สวัสดีค่ะ ขอเป็นอีกหนึ่งกระทู้เกี่ยวกับโรฮิงญาที่เป็นข่าวสำคัญช่วงนี้
ก่อนจะอ่านขอทำใจให้สบาย เปิดกว้างและเปิดโล่งค่ะ
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่หันมาตามข่าวและชั่งน้ำหนักว่า
ประเทศไทยควรทำอย่างไรกับคนโรฮิงญา?
ถ้าเรายอมช่วยเหลือให้พวกเขาเข้ามาในแผ่นดินไทยล่ะ?
จะเป็นยังไง? ดิฉันคิดว่าทำได้ แต่ต้องมีแต่...ค่ะ
ซึ่งคืออะไรดิฉันจะขอกล่าวทีหลังค่ะ
ทำไมไม่มีใครต้อนรับโรฮิงญาแม้แต่มุสลิม?
: ที่ผ่านมาดิฉันพบเห็นข้อความในโลกออนไลน์จำนวนมากล่าวว่า
ชาติพันธุ์โรฮิงญาเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้เกียจทำงาน วันๆทำแต่ลูก
ได้คืบเอาศอก ขโมยของ สารพัดความไม่ดี เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครรับ
หรือถ้าไทยรับเข้ามาอนาคตพวกมันอาจจะมาข่มขืนลูกคุณก็ได้
(ดิฉันอ่านแล้วตกใจทีเดียว)
ซึ่งดิฉันมองเรื่องนี้ว่า ชาวโรฮิงญาถูกทางการพม่าปฏิเสธความเป็นพลเมือง
จึงไม่ได้รับสิทธิและเกิดความเดือดร้อนต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการเข่นฆ่าชาวมุสลิม
โดยชาวพุทธซึ่งมีพระสงฆ์เป็นแกนนำ พวกเขาเหล่านี้จึงอยากออกมาหาชีวิตที่เลวร้ายน้อยกว่า
แต่ไม่มีใครรับ...
เพราะยังมีคนโรฮิงญาจำนวนมากในพม่าเป็นล้านคนที่พร้อมจะอพยพมา
หากมีประเทศใดประเทศหนึ่งอ้าแขนรับ ซึ่งแน่นอนว่าเกิดปัญหาตามมาแน่นอน
กับคนจำนวนมากขนาดนั้น เศรษฐกิจในประเทศก็มีปัญหา
ต่อให้กระจายคนเป็นล้านไปทั่วอาเซียนคงไม่ดีแน่ๆ
กระเทือนต่อทั้งความรู้สึกคนในชาติและระบบเศรษฐกิจ
จึงไม่มีใครกล้าอ้าแขนรับ
ดิฉันจึงเชื่อว่านี่คือเหตุผลสำคัญทำไมไม่มีใครต้อนรับโรฮิงญา
ดิฉันปฏิเสธเหตุผลที่โลกออนไลน์เชื่อกัน
นั่นเป็นแค่วาทกรรมที่สร้างความเกลียดกลัวแก่คนโรฮิงญา
เป็นการเหยียดชาติพันธุ์เหมารวม และอคติต่อมุสลิม
แล้วไทยควรทำอย่างไรล่ะ?
: ในเมื่อจะรับก็หนัก จะปล่อยให้พวกเขาไปตายก็ไร้มนุษยธรรม
ทางออกที่ดีคือ ไทยต้องสร้างเงื่อนไขต่อรองต่อนานาชาติ
ในเมื่อพวกเราอยู่ร่วมกันเป็นประชาคมโลก เป็นประชาคมอาเซียน
ไทยมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะต่อรองต่อ UN USA และกลุ่ม ASEAN
ว่าไทยยินดีจะตั้งค่ายช่วยเหลือ 'ชั่วคราว' ให้แก่ชาวโรฮิงญา
รวมถึงชาติอื่นๆที่อาจร่วมตั้งศูนย์พักพิงด้วยเช่นกัน
แต่หน่วยงานของยูเอ็น ยูเอสเอ ประเทศมุสลิม
ควรช่วยเหลือด้านการเงิน เข้ามาเป็นเจ้าภาพ
(ปกติค่ายาอาหาร องค์กรระหว่างประเทศ NGO ต่างๆ
ช่วยเหลืออยู่แล้ว) และสนับสนุนด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจากข่าวที่ผ่านมา UN USA ได้ต่อสายถึงรัฐบาลไทย
แปลว่าพวกเขายอมช่วยอยู่แล้วค่ะ
ซึ่งถ้านานาชาติยินดีเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ
และไทยจัดการได้ เงินช่วยเหลือที่เข้ามา
ยังสามารถกระจายเป็นรายได้ให้คนไทยได้ด้วย
(บางท่านยกตัวอย่างคราวรับอพยพช่วงสงครามเขมร/เวียดนาม)
แต่การช่วยเหลือเท่านั้นยังไม่พอ เพราะไทยไม่สามารถรองรับผู้อพยพได้ถาวร
อีกข้อต่อรองสำคัญ(มากๆ)ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้คือ อาเซียนและยูเอ็น
ควรร่วมมือกันแก้ปัญหา จะลอบบี้ ต่อรอง กดดัน อย่างไรกับรัฐบาลพม่า
ให้ยอมรับสถานภาพชาวโรฮิงญาเป็นพลเมืองตามกฏหมายพม่า
ถ้าสามารถทำตรงนี้ไปได้ ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้อย่างมากค่ะ
และนี่ยังเป็นการพิสูจน์อีกว่า ASEAN และ UN มีน้ำยาแค่ไหน
EU เขารวมกลุ่มกันมีปัญหากันก็ช่วยกันแก้
เรื่องผู้อพยพเขาก็เจอปัญหาหนักเหมือนกัน
แล้ว ASEAN ล่ะ จะร่วมมือแก้ปัญหากันได้ไหม?
คนเป็นล้านที่รอชีวิตใหม่ คนเป็นล้านที่เป็นเพื่อนบ้านกัน
คนเป็นล้านที่เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน เราหนีกันไม่พ้นหรอกค่ะ
การผลักใสพวกเขาไปมา ไม่ต่างอะไรกับการที่เรายืนมอง
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกัน
นี่คือสิ่งที่นานาชาติควรร่วมมือกันค่ะ
และสำหรับข่าวดิฉันขอชื่นชมคุณฐาปนีย์
ขอบคุณที่ยังยืนข้างมนุษยธรรม
ขอบคุณทีมงานข่าวทุกคนด้วยใจจริงค่ะ
เรื่องโรฮิงญา ลองฟังดิฉันสักนิด
ก่อนจะอ่านขอทำใจให้สบาย เปิดกว้างและเปิดโล่งค่ะ
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่หันมาตามข่าวและชั่งน้ำหนักว่า
ประเทศไทยควรทำอย่างไรกับคนโรฮิงญา?
ถ้าเรายอมช่วยเหลือให้พวกเขาเข้ามาในแผ่นดินไทยล่ะ?
จะเป็นยังไง? ดิฉันคิดว่าทำได้ แต่ต้องมีแต่...ค่ะ
ซึ่งคืออะไรดิฉันจะขอกล่าวทีหลังค่ะ
ทำไมไม่มีใครต้อนรับโรฮิงญาแม้แต่มุสลิม?
: ที่ผ่านมาดิฉันพบเห็นข้อความในโลกออนไลน์จำนวนมากล่าวว่า
ชาติพันธุ์โรฮิงญาเป็นคนนิสัยไม่ดี ขี้เกียจทำงาน วันๆทำแต่ลูก
ได้คืบเอาศอก ขโมยของ สารพัดความไม่ดี เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครรับ
หรือถ้าไทยรับเข้ามาอนาคตพวกมันอาจจะมาข่มขืนลูกคุณก็ได้
(ดิฉันอ่านแล้วตกใจทีเดียว)
ซึ่งดิฉันมองเรื่องนี้ว่า ชาวโรฮิงญาถูกทางการพม่าปฏิเสธความเป็นพลเมือง
จึงไม่ได้รับสิทธิและเกิดความเดือดร้อนต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการเข่นฆ่าชาวมุสลิม
โดยชาวพุทธซึ่งมีพระสงฆ์เป็นแกนนำ พวกเขาเหล่านี้จึงอยากออกมาหาชีวิตที่เลวร้ายน้อยกว่า
แต่ไม่มีใครรับ...
เพราะยังมีคนโรฮิงญาจำนวนมากในพม่าเป็นล้านคนที่พร้อมจะอพยพมา
หากมีประเทศใดประเทศหนึ่งอ้าแขนรับ ซึ่งแน่นอนว่าเกิดปัญหาตามมาแน่นอน
กับคนจำนวนมากขนาดนั้น เศรษฐกิจในประเทศก็มีปัญหา
ต่อให้กระจายคนเป็นล้านไปทั่วอาเซียนคงไม่ดีแน่ๆ
กระเทือนต่อทั้งความรู้สึกคนในชาติและระบบเศรษฐกิจ
จึงไม่มีใครกล้าอ้าแขนรับ
ดิฉันจึงเชื่อว่านี่คือเหตุผลสำคัญทำไมไม่มีใครต้อนรับโรฮิงญา
ดิฉันปฏิเสธเหตุผลที่โลกออนไลน์เชื่อกัน
นั่นเป็นแค่วาทกรรมที่สร้างความเกลียดกลัวแก่คนโรฮิงญา
เป็นการเหยียดชาติพันธุ์เหมารวม และอคติต่อมุสลิม
แล้วไทยควรทำอย่างไรล่ะ?
: ในเมื่อจะรับก็หนัก จะปล่อยให้พวกเขาไปตายก็ไร้มนุษยธรรม
ทางออกที่ดีคือ ไทยต้องสร้างเงื่อนไขต่อรองต่อนานาชาติ
ในเมื่อพวกเราอยู่ร่วมกันเป็นประชาคมโลก เป็นประชาคมอาเซียน
ไทยมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะต่อรองต่อ UN USA และกลุ่ม ASEAN
ว่าไทยยินดีจะตั้งค่ายช่วยเหลือ 'ชั่วคราว' ให้แก่ชาวโรฮิงญา
รวมถึงชาติอื่นๆที่อาจร่วมตั้งศูนย์พักพิงด้วยเช่นกัน
แต่หน่วยงานของยูเอ็น ยูเอสเอ ประเทศมุสลิม
ควรช่วยเหลือด้านการเงิน เข้ามาเป็นเจ้าภาพ
(ปกติค่ายาอาหาร องค์กรระหว่างประเทศ NGO ต่างๆ
ช่วยเหลืออยู่แล้ว) และสนับสนุนด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจากข่าวที่ผ่านมา UN USA ได้ต่อสายถึงรัฐบาลไทย
แปลว่าพวกเขายอมช่วยอยู่แล้วค่ะ
ซึ่งถ้านานาชาติยินดีเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพ
และไทยจัดการได้ เงินช่วยเหลือที่เข้ามา
ยังสามารถกระจายเป็นรายได้ให้คนไทยได้ด้วย
(บางท่านยกตัวอย่างคราวรับอพยพช่วงสงครามเขมร/เวียดนาม)
แต่การช่วยเหลือเท่านั้นยังไม่พอ เพราะไทยไม่สามารถรองรับผู้อพยพได้ถาวร
อีกข้อต่อรองสำคัญ(มากๆ)ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้คือ อาเซียนและยูเอ็น
ควรร่วมมือกันแก้ปัญหา จะลอบบี้ ต่อรอง กดดัน อย่างไรกับรัฐบาลพม่า
ให้ยอมรับสถานภาพชาวโรฮิงญาเป็นพลเมืองตามกฏหมายพม่า
ถ้าสามารถทำตรงนี้ไปได้ ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้อย่างมากค่ะ
และนี่ยังเป็นการพิสูจน์อีกว่า ASEAN และ UN มีน้ำยาแค่ไหน
EU เขารวมกลุ่มกันมีปัญหากันก็ช่วยกันแก้
เรื่องผู้อพยพเขาก็เจอปัญหาหนักเหมือนกัน
แล้ว ASEAN ล่ะ จะร่วมมือแก้ปัญหากันได้ไหม?
คนเป็นล้านที่รอชีวิตใหม่ คนเป็นล้านที่เป็นเพื่อนบ้านกัน
คนเป็นล้านที่เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน เราหนีกันไม่พ้นหรอกค่ะ
การผลักใสพวกเขาไปมา ไม่ต่างอะไรกับการที่เรายืนมอง
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกัน
นี่คือสิ่งที่นานาชาติควรร่วมมือกันค่ะ
และสำหรับข่าวดิฉันขอชื่นชมคุณฐาปนีย์
ขอบคุณที่ยังยืนข้างมนุษยธรรม
ขอบคุณทีมงานข่าวทุกคนด้วยใจจริงค่ะ