ต่อจากกระทู้แรกนะครับ
http://ppantip.com/topic/33923998
วันที่ 1
หลังจากที่คุณยายหมดลมหายใจ ทางญาติๆจึงปรึกษาและแบ่งหน้าที่กันครับว่าใครจะทำหน้าที่อะไร และจัดงานศพกี่วัน ซึ่งก็ตกลงเรียบร้อยครับว่าจะสวดศพ5วันแล้วค่อยเคลื่อนขบวนไป ณาปนกิจ ส่วนผมก็ยังคงโศกเศร้าแต่ก็คิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทดแทนบุญคุณครั้งสุดท้าย คุณแม่ผมก็บอกผมว่าเอาอย่างนี้นะ บวชหน้าไฟละกัน ซึ่งผมก็ตกลงครับถึงแม้จะกลัวๆบ้าง (ผมเป็นคนกลัวผีมากๆครับ ชั่วชีวิตนี้กลัวอยู่2อย่างคือผีกับแมลงสาบ) ส่วนร่างไร้วิญาณคุณยายก็จะเช่าโรงศพเย็นครับ เพื่ออยากรักษาสภาพศพให้ดีที่สุด วันแรกของการเตรียมงานค่อนข้างวุ่นวายเพราะเตรียมงานต่างๆเช่นการทำครัว การเตรียมพุ่มดอกไม้สด การทำการ์ดเชิญ ช่วงบ่ายก่อนนำคุณยายใส่โรงเย็นก็จะมีอาบน้ำให้ศพครับ ซึ่งมันเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือ ก่อนที่จะเตรียมอาบน้ำศพ คุณยายนอนอยู่บนแคร่ไม้สัก ด้วยความที่มีชาวบ้านมาดูใจเป็นจำนวนมาก แม่ผมจึงขอแรงช่วยยกคุณยายจะไปอาบน้ำครับเพราะช่วงค่ำต้องสวดศพ ก็มีชาวบ้านผู้ชายและผู้หญิงมาช่วยยก แต่..................ไม่น่าเชื่อนะครับคุณยายผมหนักแค่ 53-56 กิโลกรัม แต่ไม่สามารถยกคุณยายได้ทั้งๆที่ชาวบ้านผู้ชาย 3คนนั้นเป็นผู้ชายแข็งแรงแน่ๆ คุณตาซึ่งเห็นอย่างนั้นก็เข้ามาลูบศีรษะคุณยายแล้วพูดว่า “หมดห่วงได้แล้ว ชาวบ้านมาช่วยกันด้วยความเต็มใจ” เมื่อคุณตาพูดเสร็จก็หันพยักหน้าให้ลูกชายคนสุดท้องว่า “อุ้มแม่ไปอาบน้ำ” น้าของผมก็อุ้มคุณยายไปอาบน้ำได้โดยไม่ติดขัดอะไร การอาบน้ำให้คุณยาย ก็จะให้คุณแม่ผมกับน้องของแม่อีก2คนช่วยกัน ส่วนผมกับน้าผู้ชายมีหน้าที่ยืนดูห่างๆ ตลอดเวลาการอาบน้ำ คุณแม่กับน้าๆของผมก็ร้องไห้ไป ซึ่งผมจำไม่ค่อยได้ครับว่าพูดอะไรกัน แต่ที่พอจำได้คือคุณแม่บอกคุณยายว่า ลูกๆมาอาบน้ำให้แม่นะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆแม่ก็เคยอาบน้ำให้พวกเราทั้ง4คน ผมยังเบือนหน้าหนีกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะตอนเด็กๆคุณยายก็เคยอาบน้ำให้ผมครับ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็จะแต่งตัวให้คุณยายด้วยเสื้อผ้าที่คุณยายชอบพร้อมกับปะแป้งพรมน้ำหอมที่ท่านเคยใช้ประจำ ทีนี้ก็ให้สัปปะเหร่อนำพิธีเชิญคุณยายเข้าสู่โลงเย็นครับ ตอนค่ำก็มีพระมาสวด เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับวันแรก
วันที่ 2
กิจวัตรประจำวันยังคงเหมือนวันแรกครับ แต่ที่แตกต่างเริ่มมีแขกผู้ใหญ่มางานมากขึ้น พวงหรีดก็มากขึ้นตาม ผมได้ภารกิจใหม่คือต้องนำอาหารมาให้คุณยายทุกวัน ทุกมื้อ โดยวางภาชนะที่ใส่อาหารลงบนโลงเย็น ทุกครั้งที่เอาอาหารมาให้ผมจะต้องเคาะโลงเย็นทุกครั้งเพื่อเรียกคุณยายมากิน แต่มีครั้งหนึ่งช่วงเย็นผมเอาอาหารมาให้ ก็เคาะตามปกติ แล้วใจของผมก็ตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวคุณยายว่า คุณยายครับผมจะบวชทดแทนคุณให้คุณยายนะ ชั่วเวลาประเดี๋ยวก็มีลมเย็นๆผ่านตัวผมวูบหนึ่งทั้งๆที่อากาศมันร้อน ผมก็ไม่เข้าใจว่าลมเย็นๆวูบหนึ่งคืออะไรถ้าคิดในแง่สิ่งลี้ลับเหมือนคุณยายจะรับรู้ในสิ่งที่ผมบอก แต่ถ้าเป็นหลักวิทยาศาสตร์น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอูณหภูมิโดยฉับพลัน หลังสวดพระเสร็จ แขกเหรื่อกลับไป ก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอีกเลยจนล่วงถึงวันที่5ก่อนวันเผาที่ผมเจอเหตุการณ์ผิดปกติอย่างที่สุด
ปล. หลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปทุกวันของงานศพ หลังบ้านผมจะมีคนตั้งวงกินเหล้า เล่นไพ่ครับซึ่งสิ่งนี้ พอให้ไม่เหงาบ้าง แต่ในบ้านที่ตั้งศพจะเงียบสงัดเลยครับ บางวันก็มีหมาข้างบ้านหอน
เดี่ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาเล่าต่อครับ
ประสบการณ์สยองขวัญกับความรัก part 2
วันที่ 1
หลังจากที่คุณยายหมดลมหายใจ ทางญาติๆจึงปรึกษาและแบ่งหน้าที่กันครับว่าใครจะทำหน้าที่อะไร และจัดงานศพกี่วัน ซึ่งก็ตกลงเรียบร้อยครับว่าจะสวดศพ5วันแล้วค่อยเคลื่อนขบวนไป ณาปนกิจ ส่วนผมก็ยังคงโศกเศร้าแต่ก็คิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทดแทนบุญคุณครั้งสุดท้าย คุณแม่ผมก็บอกผมว่าเอาอย่างนี้นะ บวชหน้าไฟละกัน ซึ่งผมก็ตกลงครับถึงแม้จะกลัวๆบ้าง (ผมเป็นคนกลัวผีมากๆครับ ชั่วชีวิตนี้กลัวอยู่2อย่างคือผีกับแมลงสาบ) ส่วนร่างไร้วิญาณคุณยายก็จะเช่าโรงศพเย็นครับ เพื่ออยากรักษาสภาพศพให้ดีที่สุด วันแรกของการเตรียมงานค่อนข้างวุ่นวายเพราะเตรียมงานต่างๆเช่นการทำครัว การเตรียมพุ่มดอกไม้สด การทำการ์ดเชิญ ช่วงบ่ายก่อนนำคุณยายใส่โรงเย็นก็จะมีอาบน้ำให้ศพครับ ซึ่งมันเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือ ก่อนที่จะเตรียมอาบน้ำศพ คุณยายนอนอยู่บนแคร่ไม้สัก ด้วยความที่มีชาวบ้านมาดูใจเป็นจำนวนมาก แม่ผมจึงขอแรงช่วยยกคุณยายจะไปอาบน้ำครับเพราะช่วงค่ำต้องสวดศพ ก็มีชาวบ้านผู้ชายและผู้หญิงมาช่วยยก แต่..................ไม่น่าเชื่อนะครับคุณยายผมหนักแค่ 53-56 กิโลกรัม แต่ไม่สามารถยกคุณยายได้ทั้งๆที่ชาวบ้านผู้ชาย 3คนนั้นเป็นผู้ชายแข็งแรงแน่ๆ คุณตาซึ่งเห็นอย่างนั้นก็เข้ามาลูบศีรษะคุณยายแล้วพูดว่า “หมดห่วงได้แล้ว ชาวบ้านมาช่วยกันด้วยความเต็มใจ” เมื่อคุณตาพูดเสร็จก็หันพยักหน้าให้ลูกชายคนสุดท้องว่า “อุ้มแม่ไปอาบน้ำ” น้าของผมก็อุ้มคุณยายไปอาบน้ำได้โดยไม่ติดขัดอะไร การอาบน้ำให้คุณยาย ก็จะให้คุณแม่ผมกับน้องของแม่อีก2คนช่วยกัน ส่วนผมกับน้าผู้ชายมีหน้าที่ยืนดูห่างๆ ตลอดเวลาการอาบน้ำ คุณแม่กับน้าๆของผมก็ร้องไห้ไป ซึ่งผมจำไม่ค่อยได้ครับว่าพูดอะไรกัน แต่ที่พอจำได้คือคุณแม่บอกคุณยายว่า ลูกๆมาอาบน้ำให้แม่นะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆแม่ก็เคยอาบน้ำให้พวกเราทั้ง4คน ผมยังเบือนหน้าหนีกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะตอนเด็กๆคุณยายก็เคยอาบน้ำให้ผมครับ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็จะแต่งตัวให้คุณยายด้วยเสื้อผ้าที่คุณยายชอบพร้อมกับปะแป้งพรมน้ำหอมที่ท่านเคยใช้ประจำ ทีนี้ก็ให้สัปปะเหร่อนำพิธีเชิญคุณยายเข้าสู่โลงเย็นครับ ตอนค่ำก็มีพระมาสวด เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับวันแรก
วันที่ 2
กิจวัตรประจำวันยังคงเหมือนวันแรกครับ แต่ที่แตกต่างเริ่มมีแขกผู้ใหญ่มางานมากขึ้น พวงหรีดก็มากขึ้นตาม ผมได้ภารกิจใหม่คือต้องนำอาหารมาให้คุณยายทุกวัน ทุกมื้อ โดยวางภาชนะที่ใส่อาหารลงบนโลงเย็น ทุกครั้งที่เอาอาหารมาให้ผมจะต้องเคาะโลงเย็นทุกครั้งเพื่อเรียกคุณยายมากิน แต่มีครั้งหนึ่งช่วงเย็นผมเอาอาหารมาให้ ก็เคาะตามปกติ แล้วใจของผมก็ตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวคุณยายว่า คุณยายครับผมจะบวชทดแทนคุณให้คุณยายนะ ชั่วเวลาประเดี๋ยวก็มีลมเย็นๆผ่านตัวผมวูบหนึ่งทั้งๆที่อากาศมันร้อน ผมก็ไม่เข้าใจว่าลมเย็นๆวูบหนึ่งคืออะไรถ้าคิดในแง่สิ่งลี้ลับเหมือนคุณยายจะรับรู้ในสิ่งที่ผมบอก แต่ถ้าเป็นหลักวิทยาศาสตร์น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอูณหภูมิโดยฉับพลัน หลังสวดพระเสร็จ แขกเหรื่อกลับไป ก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอีกเลยจนล่วงถึงวันที่5ก่อนวันเผาที่ผมเจอเหตุการณ์ผิดปกติอย่างที่สุด
ปล. หลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปทุกวันของงานศพ หลังบ้านผมจะมีคนตั้งวงกินเหล้า เล่นไพ่ครับซึ่งสิ่งนี้ พอให้ไม่เหงาบ้าง แต่ในบ้านที่ตั้งศพจะเงียบสงัดเลยครับ บางวันก็มีหมาข้างบ้านหอน
เดี่ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาเล่าต่อครับ