สวัสดีครับ วันนี้ก็มีเรื่องเล่าสยองขวัญมาฝากอีกแล้ว ก่อนอื่นขอย้ำเหมือนเดิมครับว่า
**เป็นเรื่องที่ประสบมาจากเรื่องจริง ไม่ได้แต่งเติมใดๆยกเว้นแต่งเติมในส่วนของคำพูดให้ ลดความหยาบคาย เข้าใจง่ายขึ้น ความหมายยังคงเดิม**
วันนี้ก็มีเรื่องมาเล่าเรื่องหนึ่ง พอดีได้กลับไปบ้านไปหาคุณแม่มา เรามาเริ่มฟังกันเลยครับ
-*-----------*--
วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ วันหยุดที่แสนสบายผมได้เดินทางด้วย รถไฟ กลับไปบ้าน ที่ ตจว.เพื่อไปงานพระราชทานเพลิงศพคุณตา และวันนั้นผมก็ยังมีอาการเสียใจกับการจากไปของคุณตา ซึ่งก่อนหน้านี้คุณยายก็มาทิ้งผมไปเสียแล้ว.
เวลาประมาณ 8.00น. รถไฟเทียบท่าที่ชานชาลา ผมเดินลงมาจากรถ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกคนมารับผมด้วยอาการเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าเศร้าเหมือนอมทุกข์ไว้ทั้งร่างอย่าางไงอย่างงั้น แล้วแม่เดินเข้ามากอดผมบอกว่า
**ลูกตาเรานอนหลับแล้วไม่ตื่นเลย**
***ผมน้ำตาซึมเลยครับ*** แม่กำลังปลอบใจตัวเอง
มาถึงบ้าน เขาก็เตรียมจัดงานอะไรไว้เรียบร้อย ผมก็ทำนั่นๆนี่ๆไปเรื่อย ใครมาก็สวัสดีต้อนรับเพราะเรามีกันแค่นี้ ต้อนรับ เสริฟน้ำให้แขก อำนวยความสะดวกเพื่อเป็นกุศลแก่คุณตา และคืนนั้นเป็นคืนแรก ทุกครั้งที่พระสวดฝนก็ตกลงมาสาดเทเสียงดังสนั่น แซ่ ไปทั่วบริเวรแล้วสักพักพระสวดเสร็จแม่ก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่า เอกรู้ไหมงานศพของตาทำให้แม่คิดถึงงานศพยายตอนนั้น หนูอายุ 5 ขวบยังวิ่งเล่นสนุกอยู่เลย แม่จะเล่าให้ฟัง
---แม่ : งานศพยายจำได้ไหมที่เอกวิ่งเล่นอยู่ข้างศาลาจนล้มถลอกตอนนั้นลูกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรนี่ก็ผ่านมาเกือบจะ 15 ปีแล้ว ตอนนั้นดึกๆแบบนี้แหละทุกครั้งที่พระสวด ฝนจะตกทุกทีไม่รู้ทำไม แม่ก็ได้แต่เอาน้ำไปรดที่เสื้อยายที่แอบแขวนไว้ตามความเชื่อ ก็ยิ่งตกหนักตอนนั้นแม่ก็ไม่ได้คิดอะไรนะได้แต่บอกว่าอย่าแกล้งลูกๆเลยแม่ แม่ไปสบายเถอะนะ ทางนี้หนูกับพ่อ(คุณตา)จะดูแลน้องๆเอง แล้วพอพระสวดเสร็จก็เงียบไม่มีฝนตกเลย แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกลูกเท่ากับคืนสุดท้าย
---ผม : ยังไงครับ
---แม่ : ก็คืนสุดท้ายเป็นวันสวดใหญ่มีผู้ใหญ่ แล้วก็เพื่อนแม่มาเป็นเจ้าภาพนะสิ และที่สำคัญคนที่ขาดไม่ได้เลยคือ พี่นิ่ม ท้ายตาอดคนที่คอยดูแลยายของลูกป้อนน้ำป้อนข้าว ทำให้ยิ่งกว่าแม่อีก แม่ให้เงินเขาก็ไม่เอาบอกแค่ว่า เค้าสงสารและรักยายเหมือนแม่เขาคนนึง แม่ก็ดีใจนะที่คนรักยายเพราะนอกจากแม่กับน้าชายแล้ว ไม่มีใครอยากดูแลยายของลูกหรอก เพราะทุกคนมีหน้าที่มีครอบครัว มีภาระหนัก แต่ช่างเถอะก็ไม่สำคัญใครจะเลี้ยงก็ขอให้รักพอ
---ผม : แล้วที่แม่จะเล่าเป็นยังไงครับ
---แม่ : คืนสุดท้าย พี่นิ่มไปดูแลร้านของเขาอีกสาขาที่ต่างอำเภอ แม่โทรบอกเขาเขาเสียใจมากเขาไม่รอช้ามาหาที่งานศพพร้อมกับเหมารถทัวร์มา 3 คนพาเพื่อนแม่ กับกลุ่มสตรีที่หน้าตลาดมาเต็มหมดเลย แม่ดีใจมากนะ แต่นิ่มไม่เหมือนคนอื่นพี่นิ่มไม่กลัวผี เขาเดินลงจากรถมากอดแม่แล้วร้องไห้ดังมาก จากนั้นเดินไปไหว้ศพก็ยังร้องไม่หยุดตอนนั้นพระสวดเสร็จพอดี รู้อะไรไหม "ฝนไม่ตกสักหยดเลย" แล้วสักพักพวกเพื่อนๆก็กลับบ้านของเขาเหลือแต่นิ่มยังนั่งคุยทั้งน้ำตาอยู่ กับแม่สองคนเรานั่งปรับทุกข์กันจนได้ยินเสียงลมแรงพัดมา แม่เห็นนิ่มไปเดินไปเคาะโลงยายของเราจากนั้นร้องไห้เสียงดัง เคาะแรงขึ้นพร้มทั้งพูดไปด้วยว่า "แม่ตื่นนะ แม่หนูก็เสียแล้ว นี่แม่จะไม่ให้หนูได้บอกลาแม่ก่อนหรอ" ร้องเสียงดังมากเหมือนคนคลั่ง แม่ก็ได้แต่นั่งเงียบๆร้องไห้พูดอะไรไม่ได้ แล้วจู่ๆลมก็พัดแรงมาก ฝนเทลงมาเหมือนพายุ แล้วทันได้นั้น
"เปรี้ยงงงงง"
ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น คนที่ยังอยู่รีบวิ่งออกจากเต้นมาอยู่ในศาลา และประมาณ 3 นาทีก็มีเสียงผ่าอีกครั้งและแล้ว ไฟก็ดับลง ทั้งวัดมืดมาก สมัยรอบๆมีแต่ป่าทุกคนต่างกอดกันเพราะกลัวทั้งฟ้า กลัวทั้งผี แล้วพี่นิ่มก็เคาะโลงบอกยายว่าบอกให้หยุดได้แล้วแม่ นิ่มจะกลับบ้านแล้วพรุ่งนี้นิ่มมาฟังสวดทำบุญให้แม่ใหม่นะค่ะ แล้วทันได้นั้นฟ้าก็ผ่าลงกลางระบบประปา แล้วเสียงที่แทรกผ่านเสียงสายฟ้ามา ทุกคนได้ยินเหมือนกันเลย มันดังเข้าไปในลำโพงเครื่องขยายเสียงของวัดคือ
โชคดีลูก แม่รักลูกทุกคนอย่าทะเลาะกัน
สิ้นเสียงไฟก็ติดขึ้นมา แล้วฝนก็หยุดตก เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานปกติได้ทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องเสียงช๊อตไปเลย วันนั้นทุกคนก็เพลียกับงานและต้องเจอเหตุการณ์แปลกๆแต่ก็ไม่มีใครกลัวหรืออะไรเลย เพราะยายผมใจดีมากมีแต่คนรัก แล้วตอนเช้าก็ได้เวลานำขบวนและนำศพไปเผาตามพิธี
สุดท้ายแม่ก็บอกผมว่า กลัวตาแกจะเป็นอีกคน ตาแกมีห่วงเยอะ ไปสบายนะพ่อ
แล้วเรื่องๆน่าขนลุกที่แม่เล่าให้ผมฟังก็จบแต่เพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
เรื่องราวสยองขวัญจากคำเล่าคุณแม่ ตอน คำขอร้องที่ไม่อาจลืม
**เป็นเรื่องที่ประสบมาจากเรื่องจริง ไม่ได้แต่งเติมใดๆยกเว้นแต่งเติมในส่วนของคำพูดให้ ลดความหยาบคาย เข้าใจง่ายขึ้น ความหมายยังคงเดิม**
วันนี้ก็มีเรื่องมาเล่าเรื่องหนึ่ง พอดีได้กลับไปบ้านไปหาคุณแม่มา เรามาเริ่มฟังกันเลยครับ
-*-----------*--
วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ วันหยุดที่แสนสบายผมได้เดินทางด้วย รถไฟ กลับไปบ้าน ที่ ตจว.เพื่อไปงานพระราชทานเพลิงศพคุณตา และวันนั้นผมก็ยังมีอาการเสียใจกับการจากไปของคุณตา ซึ่งก่อนหน้านี้คุณยายก็มาทิ้งผมไปเสียแล้ว.
เวลาประมาณ 8.00น. รถไฟเทียบท่าที่ชานชาลา ผมเดินลงมาจากรถ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกคนมารับผมด้วยอาการเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าเศร้าเหมือนอมทุกข์ไว้ทั้งร่างอย่าางไงอย่างงั้น แล้วแม่เดินเข้ามากอดผมบอกว่า
**ลูกตาเรานอนหลับแล้วไม่ตื่นเลย**
***ผมน้ำตาซึมเลยครับ*** แม่กำลังปลอบใจตัวเอง
มาถึงบ้าน เขาก็เตรียมจัดงานอะไรไว้เรียบร้อย ผมก็ทำนั่นๆนี่ๆไปเรื่อย ใครมาก็สวัสดีต้อนรับเพราะเรามีกันแค่นี้ ต้อนรับ เสริฟน้ำให้แขก อำนวยความสะดวกเพื่อเป็นกุศลแก่คุณตา และคืนนั้นเป็นคืนแรก ทุกครั้งที่พระสวดฝนก็ตกลงมาสาดเทเสียงดังสนั่น แซ่ ไปทั่วบริเวรแล้วสักพักพระสวดเสร็จแม่ก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่า เอกรู้ไหมงานศพของตาทำให้แม่คิดถึงงานศพยายตอนนั้น หนูอายุ 5 ขวบยังวิ่งเล่นสนุกอยู่เลย แม่จะเล่าให้ฟัง
---แม่ : งานศพยายจำได้ไหมที่เอกวิ่งเล่นอยู่ข้างศาลาจนล้มถลอกตอนนั้นลูกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรนี่ก็ผ่านมาเกือบจะ 15 ปีแล้ว ตอนนั้นดึกๆแบบนี้แหละทุกครั้งที่พระสวด ฝนจะตกทุกทีไม่รู้ทำไม แม่ก็ได้แต่เอาน้ำไปรดที่เสื้อยายที่แอบแขวนไว้ตามความเชื่อ ก็ยิ่งตกหนักตอนนั้นแม่ก็ไม่ได้คิดอะไรนะได้แต่บอกว่าอย่าแกล้งลูกๆเลยแม่ แม่ไปสบายเถอะนะ ทางนี้หนูกับพ่อ(คุณตา)จะดูแลน้องๆเอง แล้วพอพระสวดเสร็จก็เงียบไม่มีฝนตกเลย แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกลูกเท่ากับคืนสุดท้าย
---ผม : ยังไงครับ
---แม่ : ก็คืนสุดท้ายเป็นวันสวดใหญ่มีผู้ใหญ่ แล้วก็เพื่อนแม่มาเป็นเจ้าภาพนะสิ และที่สำคัญคนที่ขาดไม่ได้เลยคือ พี่นิ่ม ท้ายตาอดคนที่คอยดูแลยายของลูกป้อนน้ำป้อนข้าว ทำให้ยิ่งกว่าแม่อีก แม่ให้เงินเขาก็ไม่เอาบอกแค่ว่า เค้าสงสารและรักยายเหมือนแม่เขาคนนึง แม่ก็ดีใจนะที่คนรักยายเพราะนอกจากแม่กับน้าชายแล้ว ไม่มีใครอยากดูแลยายของลูกหรอก เพราะทุกคนมีหน้าที่มีครอบครัว มีภาระหนัก แต่ช่างเถอะก็ไม่สำคัญใครจะเลี้ยงก็ขอให้รักพอ
---ผม : แล้วที่แม่จะเล่าเป็นยังไงครับ
---แม่ : คืนสุดท้าย พี่นิ่มไปดูแลร้านของเขาอีกสาขาที่ต่างอำเภอ แม่โทรบอกเขาเขาเสียใจมากเขาไม่รอช้ามาหาที่งานศพพร้อมกับเหมารถทัวร์มา 3 คนพาเพื่อนแม่ กับกลุ่มสตรีที่หน้าตลาดมาเต็มหมดเลย แม่ดีใจมากนะ แต่นิ่มไม่เหมือนคนอื่นพี่นิ่มไม่กลัวผี เขาเดินลงจากรถมากอดแม่แล้วร้องไห้ดังมาก จากนั้นเดินไปไหว้ศพก็ยังร้องไม่หยุดตอนนั้นพระสวดเสร็จพอดี รู้อะไรไหม "ฝนไม่ตกสักหยดเลย" แล้วสักพักพวกเพื่อนๆก็กลับบ้านของเขาเหลือแต่นิ่มยังนั่งคุยทั้งน้ำตาอยู่ กับแม่สองคนเรานั่งปรับทุกข์กันจนได้ยินเสียงลมแรงพัดมา แม่เห็นนิ่มไปเดินไปเคาะโลงยายของเราจากนั้นร้องไห้เสียงดัง เคาะแรงขึ้นพร้มทั้งพูดไปด้วยว่า "แม่ตื่นนะ แม่หนูก็เสียแล้ว นี่แม่จะไม่ให้หนูได้บอกลาแม่ก่อนหรอ" ร้องเสียงดังมากเหมือนคนคลั่ง แม่ก็ได้แต่นั่งเงียบๆร้องไห้พูดอะไรไม่ได้ แล้วจู่ๆลมก็พัดแรงมาก ฝนเทลงมาเหมือนพายุ แล้วทันได้นั้น
ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น คนที่ยังอยู่รีบวิ่งออกจากเต้นมาอยู่ในศาลา และประมาณ 3 นาทีก็มีเสียงผ่าอีกครั้งและแล้ว ไฟก็ดับลง ทั้งวัดมืดมาก สมัยรอบๆมีแต่ป่าทุกคนต่างกอดกันเพราะกลัวทั้งฟ้า กลัวทั้งผี แล้วพี่นิ่มก็เคาะโลงบอกยายว่าบอกให้หยุดได้แล้วแม่ นิ่มจะกลับบ้านแล้วพรุ่งนี้นิ่มมาฟังสวดทำบุญให้แม่ใหม่นะค่ะ แล้วทันได้นั้นฟ้าก็ผ่าลงกลางระบบประปา แล้วเสียงที่แทรกผ่านเสียงสายฟ้ามา ทุกคนได้ยินเหมือนกันเลย มันดังเข้าไปในลำโพงเครื่องขยายเสียงของวัดคือ
สิ้นเสียงไฟก็ติดขึ้นมา แล้วฝนก็หยุดตก เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานปกติได้ทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องเสียงช๊อตไปเลย วันนั้นทุกคนก็เพลียกับงานและต้องเจอเหตุการณ์แปลกๆแต่ก็ไม่มีใครกลัวหรืออะไรเลย เพราะยายผมใจดีมากมีแต่คนรัก แล้วตอนเช้าก็ได้เวลานำขบวนและนำศพไปเผาตามพิธี
สุดท้ายแม่ก็บอกผมว่า กลัวตาแกจะเป็นอีกคน ตาแกมีห่วงเยอะ ไปสบายนะพ่อ
แล้วเรื่องๆน่าขนลุกที่แม่เล่าให้ผมฟังก็จบแต่เพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ