พราหมณ์สอน = อัตตา = ตัวตนถาวร = มีการเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า = สัสสตทิฏฐิ (ความเห็นผิดว่ามีตัวตนมาสืบต่อไว้เรื่อยไป) = มีแต่ศรัทธา = ไม่มีปัญญา = ดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ได้
บางลัทธิในสมัยพุทธกาลสอน = นิรัตตา = ไม่มีตัวตนเลย = ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า ไม่มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า = อุจเฉททิฏฐิ (ความเห็นผิดว่าขาดสูญทำดีหรือชั่วไม่ต้องรับผล) = มีแต่ศรัทธา = ไม่มีปัญญา = ดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ได้
พระพุทธเจ้าสอน = อนัตตา = สิ่งปรุงแต่ง = ตัวตนชั่วคราว = ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า ไม่มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า= ทำกรรมจะได้รับผลในขณะที่ทำ (สวรรค์ในอก นรกในใจ) = สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติ) = มีปัญญา = ดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันได้
เมื่อจิตเป็นอนัตตาจะไม่มีเรื่องเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อมารับผลกรรมเก่า
บางลัทธิในสมัยพุทธกาลสอน = นิรัตตา = ไม่มีตัวตนเลย = ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า ไม่มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า = อุจเฉททิฏฐิ (ความเห็นผิดว่าขาดสูญทำดีหรือชั่วไม่ต้องรับผล) = มีแต่ศรัทธา = ไม่มีปัญญา = ดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ได้
พระพุทธเจ้าสอน = อนัตตา = สิ่งปรุงแต่ง = ตัวตนชั่วคราว = ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับผลกรรมเก่า ไม่มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า= ทำกรรมจะได้รับผลในขณะที่ทำ (สวรรค์ในอก นรกในใจ) = สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติ) = มีปัญญา = ดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันได้