ดิฉันเคยไปกราบนมัสการท่านถึงวัดมาครั้งหนึ่ง...บอกตรงๆต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ตั้งแต่นั้น เพราะว่าไม่เหมือนที่เคยเห็นในภาพถ่ายตามหนังสือต่างๆโดยสิ้นเชิง เคยมโนว่าท่านดูไม่ผ่องใส ไม่สง่าเหมือนพระรูปอื่นๆ และเคยเห็นมีคนเอาท่านั่งของท่านมาทำภาพล้อเลียนต่างๆนานา พาให้นึกไม่เลื่อมใส...! (ต้องขออภัยที่กล่าวคำนี้ค่ะ)
แต่เมื่อได้ไปเห็นตัวจริงของหลวงพ่อ ต้องบอกว่า มิได้เป็นอย่างที่มโนเลยค่ะ จะเป็นเพราะอกุศลจิตของดิฉันหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงดลบันดาลให้ดิฉันได้เข้าไปนั่งใกล้ๆท่าน เพราะสามารถแหวกฝูงชนที่มาคอยกันอย่างเนื่องแน่นเข้าไป จนได้เห็นใบหน้าของหลวงพ่อชนิดที่เรียกกว่าต่อหน้าต่อตา
ต้องบอกว่า หลวงพ่อท่านผ่องใสมาก ผิวพรรณ วรรณะผุดผ่อง ใบหน้าอ่อนกว่าอายุจริง ผิวละเอียดขาว มีราศรี หรือที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า มีออร่ามาก ไม่เหมือนในรูปที่เคยเห็น จริยวัตรก็งดงาม พูดจาภาษาง่ายๆแต่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทั้งๆที่ในช่วงนั้น หลวงพ่อก็ไม่ค่อยแข็งแรง แต่เมื่อเห็นแรงศรัทธาของศิษยานุศิษย์ที่มาขอให้ท่านปัดเป่า เพื่อความเป็นมงคล หลวงพ่อก็ยังอุตส่าห์ออกมานั่งตอบสนองญาติโยม ใครอยากให้เป่าหัว ก็เป่า ใครอยากให้เขกท่านก็เขกตามที่ญาติโยมต้องการ
ที่สำคัญหลวงพ่อท่านมีกุศโลบายในการรับปัจจัย(เงิน) คือถ้าจะถวายเงินหลวงพ่อ ต้องยื่นไปสองแบ็งค์ ท่านจะหยิบไปแบ็งค์นึง ส่วนอีกแบ็งค์นึงท่านจะให้เรากลับมาเป็นขวัญถุงไว้ทำทุน ซึ่งตอนแรก ดิฉันก็ไม่ทราบ ถวายไปแบ็งค์เดียวท่านก็ไม่หยิบ จนมีคนนั่งข้างๆบอกว่าให้ถวายสองแบ็งค์ท่านจึงจะรับไปใบนึง ก็เลยถึงบางอ้อเลยค่ะ
ยิ่งได้มาเห็นโบสถ์ที่หลวงพ่อเป็นผู้ริเริ่มสร้างถวายในหลวงที่วัดบ้านไร่ และได้พูดคุยกับชาวบ้านแถวนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นพระผู้สร้างความเจริญให้วัดและชุมชนย่านนั้น ทั้งถนนหนทาง ทั้งการค้าขายของชาวบ้านที่เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านพัฒนาจนเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ที่คนหลายๆคนมุ่งหน้าไปหากได้ไปเยือน โคราช ครั้งใดต้องไปกราบนมัสการหลวงพ่อ และไปเที่ยวชมโบสถ์ที่สงบร่มเย็นและสวยงามด้วย จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้สถานที่นี้เป็นที่รู้จักของคนอีกมากมาย ยิ่งทำให้ดิฉันชื่นชมและศรัทธายิ่งขึ้น...
จากวันนั้นจนถึงบัดนี้จึงได้ปวารณาตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ เพราะบูชาเหรียญของท่านติดตัวเวลาเดินทางไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่เคยมีญาติโยมไปกล่าวกันว่า เหรียญหลวงพ่อไว้ป้องกันเวลาขับรถหรือเดินทางจะปลอดภัย ภายหลังก็มีคนเล่าว่า หลวงพ่อจะกล่าวติดตลกไว้ว่า "จั๊กกูจิไปคุ้มกันใครได้ เพราะกูเองก็โดดลงจากรถที่ขับเกิน 80 ไปก่อนแล้วลูกหลานเอ๊ย" ....5555 หลวงพ่อท่านมีอารมณ์ขันจริงๆ
ดิฉันว่าเป็นเรื่องที่เอาไว้เตือนสติตัวเวลาจะเริ่มประมาท ได้ดีทีเดียวเรื่องนี้ เพราะวัตถุมงคลแต่ละชนิดมีไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเตือนสติให้ระลึกถึงคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามากกว่าจะนำมาเป็นเครื่องลางของขลังนะคะ
สุดท้ายนี้ ขอให้ดวงวิญญาณของหลวงพ่อคูณผู้ซึ่งอุทิศกำลัง แรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ และในหลายๆครั้งที่หลวงพ่อได้ช่วยกำจัดปัดเป่าทุกข์โศก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นกำลังใจในการสร้างความดี ซึ่งเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ด้วยกุศลผลบุญนี้โปรดจงนำท่านสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ...
ขอขอบคุณ เพื่อนๆที่อ่านจนจบค่ะ...
...ริมคันนา...
"""....จากศิษย์(คนหนึ่ง)ของหลวงพ่อคูณ...."" (ริมคันนา)
แต่เมื่อได้ไปเห็นตัวจริงของหลวงพ่อ ต้องบอกว่า มิได้เป็นอย่างที่มโนเลยค่ะ จะเป็นเพราะอกุศลจิตของดิฉันหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงดลบันดาลให้ดิฉันได้เข้าไปนั่งใกล้ๆท่าน เพราะสามารถแหวกฝูงชนที่มาคอยกันอย่างเนื่องแน่นเข้าไป จนได้เห็นใบหน้าของหลวงพ่อชนิดที่เรียกกว่าต่อหน้าต่อตา
ต้องบอกว่า หลวงพ่อท่านผ่องใสมาก ผิวพรรณ วรรณะผุดผ่อง ใบหน้าอ่อนกว่าอายุจริง ผิวละเอียดขาว มีราศรี หรือที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า มีออร่ามาก ไม่เหมือนในรูปที่เคยเห็น จริยวัตรก็งดงาม พูดจาภาษาง่ายๆแต่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทั้งๆที่ในช่วงนั้น หลวงพ่อก็ไม่ค่อยแข็งแรง แต่เมื่อเห็นแรงศรัทธาของศิษยานุศิษย์ที่มาขอให้ท่านปัดเป่า เพื่อความเป็นมงคล หลวงพ่อก็ยังอุตส่าห์ออกมานั่งตอบสนองญาติโยม ใครอยากให้เป่าหัว ก็เป่า ใครอยากให้เขกท่านก็เขกตามที่ญาติโยมต้องการ
ที่สำคัญหลวงพ่อท่านมีกุศโลบายในการรับปัจจัย(เงิน) คือถ้าจะถวายเงินหลวงพ่อ ต้องยื่นไปสองแบ็งค์ ท่านจะหยิบไปแบ็งค์นึง ส่วนอีกแบ็งค์นึงท่านจะให้เรากลับมาเป็นขวัญถุงไว้ทำทุน ซึ่งตอนแรก ดิฉันก็ไม่ทราบ ถวายไปแบ็งค์เดียวท่านก็ไม่หยิบ จนมีคนนั่งข้างๆบอกว่าให้ถวายสองแบ็งค์ท่านจึงจะรับไปใบนึง ก็เลยถึงบางอ้อเลยค่ะ
ยิ่งได้มาเห็นโบสถ์ที่หลวงพ่อเป็นผู้ริเริ่มสร้างถวายในหลวงที่วัดบ้านไร่ และได้พูดคุยกับชาวบ้านแถวนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นพระผู้สร้างความเจริญให้วัดและชุมชนย่านนั้น ทั้งถนนหนทาง ทั้งการค้าขายของชาวบ้านที่เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านพัฒนาจนเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ที่คนหลายๆคนมุ่งหน้าไปหากได้ไปเยือน โคราช ครั้งใดต้องไปกราบนมัสการหลวงพ่อ และไปเที่ยวชมโบสถ์ที่สงบร่มเย็นและสวยงามด้วย จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้สถานที่นี้เป็นที่รู้จักของคนอีกมากมาย ยิ่งทำให้ดิฉันชื่นชมและศรัทธายิ่งขึ้น...
จากวันนั้นจนถึงบัดนี้จึงได้ปวารณาตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ เพราะบูชาเหรียญของท่านติดตัวเวลาเดินทางไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่เคยมีญาติโยมไปกล่าวกันว่า เหรียญหลวงพ่อไว้ป้องกันเวลาขับรถหรือเดินทางจะปลอดภัย ภายหลังก็มีคนเล่าว่า หลวงพ่อจะกล่าวติดตลกไว้ว่า "จั๊กกูจิไปคุ้มกันใครได้ เพราะกูเองก็โดดลงจากรถที่ขับเกิน 80 ไปก่อนแล้วลูกหลานเอ๊ย" ....5555 หลวงพ่อท่านมีอารมณ์ขันจริงๆ
ดิฉันว่าเป็นเรื่องที่เอาไว้เตือนสติตัวเวลาจะเริ่มประมาท ได้ดีทีเดียวเรื่องนี้ เพราะวัตถุมงคลแต่ละชนิดมีไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเตือนสติให้ระลึกถึงคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามากกว่าจะนำมาเป็นเครื่องลางของขลังนะคะ
สุดท้ายนี้ ขอให้ดวงวิญญาณของหลวงพ่อคูณผู้ซึ่งอุทิศกำลัง แรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ และในหลายๆครั้งที่หลวงพ่อได้ช่วยกำจัดปัดเป่าทุกข์โศก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นกำลังใจในการสร้างความดี ซึ่งเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ด้วยกุศลผลบุญนี้โปรดจงนำท่านสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ...
ขอขอบคุณ เพื่อนๆที่อ่านจนจบค่ะ...
...ริมคันนา...