์ประสบการณ์สุนัขเป็นฝีและลำไส้อักเสบค่ะ
สุนัขหน้าตาหน้ารักมาก นิสัยขี้เล่นจัดได้ว่าดื้อมาก ดูไม่ออกเลยว่าเป็นสุนัขป่วย
พ่อค้าแจ้งว่าสุนัขตัวนี้มีซีสต์อยู่ที่ท้ายทอย(ก้อนเนื้อเยื่ออันเกิดจากการย้อนของขนช่วงอาน) แนะนำให้เราไปผ่าออกเพื่อป้องกันการอักเสบในอนาคตดังนั้นจึงควรผ่าเลยแล้วค่อยเริ่มทำวัคซีน พร้อมแนะนำให้ไปผ่าคลีนิคแห่งหนึ่งย่านสะพานควาย (ส่วนตัวเราคิดว่าควรจะทำวัคซีนก่อนค่อยคิดเรื่องผ่าเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน) เราไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เลยจึงเลือกที่จะเชื่อพ่อค้าคนนี้โดยเห็นว่าเค้ามีประสบการณ์มากกว่า จึงตัดสินใจไปผ่าในวันพรุ่งนี้และจะนำสุนัขไปให้ญาติเป็นของขวัญหลังจากแผลหาย ในคืนนั้นลูกสุนัขก็เกิดอาการเหมือนจะอาเจียรขึ้นมา 1 รอบแต่ก็ไม่มีอะไรออกมา เราคิดว่าอาจจจะมีอะไรติดคอ(การแสดงออกของอาการมันน้อยมาก)
พอเช้า(งดอาหารแล้วตั้งแต่เมื่อคืน)เราก็เดินทางไปยังคลีนิคตามที่พ่อค้าแนะนำ หมอขอข้อมูลส่วนตัวของเราผู้เป็นเจ้าของ และทำการวัดไข้ ชั่งน้ำหนักสุนัข ก่อนทำการฉีดยานอนหลับแล้วผ่าซีสต์ออกซึ่งมีทั้งหมด 3 จุด แล้วกลับบ้านได้เลย
ผ่านมา2วันหลังผ่าแผลยังไม่ติดกันแน่นอนและยังไม่ครบวันตัดไหมด้วยซ้ำก็แสดงอาการป่วยออกมาชัดเจนมากขึ้น สุนัขไม่ยอมกินอะไรเลยแม้แต่น้ำ ซึม อ่อนแรง และท้องเสีย ถ่ายออกมาเป็นสีน้ำตาลแดงๆคล้ายเลือด เราเลยพาไปรพส.ที่ใกล้บ้านที่สุดในเช้าของวันต่อมา(เพื่อสะดวกในการไปเยี่ยม) หมอบอกว่าเป็นลำไส้อักเสบต้องนอนรพส.จนกว่าจะหายดี สภาพห้องพักสุนัขด้านล่างคือสภาพที่ปกตินะคะ
โดยปกติเรามาเยี่ยมสุนัขทุกวันในช่วงพักกลางวันหรือช่วงเลิกงาน แต่มีวันหนึ่งเรามาช่วงเช้า(9.45โมง)ก็เลยได้พบสภาพอันแท้จริงของสถานรักษาคือ มียุง แมลงวันหลายสิบตัว บินเกาะตามตัวสุนัขและผ้ารองกันเปื้อนที่แสนจะเลอะ พื้นเจิ่งนองไปด้วยฉี่ปนอึเหลวของสุนัข กลิ่นภายในห้องนั้นอบอวนจนเวียนหัว (เสียดายไม่ได้เก็บภาพไว้ สภาพต่างจากภาพด้านบนจนคิดว่าคนละที่เลยค่ะ) ตลอด4วันสุนัขของเราซึมทรงตัวไม่ดีขึ้นเลยสักนิด (ดูจากใบตรวจอาการประจำวันที่วางบนกรงค่ะ) เราเห็นสภาพสุนัขแล้วก็สงสารและรับไม่ได้กับความไม่สะอาดในระดับนี้ (เราไม่ได้เรื่องมากนะ แต่ค่ารักษาก็เอกชนทำไมความสะอาดถึงกับเราทนไม่ได้หนอ) จึงตัดสินใจพาสุนัขไปรักษาที่รพส.อื่นโดยไม่รอช้า คือภาพด้านล่าง
อาจดูยังมีของวางอยู่เนื่องจากแม่บ้านกำลังทำความสะอาด บริเวณห้องกว้างนะคะแต่เราถ่ายแบบใกล้ๆมารูปเดียว อากาศทั้งภายนอกและภายในรพส.ปลอดโปร่ง ไม่มีกลิ่นสาปแบบนั้นเลยสักนิด ที่สำคัญเพื่อนก็เคยพาสุนัขมารักษาที่นี่ด้วย ต่อมาสุนัขของเราเริ่มเดินเล่นได้บ้างในกรง เมื่อมองตาก็พบว่าตาเริ่มเบิกกว้างขึ้น ทานอาหารเองได้แล้ว เราจึงรู้สึกโล่งใจมาก เมื่อผ่านไปประมาณ3วันสุนัขของเราก็กลับบ้านได้แล้ว เราพาสุนัขกลับมาบ้านพร้อมยา 1 ถุง รวมค่ารักษาทั้ง2แห่งแล้วประมาณหมื่นกว่าๆ
สุนัขตัวน้อยก็เริ่มเดินสำรวจและวิ่งเหยาะๆ หม่ำอาหารได้ดี ร่าเริงและสมบูรณ์ขึ้นตามระยะเวลา
ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน ญาติเพิ่งบอกเราว่าไม่สามารถเลี้ยงสุนัขได้แล้ว เรากลุ้มใจมากเพราะบ้านของแม่ก็เลี้ยงแล้ว 2 ตัว แล้วเจ้าตัวนี้เล่าจะทำอย่างไร จะให้อยู่บ้านกับเราเองก็ไม่มีคนดูแลแน่นอนเพราะเราไปทำงานเช้ามืดกลับก็พระจันทร์ขึ้นแล้วและบางวันก็ไม่ได้กลับ เราจึงพยายามหาบ้านใหม่ให้โดยโพสผ่านพันทิปซึ่งมีผู้ใจบุญหลายท่านสนใจ โดยเฉพาะพี่ชายท่านหนึ่งนามว่าลุงแหลมท่านได้ให้คำแนะนำดีๆหลายอย่างมาก แต่น้องสาวสงสารจึงขอไปให้แฟนเค้าเลี้ยงที่ตจว. แต่ยังไม่ทันได้ไปสุนัขตัวน้อยก็มีเนื้อปูดขึ้นมาตรงกลางหลังเราจึงพาไปรักษาที่คลีนิคเดิมตรงย่านสะพานควาย
หมอบอกว่ามีซีสต์อีก 1 จุดตรงท้ายทอย แต่เนื้อที่ปูดออกมากลางหลังหมอไม่ทราบว่าคืออะไร อาจเป็นการอักเสบจากซีสต์จุดนี้ก็เป็นได้ แต่จะเลาะผ่าออกให้หมด ภาพหลังผ่าคือด้านล่างค่ะ
***ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่ทางบ้านรวมถึงเราต้องพบเจอ นั่นคือการอักเสบหลังการผ่าตัด (หลังผ่า 72 ชั่วโมงและแผลนั้นก็พองตัวขึ้นเรื่อยๆจนใหญ่ เหมือนมีของเหลวอยู่ด้านใน) จนต้องต้องพาหมาไปหาหมอที่ รพส. ที่เราพาสุนัขไปรักษาลำไว้อักเสบล่าสุดแล้ว แม้จะแพงแต่มันมีโอกาสหายแน่ๆ นี่คือบทสรุปการประชุมของครอบครัวเราค่ะ
หมอเจาะดูดของเหลวออกด้วยเข็มฉีดยา พร้อมส่งไปเพาะเชื้อว่าเป็นเชื้อตัวไหนจะได้กำหนดยารักษาให้ถูกเชื้อ และนัดหมายผ่าตัด รูปด้านล่างเห็นแล้วนึกถึงโคขุนนิดๆนะคะ
ลักษณะฝีที่คอ
ลักษณะฝีที่หลัง
และก็ถึงวันผ่าค่ะ หมอใช้ยานอนหลับเตรียมผ่าตัดกรีดจากต้นคอ(ด้านหลัง)ยาวลงมาถึงกล่างหลัง เพื่อเลาะฝีที่เกิดจากการอักเสบออกให้หมดซึ่งใช้เวลานานมาก (ผ่าช่วง 6 โมงเย็น) เราตกลงให้หมอช่วยดูแลต่อที่ รพส. โดยหมอจะคอยดูอาการ หากแผลยังมีการติดเชื้อต่อเนื่องหมอจะใช้ยาซึมและเจาะข้างแผลแล้วต่อท่อพลาสติกให้ของเหลวไหลออก ซึ่งในวันผ่าตัดนั้นไหนๆก็ไหนแล้วเราจึงตัดสินใจทำหมันไปด้วยเลย
เมื่อของเหลวไม่ไหลออกแล้วหมอจึงถอดท่อออกและแนะนำให้มารับเพื่อให้ดูแลต่อที่บ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ผ่านมาอีก 7 วัน ปรากฏว่าแผลบวมขึ้นลักษณะคล้ายกับมีของเหลวตรงช่วงหลัง
หมอใช้ยาซึมแล้วเจาะสอดท่ออีกครั้ง หลังจากนี้ครอบครัวเราต้องทำการล้างแผลและบริเวณภายนอกของท่อด้วยน้ำเกลือแล้วเช็ดด้วยเบตาดีน สุดท้ายปิดด้วยผ้าก็อซทุกวัน จนกระทั่งไม่มีของเหลวไหลออกมาจึงถอดท่อได้
7 วันต่อมา เนื้อเยื่อด้านล่างของแผลถูกสร้างขึ้นมาใหม่จนของเหลวไหลออกมาไม่ได้แม้ปากแผลยังเปิดอยู่ คราวนี้หมอจึงใช้วิธีใช้ยานอนหลับเพื่อกรีดตัดเป็นรูโดยเย็บด้วยไหมบริเวณด้านข้างของรูแผลให้ของเหลวไหลออกมาให้หมด ซึ่งเนื้อเยื่อจะเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆแล้วจึงตัดไหมออก ภาพด้านล่างหลังผ่าตัดขณะเดินทางกลับบ้านค่ะ
มาดูลักษณะแผลกันนะคะ เริ่มจากแผลที่คอก่อน
ด้านล่างตรงหลังค่ะ
ด้านล่างคือภาพของเหลวที่ไหลออกมา
ลักษณะแผลที่ใกล้หายจะมีเนื้อเยื่อเกิดขึ้นใหม่มาเติมเต็มในจุดที่ตัดออกไปค่ะ
เพื่อลดค่าใช้จ่าย ครั้งนี้หมอได้สอนวิธีการทำความสะอาดแผลในลักษณะนี้อย่างละเอียดคือ
1. ถอดผ้าก็อซที่พันรอบตัวสุนัขและดึงหมุดออกจากแผล พร้อมสังเกตของเหลวที่ไหลออกมาว่ามากน้อบเพียงใด
2. ทำความสะอาดแผลและรอบข้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด ตามด้วยน้ำเกลือ และปิดท้ายด้วยเบตาดีน
3. เอาแผ่นผ้าก็อซชุบเบตาดีนแล้วยัดลงในรูแผลให้เต็ม เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อใต้รูแผลติดกันก่อนของเหลวไหลออกหมดเช่นกรณีสอดท่อ
4. ปิดแผลด้วยผ้าก็อซ โดยพันรอบตัวสุนัขเพื่อปิดบริเวณแผลให้ทั่ว แล้วติดด้วยผ้าเทป
5. อย่าลืมบันทึกภาพส่งไลน์ไปยัง รพส. เพื่อให้หมอประเมินลักษณะแผลทุกวัน
โชคดีบ้านเรามีเบตาดีนและน้ำเกลือขวดใหญ่จึงไม่ต้องซื้อ แล้วเราก็ไปร้านขายส่งยาแถวบ้าน อุปกรณ์ทำแผลบางอย่างของสุนัขค่อนข้างแพงเช่นเทปพันแผลแบบไม่ติดขนเราไม่รู้ที่ไหนขายราคาถูก เราจึงต้องใช้ผ้าก็อซม้วนใหญ่ของคนมาพันแทนแล้วเอาผ้าเทปชนิดผ้าติดเอา(แหล่งที่มาของภาพ women.thaiza.com, .mcproducts.co.th, b2bthai.com, static.weloveshopping.com, i01.i.aliimg.com)
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แผลทุกที่ตัดไหมได้ก็มาเป็นฝีตรงใกล้ๆสะโพกอีก หมอใช้ยานอนหลับแล้วเจาะรูดังวิธีล่าสุด
ยอมรับว่าเหนื่อยมากค่ะกับการปฐมพยาบาล ป้อนยา เช็ดตัว และอื่นๆ (ยาของสุนัขแพงมาก แรกๆหมอให้ฉีดยาฆ่าเชื้อฝีตามผลเพาะเชื้อ แต่รถเรายังจอดซ่อมที่อู่หลังเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่การเดินทางจึงลำบากมาก บางครั้งเราต้องนั่งสองแถวไปต่อแท็กซี่ไปรพส. หมอจึงแนะนำให้ใช้ยากินแทน เม็ดละ 150 บาท กินทุกวันจนยาทุกประเภทหมด) ระยะเวลาการรักษาฝีจนหาย ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ค่าใช้จ่ายรวมทุกสิ่งอย่างทั้งค่ารถเดินทาง ค่ารักษา และซื้ออุปกรณ์ทำแผล เกือบสี่หมื่น (ฮือๆ)
เรื่องปิดท้ายค่ะ ขาหลังเค้าเดินเหมือนเจ็บจึงเอกซ์เรย์พบว่าสะโพกเคลื่อน 1 ข้าง ทางบ้านเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงสุนัขตัวนี้เพิ่มอีกตัว แม้จะมีหลังที่ไม่สวยมีแผลเป็นหลายจุด ข้อสะโพกไม่ดี แต่เราจะไม่ทิ้งเค้าแน่นอนค่ะ สุดท้ายขออโหสิกรรมให้พ่อค้ารวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงทุกท่าน ขอขอบคุณทีม สพ. เพื่อนๆ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้เลี้ยงสุนัขทุกท่านเมื่อสุนัขของท่านเจ็บป่วยโปรดอย่าทอดทิ้งเขานะคะ