วันนี้มีบทความ(เนื่องจากว่าง)คำถามและคำตอบมาบอกกัน
ซึ่งบางคนเองก็สงสัย ไม่รู้ว่าทำเพราะอะไร ทำไม ก็ไม่รู้เค้าทำกันมาเราก็ทำๆตามไป จะดีกว่าถ้าเราได้รู้เสียบ้าง ดีกว่านั่งดูแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำไปเพื่ออะไร ทำทำไม #ซึ่งแล้วแต่ท่านจะกดไลค์ผ่านๆ #หรือเห็นว่ายาวเลยเลื่อนทิ้ง #หรืออ่านเพื่อสอนตัวเอง วันนี้เกี่ยวกับ #งานศพ #อ่านไว้เพื่อสอนตัวเองเพื่อเตือนตัวเองเป็นภูมิ(บางท่านที่รู้แล้วหรือข้อมูลผมผิดช่วยแก้ด้วยนะครับ)
1. ทำไมคนตายต้องมัดตราสังสามเปลาะ คือ มัดที่คอ มัดที่มือ และมัดตรงข้อเท้า
2. ทำไมต้องเคาะโลงรับศีล
3. ทำไมต้องสวดอภิธรรมเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
4. ทำไมต้องบวชหน้าไฟ
5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึงอะไร
7. ทำไมต้องใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ
8. ทำไมต้องแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา
คำตอบมีดังนี้1. มัดตราสังสามเปลาะ
มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี – ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฎไม่มีจบสิ้น
#2เคาะโลงรับศีล
ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวเมาขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
#3สวดพระอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี
คนเป็นฟังไม่รู้เรื่องจึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด ให้จิตใจสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
#4บวชหน้าไฟ
มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ จริงนั้นไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ในที่สุดมนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาสแล้วพอใจในสมณเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
#5การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่า ตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระหมายความว่า ให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุขมีความเจริญก้าวหน้า
#6การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง
การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม อันมีกามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลสเป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย
#7การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ
เชื่อกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ที่สุด ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพานต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม
#8การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว
มีการเก็บอัฐิ และมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปเป็นร่างกลับไปกลับมา เพื่อจะบอกว่า ได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากกรรมต่อไป
ผมคิดว่ามันดีกว่าการนั่งดูโดยที่เราไม่รู้ว่า ทำทำไม เพื่ออะไร ซึ่งเมื่ออเวลาร่วมงานเราจะได้ปลงสังเวชและร่วมรำลึกไปกับพิธีนั้นอย่างแท้จริง
เรื่องน่ารู้ ที่ เราไม่รู้ ในพิธีศพ จะได้ไม่งงว่าเค้าทำทำไม ทำเพราะอะไร
ซึ่งบางคนเองก็สงสัย ไม่รู้ว่าทำเพราะอะไร ทำไม ก็ไม่รู้เค้าทำกันมาเราก็ทำๆตามไป จะดีกว่าถ้าเราได้รู้เสียบ้าง ดีกว่านั่งดูแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำไปเพื่ออะไร ทำทำไม #ซึ่งแล้วแต่ท่านจะกดไลค์ผ่านๆ #หรือเห็นว่ายาวเลยเลื่อนทิ้ง #หรืออ่านเพื่อสอนตัวเอง วันนี้เกี่ยวกับ #งานศพ #อ่านไว้เพื่อสอนตัวเองเพื่อเตือนตัวเองเป็นภูมิ(บางท่านที่รู้แล้วหรือข้อมูลผมผิดช่วยแก้ด้วยนะครับ)
1. ทำไมคนตายต้องมัดตราสังสามเปลาะ คือ มัดที่คอ มัดที่มือ และมัดตรงข้อเท้า
2. ทำไมต้องเคาะโลงรับศีล
3. ทำไมต้องสวดอภิธรรมเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
4. ทำไมต้องบวชหน้าไฟ
5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึงอะไร
7. ทำไมต้องใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ
8. ทำไมต้องแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา
คำตอบมีดังนี้1. มัดตราสังสามเปลาะ
มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี – ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฎไม่มีจบสิ้น
#2เคาะโลงรับศีล
ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวเมาขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
#3สวดพระอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี
คนเป็นฟังไม่รู้เรื่องจึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด ให้จิตใจสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
#4บวชหน้าไฟ
มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ จริงนั้นไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ในที่สุดมนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาสแล้วพอใจในสมณเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
#5การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่า ตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระหมายความว่า ให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุขมีความเจริญก้าวหน้า
#6การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง
การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม อันมีกามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลสเป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย
#7การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ
เชื่อกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ที่สุด ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพานต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม
#8การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว
มีการเก็บอัฐิ และมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปเป็นร่างกลับไปกลับมา เพื่อจะบอกว่า ได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากกรรมต่อไป
ผมคิดว่ามันดีกว่าการนั่งดูโดยที่เราไม่รู้ว่า ทำทำไม เพื่ออะไร ซึ่งเมื่ออเวลาร่วมงานเราจะได้ปลงสังเวชและร่วมรำลึกไปกับพิธีนั้นอย่างแท้จริง