พระมีเรื่องจะเล่าเกี่ยวกับบุหรี่ในมุมมองของพระเอง : พระได้มีโอกาสไปสวดอภิธรรมงานศพที่บ้านของคนตายครั้งแรก และก็เป็นวันแรกที่พระพึ่งอุปสมบท ด้วยความที่เจ้าอาวาสให้ไปพระก็ตามไป นั่งประนมมือตั้งแต่งานเริ่มจนเสร็จโดยที่สวดพึมพำในลำคอตามพระรูปอื่นไป เพราะตอนเป็นฆราวาสเข้าวัดนับครั้งได้ ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมของพระซักเท่าใด
เข้าเรื่องบุหรี่ซักที ระหว่างที่สวดอยู่ในงานศพนั้นก็จะมีสามเณรมาร่วมสวดด้วย 3 รูป ในใจพระก็คิดว่าเรามีเพื่อนแล้ว สวดไม่ได้ก็คงไม่เขิลญาติโยมเท่าใดนัก แต่ที่ไหนได้สามเณรที่นั่งด้านข้างพระกลับสวดปร๋อตั้งแต่ต้นจนจบพิธี พระเลยรู้สึกเลื่อมใสในตัวสามเณรรูปนี้ ทั้งท่าทางที่สำรวมบวกกับการสวดพระอภิธรรมจนจบตั้งแต่ยังเด็ก
วันข้างหน้าคงได้เป็นเจ้าอาวาสเป็นแน่ หลังจากวันนั้นเสร็จพิธีก็แยกย้ายกันกลับวัด
ประมาณ 1 อาทิตย์ผ่านไป พระได้มีโอกาสในการสวดหน้าศพและก็ได้เจอสามเณรกลุ่มนี้อีกครั้ง ท่าทางก็คงสำรวมและสวดด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำจนเสร็จพิธีอีกเช่นเคย พระก็เดินแยกกลับกุฏิ(พิธีจัดขึ้นภายในวัดที่พระบวชอยู่) เห็นสามเณรกลุ่มเดิมกับพระอีก 1 รูป นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างถนนบริเวณหน้ากุฏิที่พระพักอยู่
พระเลยนึกถึงสมัยที่พระลองสูบบุหรี่ พระก็ไม่รู้สึกว่ามันจะหอมหรืออร่อยแต่อย่างใด มีคนเคยบอกว่า(รวมทั้งพ่อของพระ) สูบแก้เครียด พระเลยอยากรู้ว่า ที่เครียดนี่ต้องเครียดถึงประมาณไหนถึงจะสูบได้ เพราะพระก็เคยเครียดเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดอยากจะสูบมัน
มันกลายเป็นค่านิยม เป็นวัฒนธรรมการเลียนแบบไปแล้วอย่างนั้นหรือ? จากเรื่องที่พระเล่าพระก็ยังคงเลื่อมใสในท่าทีที่สำรวมและการสวดอภิธรรมของสามเณรรูปนั้นอยู่แต่ก็อดสงสัยการสูบบุหรี่ในวัยเด็กของสามเณรรูปนั้นไม่ได้
ว่าด้วยเรื่องค่านิยมการสูบบุหรี่ในมุมมองของพระ
เข้าเรื่องบุหรี่ซักที ระหว่างที่สวดอยู่ในงานศพนั้นก็จะมีสามเณรมาร่วมสวดด้วย 3 รูป ในใจพระก็คิดว่าเรามีเพื่อนแล้ว สวดไม่ได้ก็คงไม่เขิลญาติโยมเท่าใดนัก แต่ที่ไหนได้สามเณรที่นั่งด้านข้างพระกลับสวดปร๋อตั้งแต่ต้นจนจบพิธี พระเลยรู้สึกเลื่อมใสในตัวสามเณรรูปนี้ ทั้งท่าทางที่สำรวมบวกกับการสวดพระอภิธรรมจนจบตั้งแต่ยังเด็ก
วันข้างหน้าคงได้เป็นเจ้าอาวาสเป็นแน่ หลังจากวันนั้นเสร็จพิธีก็แยกย้ายกันกลับวัด
ประมาณ 1 อาทิตย์ผ่านไป พระได้มีโอกาสในการสวดหน้าศพและก็ได้เจอสามเณรกลุ่มนี้อีกครั้ง ท่าทางก็คงสำรวมและสวดด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำจนเสร็จพิธีอีกเช่นเคย พระก็เดินแยกกลับกุฏิ(พิธีจัดขึ้นภายในวัดที่พระบวชอยู่) เห็นสามเณรกลุ่มเดิมกับพระอีก 1 รูป นั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างถนนบริเวณหน้ากุฏิที่พระพักอยู่
พระเลยนึกถึงสมัยที่พระลองสูบบุหรี่ พระก็ไม่รู้สึกว่ามันจะหอมหรืออร่อยแต่อย่างใด มีคนเคยบอกว่า(รวมทั้งพ่อของพระ) สูบแก้เครียด พระเลยอยากรู้ว่า ที่เครียดนี่ต้องเครียดถึงประมาณไหนถึงจะสูบได้ เพราะพระก็เคยเครียดเหมือนกันแต่ก็ไม่คิดอยากจะสูบมัน
มันกลายเป็นค่านิยม เป็นวัฒนธรรมการเลียนแบบไปแล้วอย่างนั้นหรือ? จากเรื่องที่พระเล่าพระก็ยังคงเลื่อมใสในท่าทีที่สำรวมและการสวดอภิธรรมของสามเณรรูปนั้นอยู่แต่ก็อดสงสัยการสูบบุหรี่ในวัยเด็กของสามเณรรูปนั้นไม่ได้