ม่อนว่าเดี่ยวนี้ ธุรกิจแปลกๆพยามจะเอาเข้าตลาดหุ้นกันมากเหลือเกิน อ่านกันดูน่ะจั้ะ

กระทู้สนทนา
09:16  22/05/2015  
(RPT)INTERVIEW:mai ดึงธุรกิจใหม่เข้าตลาด, สโมสรฟุตบอลไทย-กีฬา ระดมทุน  

* ดึงธุรกิจใหม่เข้าระดมทุน, ทีมฟุตบอลไทย-มวย-กอล์ฟ-ความงาม
* สโมสรฟุตบอลไทย 2-3 ทีม สนใจ,"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"ตั้ง FA แล้ว
* ร่วมบลจ.กรุงไทย-บัวหลวง ออกกองทุนที่ลงทุนหุ้นเฉพาะ MAI,คาดขาย H2
* คาดปีนี้มีหุ้น IPO เข้าซื้อขายราว 20 บริษัท ใกล้เคียงปีก่อน
* มองตลาดหุ้นที่ผันผวนช่วงนี้ กระทบต่อหุ้น IPO ในระยะสั้น

(ข่าวนี้ส่งครั้งแรกเมื่อ 21 พ.ค.)

โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร, วิภารัตน์ จันทราประภาเวช

กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--รอยเตอร์

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) เผยจะดึงธุรกิจใหม่เข้ามา
จดทะเบียน ทั้งสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ผู้จัดอีเว้นท์มวย, กอล์ฟ รวมถึง
ธุรกิจด้านความงาม และธุรกิจเพื่อสังคม เพื่อสร้าง"ความแตกต่าง"จากบริษัทที่
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)
จุดมุ่งหมายดังกล่าว เป็นไปตามแผนดำเนินงาน 5 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 57
โดยขณะนี้มีสโมสรฟุตบอลไทย แสดงความสนใจแล้ว 2-3 ทีม ใน
จำนวนนี้รวมถึงบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งได้แต่งตั้งที่ปรึกษาการเงินแล้ว และคาดว่า
จะเข้าจดทะเบียนได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
"เราอยากเห็น business model ประเภท SMEs champion
เข้ามาจดทะเบียน เพื่อจะให้ positioning ของ mai และ SET แตกต่างกัน
ซึ่งทีมฟุตบอลถือเป็น business model ในเรื่องของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง"
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาด mai กล่าวกับ"รอยเตอร์"
"นอกจากนี้ ยังมีมวยที่จะเข้ามา รวมถึงกอล์ฟ และช่องทีวีที่เกี่ยวข้องกับ
กีฬา เราก็มีการติดต่อพูดคุยกันอยู่" เขากล่าว
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย เช่น ร้านอาหารหลายๆแบรนด์ที่สนใจ
เช่น อาฟเตอร์ ยู รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับความงาม และธุรกิจเพื่อสังคม ซึ่งจะเป็นธุรกิจ
ที่สร้างกำไร ขณะเดียวกัน ก็จะนำผลกำไรตอบแทนคืนสู่สังคม เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
กับอาหารเพื่อสุขภาพ
เขา กล่าวว่า ในส่วนการนำทีมฟุตบอลของไทยเข้าจดทะเบียนในตลาด mai
นั้น ก็มีทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งได้แต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาการเงิน
แล้ว และคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะนำเข้าจดทะเบียนได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่าง
การจัดโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งจะมีการนำร้านของขายที่ระลึกของสโมสรเข้ามารวมด้วย
รวมถึงอาจจะนำโรงแรมเข้ามาร่วมด้วย
ขณะนี้ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง
เป็นประธานสโมสร โดยทีมนี้อยู่ในอันดับต้นๆของไทยพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นการแข่งขัน
ฟุตบอลลีกอาชีพระดับสูงสุดของไทย
นายประพันธ์ กล่าวว่า การนำทีมฟุตบอลเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยนั้น
เป็นลักษณะเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่มีทีมสโมสรฟุตบอลเข้าจดทะเบียน และ
มองว่าการที่ทีมฟุตบอลเข้าจดทะเบียน จะทำให้มีผู้ถือหุ้นเป็นนักลงทุนรายย่อยจำนวน
มาก เพราะเป็นแฟนฟุตบอลที่เข้ามาลงทุน ซึ่งจะเป็นการขยายฐานนักลงทุนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความยากของการนำทีมฟุตบอลเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น
จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบบัญชี ซึ่งจะประเมินมูลค่าของบริษัท โดยพิจารณาจาก
นักฟุตบอล ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่
เขา กล่าวอีกว่า จะผลักดันกลุ่มธุรกิจครอบครัว เข้ามาจดทะเบียนใน
ตลาดหุ้นอีกด้วย โดยมองว่าทายาทผู้สืบทอดธุรกิจในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีแนวคิด
การทำธุรกิจอย่างมีระบบ และพร้อมจะใช้ตลาดทุนในการระดมทุน เพื่อขยายธุรกิจ
ในส่วนการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศนั้น
เขา กล่าวว่าได้หารือกับบลจ.กรุงไทย และบลจ.บัวหลวง เพื่อจะออกกองทุนรวมที่
ลงทุนในหุ้นที่อยู่ในตลาด mai โดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้
ประมาณครึ่งหลังปีนี้ โดยจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน
เข้ามาซื้อขายได้
เขา กล่าวอีกว่า ในส่วนนักลงทุนต่างชาตินั้น การจะเข้าลงทุนจะพิจารณา
มาร์เก็ตแคปของหุ้น และมูลค่าการซื้อขายต่อวัน ซึ่งจากข้อมูลของตลาด mai พบว่า
สิ้นปี 57 มีหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปเกินกว่า 3 พันล้านบาทอยู่จำนวน 27
บริษัท จากทั้งหมด 109 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ซึ่งมีหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปเกินกว่า
3 พันล้านบาท เพียง 7 บริษัท
สาเหตุทีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันในแง่
ปัจจัยพื้นฐานด้านผลประกอบการของบริษัท ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับการซื้อขายในตลาด mai พบว่ามูลค่าซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันในปีนี้
อยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท จาก 3 พันล้านบาทต่อวันในปีก่อน ขณะที่ในช่วง 5
ปีที่แล้ว มีมูลค่าการซื้อขาย 500 ล้านบาทต่อวัน
ผู้จัดการตลาด mai กล่าวอีกว่า อัตราส่วนราคาต่อกำไร(พี/อี เรโช)
ของตลาด mai ซึ่งอยู่ที่ประมาณกว่า 70 เท่าในขณะนี้นั้น เนื่องจากมีการนำหุ้น
จำนวนประมาณ 25% ในตลาด mai ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4 ไตรมาสติดต่อกัน
มาคำนวณด้วย แต่หากตัดในส่วนนี้ จะมีค่าพี/อี เหลืออยู่ที่ 35-40 เท่า

**คาดหุ้น IPO ปีนี้เข้าเทรดราว 20 บริษัท

นายประพันธ์ คาดว่าจะมีหุ้นเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้ประชาชนทั่วไป
(IPO) เข้าซื้อขายในปีนี้ประมาณ 20 บริษัท ใกล้เคียงปีก่อน โดยในครึ่งปีแรก
จะมีเข้าจดทะเบียน 4 บริษัท ส่วนที่เหลืออีก 16 บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียน
ในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ส่วนใหญ่หุ้น IPO จะเข้าซื้อขายมากช่วงปลายปี
สาเหตุเนื่องจากบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้น รอให้ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นชอบ
งบการเงินประจำปี ก่อนจะยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ซึ่งส่วนใหญ่จะยื่นแบบประมาณเดือนเม.ย.หรือ
พ.ค. หลังจากนั้น ก.ล.ต.จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 4 เดือน
ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ มีหุ้นเข้าตลาด mai แล้ว 3 บริษัท ประกอบด้วย
บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้งTPCH, บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์NDR
และบมจ.ทีวี ธันเดอร์TVT
เขา กล่าวว่า ในส่วนมาร์เก็ตแคปจากหุ้น IPO ในปีนี้ ตั้งเป้าหมายว่า
จะอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท โดย 3 บริษัทที่เข้ามาซื้อขายแล้วนั้น มีมาร์เก็ตแคป
รวมกันราว 7 พันล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย โดยหุ้นที่เข้ามา
จำนวนมากในปีนี้ จะเป็นธุรกิจโลจิติกส์ซึ่งมี 3 บริษัท และพลังงานทางเลือก
ขณะที่แผน 5 ปีที่กำหนดไว้ว่า จะมีหุ้น IPO เข้ามาซื้อขายจำนวน 100
บริษัทนั้น เขายังเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะเมื่อพิจารณางานในมือของ
ที่ปรึกษาการเงินและผู้สอบบัญชี ขณะนี้มีแล้ว 60-70 บริษัท ที่จะเข้ามาจดทะเบียน
ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ จะมีการใช้กฎหมายใหม่ซึ่งจะมี
ผลต่อหน่วยงานของราชการทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ 21 ก.ค.นี้ โดยกฎหมาย
ระบุว่าข้อมูลที่เอกชนยื่นต่อภาครัฐ ก็จะเริ่มนับและเมื่อครบถ้วนแล้ว ไม่สามารถเรียก
ข้อมูลเพิ่มเติมได้
ดังนั้น ในส่วนของ IPO นั้น จะเป็นทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ
เขากล่าวว่า ในแง่บวกคือ บริษัทที่มีความพร้อมส่งข้อมูลครบถ้วน ก็จะเข้า
ตลาดหุ้นได้เร็ว แต่ในแง่ลบสำหรับบริษัทที่ส่งข้อมูลไม่ครบถ้วน เมื่อถึงเวลาก็อาจจะ
ต้องถอนไฟลิ่งออกไปก่อน เพื่อปรับปรุงข้อมูลก่อนจะยื่นใหม่อีกรอบ จากเดิมก่อนที่จะ
ใช้กฎหมายนี้ ถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วน ก.ล.ต.ก็ขอห้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้
นายประพันธ์ กล่าวถึงหุ้น IPO ช่วงนี้ที่ให้ผลตอบแทนไม่มากในวัน
ซื้อขายวันแรก เหมือนกับในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไม่
เอื้ออำนวย ซึ่งเห็นได้จากตลาดหุ้นช่วงนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ก็คาดว่า
จะเป็นผลกระทบในระยะสั้น และขณะนี้มี 9 บริษัทที่ยื่นไฟลิ่งแล้ว และยังคง
แผนเข้าจดทะเบียนตามเดิม
"ภาวะตลาดหุ้นเป็นปัจจัยชั่วคราว ซึ่งคนกำหนดไม่ได้ อย่างปีที่แล้วใน
ช่วง 3 เดือนแรก เรายังไม่รู้เลยว่าประเทศเราจะเดินทางไปทางไหน แต่ว่าพอ
9 เดือนหลัง กลายเป็นช่วงที่ตลาด IPO ดีที่สุดปีหนึ่ง" นายประพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขา ยอมรับว่า อาจจะมีบางบริษัทที่สามารถหาแหล่ง
เงินทุนจากที่อื่นมาใช้ได้ชั่วคราว และอาจจะชะลอไปบ้าง แต่เป็นเพียงบางบริษัท
เเพราะบริษัทเหล่านี้มีเป้าหมายจะระดมทุน เพื่อนำเงินไปขยายกิจการ--จบ--

(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--บร--)
((wirat.buranakanokthanasan@thomsonreuters.com;
โทร.0-2648-9756;ReutersMessaging:wirat.
buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@reuters.net))

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่