แนะนำภาพยนตร์ "ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์" ครับ

ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์
โครงการภาพยนตร์สนองคุณแผ่นดิน โดย บริษัท อกาลิโก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด
ที่ปรึกษาภาพยนตร์ฝ่ายสงฆ์โดย สมเด็จพุฒาจารย์ ( เกี่ยว) อุปเสโณ ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
ที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาสโดย ครูฉลวย ศรีรัตนา, สมพงศ์ ตรีบุปผา
กำกับภาพยนตร์ - สมเกียรติ เรือนประภัสสร์
บทภาพยนตร์โดย อ.ศัลยา สุขะนิวัตติ์

เข้าฉาย 28 พฤษภาคม 2558



ผู้รับบทเป็นแม่และพ่อของหลวงพ่อโต
ซึ่งพ่อแท้ๆ ต่อไปจะได้ขึ้นครองราชย์เป็น ร.๒

































แม่นาคก็มี ^_^



ท่านๆอาจคุ้นเคยกับคลิป ขรัวโตเทศน์ครั้งสุดท้าย แล้วมรณะภาพในท่านั่ง
แต่เวอร์ชั่นนี้ท่านมรณะภาพในท่านอน เป็นความเห็นต่างของผู้สร้าง ซึ่งศึกษาชีวประวัติขรัวโตมาอย่างนี้ครับ











ชมคลิปตัวอย่างภาพยนตร์

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


หรือชมภาพเบื้องหลังต่างๆ ได้ที่ youtube ช่องของขรัวโตได้ที่ https://www.youtube.com/user/agaligo2/videos





โดยส่วนตัวผมเคยได้พูดคุยกับทางผู้สร้าง คุณสมเกียรติ เรือนประภัสสร์ และภรรยา ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกรุงเทพ   ก่อให้เกิดบทสนทนาสามฝ่าย คือ คุณสมเกียรติและภรรยา  คุณสมภพ(ผม)  และเจ้าพ่อหลักเมืองครับ ^_^   โดยผมเลยเป็นเหมือนทั้งพิธีกร ร่างทรง และนักข่าวไปในตัว ^_^  บทสนทนานี้จะทำให้เห็นแนวทางภาพยนตร์ได้โดยคร่าวๆ ซึ่งทางผู้สร้างไม่เน้นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์  โดยขอยกเฉพาะประเด็นบางส่วน มาดังนี้
บทสนทนานี้เกิดขึ้นวันที่ 29 มี.ค. 57 (เข้าใจว่าตอนนั้นยังไม่ได้บท)

สมเกียรติ : บทภาพยนตร์ตอนเนียะ มาถูกทางแล้วหรือเปล่าครับ

พระหลักเมือง : ห า ก ทํ า ด้ ว ย ค ว า ม น อ บ น้ อ ม นั บ ว่ า ดี

สมเกียรติ : ผมไม่ทำอะไรที่เกินความเป็นจริง คือไม่ควรจะใส่เรื่องที่ลักษณะเหมือนอวดอุตริหนะ หลวงปู่เนียะท่านเป็นพระสมถะ ไม่ใช่เป็นพระอวดอุตริ เพราะฉะนั้นอย่าไปใส่อภินิหารเกินจริงๆต่างๆ หลวงปู่ไม่ชอบเรื่องอย่างงี้ ท่านอยากจะสอนธรรมะคนมากกว่าที่จะทำให้ดูเป็นอภินิหารอะไรแบบนั้น หนังแบบฮ่องกงอะไรแบบนั้นมันไม่ใช่ จริงๆแล้วผมก็ไม่ต้องการแบบนั้น ผมต้องการทำอะไรที่ดูนอบน้อม ดูเป็นที่ให้เกิดความเคารพ มากกว่าที่จะไปทำอะไรที่ดูหวืหวาเป็นแฟนตาซีอะไรอย่างงี้ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่หนังแฟนตาซีหนะ มันเป็นหนังที่ให้คติธรรมกับคนมากกว่า ผมเข้าใจอย่างงี้ถูกมั้ยครับ เข้าใจเป็นหนังที่ให้คติธรรมกับคนมากกว่าที่จะเป็นแฟนตาซีหวือหวา

พระหลักเมือง : ต้ อ ง ดู ที่ นั ก แ ส ด ง

สมเกียรติ : ขยายความได้มั้ยครับ

พระหลักเมือง : ห า ก นั ก แ ส ด ง ไ ม่ ศ รั ท ธ า บ อ ก ไ ป ทํ า อ ย่ า ง อื่ น ดี ก ว่ า

สมเกียรติ : จริงด้วย ถ้าไม่ศรัทธาไปที่อื่นเลย อย่ามายุ่งกับงานของผม ผมพูดอย่างงี้ชัดเจนนะ ถ้าคุณไม่ศรัทธาในหลวงปู่คุณไปเลย ไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมบอกแล้วว่าถ้าจะร่วมงานกับผม คุณเอาใจมาก่อนเอาศรัทธามาก่อน เพราะผมทำงานด้วยศรัทธา ผมไม่ได้ทำงานด้วยว่าผมจะเป็นอะไร ผมศรัทธาที่ผมจะทำหนังเรื่องนี้ให้เป็นประวัติศาสตร์ของหลวงปู่ ให้เป็นเกียรติประวัติของหลวงปู่ และให้แทนคุณแผ่นดินผม ผมไม่ได้คิดว่าจะทำเพื่อความโด่งดัง มันไม่ใช่ เพราะผมเลยจุดตรงนั้นไปแล้ว ผมสร้างด้วยศรัทธาจริงๆ ผมต้องการสร้างงานที่ทำแล้วให้คนเนียะได้มีสติ ได้กลับมาคิดถึงสติว่ามีใจบุญ มีศรัทธากับพระศาสนามาก ประเทศชาติจะได้มีคนดีๆเพิ่มขึ้น เพราะมีคติธรรมมากมายที่จะสั่งสอนลงไปในภาพยนตร์ ไม่ได้ทำเพื่อสร้างหนังเพื่อความบันเทิงเพื่อไปหาเงิน เราไม่ทำอย่างงั้นอยู่แล้ว

ผม : ในที่นี้หมายถึงนักแสดงทุกคน ไม่ใช่แต่ตัวคุณเศรษฐา ใช่มั้ยครับ

สมเกียรติ : ทุกคนๆ เศรษฐามีศรัทธามากเลย ไปบวชก่อนที่จะเล่นเลยเห็นมั้ย(บวชที่อินเดีย) ทุกคนมาด้วยศรัทธาหมด เศรษฐาเค้าไปบวชสึกออกมาแล้ว เค้าเตรียมตัวที่จะไปแสดงขรัวโต ตอนนี้รอบทอย่างเดียว เค้าบวชเพื่อเอาบารมีของเค้าก่อน บวชเพื่อให้บอกกล่าวหลวงปู่ว่าเค้าจะมาเล่นเรื่องนี้ เค้าขอบวชถวาย

ผม : เดี๋ยวขอถามถึงคุณเศรษฐาหน่อยนะครับ  คุณเศรษฐาแสดงเป็นหลวงพ่อโต ดีมั้ยครับ ท่านมีความเห็นอย่างไร

พระหลักเมือง : ร ะ วั ง ห ล ว ง พ่ อ โ ต เ ข้ า สิ ง
(คำพูดนี้ทำให้พวกเค้าขนลุกกันเลย โดยเค้าไม่อยากบอกพี่ต้อยเรื่องนี้อาจไว้บอกตอนหลัง เพราะเค้าบอกว่าพี่ต้อยเป็นคนกลัวผีมาก แต่เวลาเล่นเค้าจะถอดมือโปรมาเลย)

ภรรยาผู้กำกับ : เค้าว่าเป็นพรหมลงมาเกิดชื่อ พรหมชินนะปัญจะระ ลงมาเกิดหรือเปล่า

พระหลักเมือง : ไว้วันหน้าสืบให้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่