ไม่มีร้าว ก็ไม่มีพระพุทธ

ครั้งหนึ่ง สามสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่สร้างโบสถ์วัดหนองป่าพงใหม่ ๆ
มีคณะญาติโยมจากกรุงเทพฯ ไปกราบนมัสการหลวงพ่อชา
เมื่อสนทนาธรรมได้พอสมควรแล้ว หลวงพ่อชวนไปชมโบสถ์

เดินขึ้นไปบนโบสถ์แล้ว โยมคนหนึ่งมองไปข้างบนเห็นรอยร้าว
โยมบอกว่า เสียดาย โบสถ์สร้างไม่นานมีร้าวเสียแล้ว
หลวงพ่อท่านตอบว่า อ้าว ไม่มีร้าว ก็ไม่มีพระพุทธ
นี่คือคำตอบของท่าน แปลว่าอะไร?

ก็คือ การที่โบสถ์เกิดมีร้าว ในสายตาของโยมก็คือ
แหม ช่าง(ก่อสร้าง)ไม่เก่ง ไม่ดี เสียดายของใหม่ก็มีมลทินเสียแล้ว
แต่ความคิดของหลวงพ่อไม่เป็นอย่างนั้น
ท่านเห็นว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา
นั่นโบสถ์ก็ต้องมีความเสื่อมเป็นธรรมดา
จะเสื่อมเร็วหรือเสื่อมช้า เป็นเรื่องที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
ถ้าสร้างโบสถ์แล้ว ไม่มีร้าว ไม่มีเสื่อม
แสดงว่า ไม่มีอนิจจัง แล้วก็ไม่มีพุทธศาสนา

เพราะศาสนาพุทธตั้งไว้บนฐานแห่งการรู้เท่าทันความจริงของธรรมชาติ
แม้ในเรื่องเล็กเรื่องน้อยเรื่องธรรมดา ๆ เช่นเรื่องร้าวในเพดาน หลวงพ่อท่านก็มองเป็นธรรมะไปหมดเลย
ในชีวิตประจำวันเราก็ต้องมองให้เป็นอย่างนี้ มองให้เป็นธรรมะมากขึ้น มากขึ้น
ไม่ใช่ในลักษณะที่จะสั่งสอนคนอื่น จะไปเทศน์ให้คนอื่นฟัง หรือจะไปมองเป็นปรัชญา
แต่เพื่อพินิจพิจารณาในเรื่องความจริงของชีวิตบ่อย ๆ
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจ คือความรับรู้ในแนวทางของธรรมะ มากกว่าจะคิดไปทางโลกย์
ซึ่งมักมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็น มีอัตตาตัวตนเป็นแรงผลักดัน
นี่เราเปลี่ยนอัตตาตัวตนจากอธรรมะให้เป็นธรรมะ ไปไหนเราก็รู้สึกว่าอยู่กับธรรมะ
ธรรมะไม่ได้อยู่ในคัมภีร์หรือในหนังสือ ธรรมะอยู่กับความจริง

หลวงพ่อชยสาโร




https://www.facebook.com/pages/สาขาวัดหนองป่าพง/182989118504002
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่