ขอกราบงามๆ พร้อมกับตะโกนว่า “ ซัวซไดย” เรากลับมารีวิวการ สถานที่ท่องเที่ยวกัมพูชา กันอีกแล้วนะคะคราวนี้เราจะไป เที่ยวนครวัด นครธม กันค่ะ หลังจากที่ครั้งที่แล้วเราได้ไปเที่ยวที่ โตนสเลง กันมาแล้วนะคะ (กำลังนึกอยู่ว่า ลืมต่อการไปเที่ยวที่ ทุ่งสังหาร ยังไงอดใจรอนิดหนึ่งนะคะ จะเขียนเป็นบทต่อไปค่ะ หลังจากที่เราเดินทางไปยัง พนมเปญ มาแล้ว หลังจากนั้นเด็กแก่เรียน ผู้หลงรักประวัติศาสตร์แบบติดกันจนงอมแงม จึงควงแขนกันไปยัง เสียมเรียบ พร้อมร่างที่โดน อังกอร์เบียร์ทำลายไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ (ขอบอกว่า ที่นั่นเบียร์ถูกมากสมคำร่ำลือค่ะ 2 ดอลลาร์ต่อเหยือกเท่านั้น) ด้วยการนั่งรถตู้แบบ VIP แอร์เย็นเจี๊ยบพร้อมกับ Wifi ให้บริการบนรถนั่งอย่างสะดวกสบายกันเลยทีเดียว หลับๆ ตื่นๆ ค่ะ แอบหากล้องไม่เจอเลยไม่ได้เก็บภาพในช่วงนี้มาฝากกัน
ลงรถมาตรงบริเวณใกล้ๆ กับ Walking Stress ของเสียมเรียบ เราก็ได้ทำการมองหาโรงแรมกันค่ะตกลงราคากันได้ 1000 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเช้า เรียกว่าห้องดูดีทีเดียวน่าจะสัก 3-4 ดาวด้วยซ้ำ เก็บข้าวของอาบน้ำให้เรียบร้อยหลังจากนั้นเราก็เริ่มที่จะมองหา ทัวร์นครวัด นครธม กันแทบจะทันทีในบริเวณ Walking Stress ของเสียมเรียบก็จะคล้ายๆ กับถนนข้าวสารของบ้านเรานั่นเอง ซึ่งในตอนแรกเราคิดว่าจะเช่ารถสามล้อแล้วไปกันเองแต่ลองมาคิดดูกันแล้วว่า พวกเราต้องการรู้ประวัติต่างๆ จากไกด์ทัวร์อีกด้วยจึงเลือกไปทัวร์พร้อมกับคณะค่ะ ราคาสามารถต่อรองได้เนื่องจากความที่เป็นสาวนักต่อรองราคาจาก 1000 บาทไทยโดยประมาณ ลดลงเหลือคนละ 800 บาทโดยประมาณ ราคานี้จะไม่รวมบัตรค่าเข้าที่จะต้องเสียคนละ 20 ดอลลาร์สำหรับบัตร 1 วันนะคะเป็นบัตรที่รวมค่าข้าวของกลุ่มปราสาทที่อยู่โดยเสียมเรียบ รถมารับประมาณ 8 โมงเช้าที่โรงแรมค่ะ
เอาล่ะ...การซื้อ ทัวร์นครวัด นครธม เสร็จสิ้นลงไปแล้วได้เวลาไปหาของกินและเครื่องดื่มทำลายสุขภาพกันสักหน่อย แหะๆ อาหารมื้อนี้เป็นเฝอแบบ กัมพูชา สไตล์ค่ะ และ ล็อกแลก (ขอเรียกว่า หมูผัดน้ำมันหอยกับพริกไทยดำ ก็แล้วกัน) อร่อยระดับ 5 ดาวแต่เฝอเอาไว้ 5 กะโหลกเพราะตกดึกมา ทั้งสาวไทยทั้งหนุ่มฝรั่ง วิ่งเข้าห้องน้ำกันแทบไม่ทัน
ตื่นมาตอนเช้าแทบจะหมดแรงแต่ยังใจสู้เพราะอัดยาเข้าไปเต็มที่ น้ำเต็มกระเป๋ารวมถึงของกินแบบเปรี้ยวๆ ที่จะไม่ทำให้เราอาเจียนระหว่างทาง รถนัด 8 โมงเช้าแต่มารับ 8 โมง 45 แอบอารมณ์เสียนิดๆ แต่เข้าใจว่าเขาต้องเวียนรถไปรับคนอื่นด้วยสรุป ทัวร์นครวัด นครธม กลุ่มนี้มีเพื่อนร่วมทาง 11 คนค่ะ รถตู้เป็นแบบกลางเก่ากลางใหม่แต่แอร์ยังเย็นอยู่พอถูไถค่ะ ที่แรกที่เราจะไปกันคือ นครวัด หรือ อังกอร์วัด นั่นเองค่ะ
รถตู้จะจอดให้คุณลงไปทำบัตรนักท่องเที่ยวซึ่งจริงๆ แล้วเขาจะเช็คแค่ที่ นครวัด เท่านั้น คุณจะต้องถ่ายรูปเพื่อแสดงบนบัตร เราแอบสะกิดถามไกด์ว่าทำไมเขาบอกว่า มันมีพวกไกด์นิสัยไม่ดีชอบเวียนตั๋วเลยต้องมีรูปติดบัตรไปเลยเพื่อตัดปัญหา ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเราก็ทำบัตรเสร็จ ขับรถต่อไปสักนิดจึงเห็น นครวัด ยอมรับเลยว่าขนลุกมากเพราะ นครวัด ใหญ่และสวยงามมากจริงๆ แม้จะไม่เหมือนในรูปแต่ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยจริงๆ เราไม่ได้ถ่ายรูปตรงหน้าเพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ย้อนแสง ขอโทษด้วยนะคะ เลยเอาภาพจากอินเตอร์เน็ตที่คิดว่าใกล้เคียงมาแทนค่ะ
สำหรับคนที่อยากทราบประวัติความเป็นมาอ่านตรงนี้นะคะ อันนี้ได้มาจากปากไกด์เองและข้อมูลที่หาเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตค่ะ
“ นครวัด “ “อังกอร์วัด” หรือ “ นอร์กอร์วัด” (ชื่อที่ชาวกัมพูชาเรียก) ถูกก่อสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 1656-1693 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี ใช้หินทั้งหมดจากเทือกเขาพนมกุเลนที่ไกลออกไปกว่า 50 กิโลเมตร การขนส่งคือ ล่องหินตามแม่น้ำมา ใช้แรงงานคนกว่าแสนคนและช้างกว่าพันเชือก เป็นเทวสถานให้แก่องค์วิษณุเทพในศาสนาฮินดู กัมพูชาในช่วงนั้นนับถือพระวิษณุที่สุด ผู้สร้างคือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่ง นครวัด ยังเป็นสถานที่ที่ใช้เป็นสุสานของพระองค์อีกด้วย นครวัด จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ทิศแห่งความตาย) แตกต่างจากปราสาทแห่งอื่น ก่อนเข้าไปคุณจะสะดุดตากับ คูน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องสะดุดตาในวันอากาศร้อนๆ จะเห็นเด็กลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานแบบลืมเหนื่อยกันเลยทีเดียว คูน้ำมีความยาว 1.5 เมตร กว้าง 1.3 กิโลเมตรล้อมรอบ นครวัด หลักการก่อสร้างปราสาทที่ต้องการให้เหมือนกับเขาพระสุเมรุที่อยู่ของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ในส่วนของคูน้ำเปรียบกับมหาสมุทรที่โอบล้อมโลกซึ่งปราสาทอื่นๆ ก็มีคูน้ำที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน
เดินผ่านสะพานข้ามเข้าไปจะเห็นกำแพงชั้นด้านนอกรูปสี่เหลี่ยมทรงจัตุรัสสร้างด้วยศิลาแลง มีความยาวประมาณ 235 เมตรทางด้านหน้ามีทางเข้ามีประตูทางเข้าถึง 5 แห่ง ประตูขนาดใหญ่ตรงกลางที่เป็นทางเข้าของพระมหากษัตริย์ ประตูที่ขนาบข้างประตูใหญ่ทั้งสองข้างเป็นทางเข้าของพราหมณ์ ข้าหลวง ข้าราชการในสมัยนั้น ประตูซ้ายสุดนั้นสำหรับประชาชน ชาวบ้าน ประตูขวาสุดนั้นเป็นประตูสำหรับสัตว์ที่เป็นพาหนะ ช้างหรือม้า สำหรับผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการค่ะ เดินผ่านกำแพงขั้นนอกเข้ามา จะเจอทางเดินพญานาค 2 ตัวขนาบกันไปกับทางเดินส่วนราวบันราวบันไดส่วนหัว และปลายของราวบันไดสร้างเป็นส่วนหัว นอกจากนี้คุณสามารถเดินชมสระน้ำด้านหน้าที่เห็นภาพปราสาทนครวัดทั้ง 5 สะท้อนผิวน้ำที่สวยงามที่สุดค่ะ แต่เราไม่เห็นนะ 555
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป นครวัด
พระวิษณุ 8 กร ประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ สังเกตง่ายๆ คือ หุ่นที่มีพระเนตรปิด พระโอษฐ์ที่อมยิ้ม มีชายผ้าเสมอต้นขาและมีรูปหางปลา มีแขน 8 กร ไกดืบอกเราว่า รูปปั้นพระวิษณุนี้เป็นรูปปั้นที่คล้ายกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งพระองค์ถือว่าเป็นพระวิษณุอวตารลงมาจุติบนพื้นโลกค่ะ
ปราสาทชั้นกลาง มีภาพสลักและประติมากรรมอันโดดเด่น จนได้รับการยกย่องว่าเป็น ศิลปะแห่งยุคนครวัด มีภาพสลักยาวกว่า 600 เมตรมีถึง 4 ด้านให้เข้าชม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของคัมภีรพระเวท มหากาพย์ของศาสนาฮินดู และการเดินทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จุดเด่นของปราสาทชั้นกลางคือ สระน้ำขนาดเล็กจำนวน 4 สระ ในบริเวณนี้มีในสมัยของนักองค์จัน (กษัตริย์กัมพูชาในสมัยอยุธยา) เคยใช้เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปอยู่จำนวนมากอีกด้วย
เขาพระสุเมรุ เดินเข้ามาถึงด้านในสุดของ นครวัด พบกับปรางค์ปราสาททั้ง 5 อยู่บนฐานยกสูงขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือบันไดทางขึ้นสูงถึง 4 ด้าน ด้านละ 3 แห่งรวมทั้งหมด 12 แห่ง ซึ่งสูงมากนะคะเดินระวังหน่อย แต่ในปัจจุบันนั้นได้เปิดให้เข้าชมเพียง 1 ด้านเท่านั้นเอง ด้วยความเชื่อของพราหมณ์และเทพเจ้าที่เชื่อว่า ได้อยู่บนแกนกลางของจักรวาล หรือเขาพระสุเมรุ รอบๆ จะมีองค์พระรอบๆ มีคนคอยจุดธูปเทียนให้ อย่าหลงเข้าไปเชียวเพราะคุณจะต้องบริจาคเงินให้พวกเขาอีกด้วยนะคะ เมื่อไปถึงจุดสูงสุดจะมองเห็นวิวมุมสูงที่สวยงามของเมืองอีกด้วย และเป็นสถานที่บรรจุพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เชื่อว่าพระราชาคือ เทพ และเมื่อสวรรคตแล้วนั้นจะกลายเป็นหนึ่งกับพระวิษณุ จึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ “มฤตกเทวาลัย” ค่ะ
ชมนางอัปสรที่สวยงาม เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของ นครวัด อีกอย่างหนึ่งก็ได้ นางอัปสรใน นครวัด นั้นมีถึง 1,635 องค์ซึ่งจะเห็นตั้งแต่บริเวณด้านหน้าคือบริเวณชั้นนอกจนถึงองค์ตัวพระปรางค์ด้านใน นางอัปสรในปราสาทนครวัดมีถึง 36 แบบ แต่ที่ดูแปลกว่านางอื่นคือ 3 องค์คือ นางอัปสรที่ยิ้มจนเห็นฟัน นางอัปสรเปลือยอก และนางอัปสรลิ้นสองแฉก และเป็นเรื่องสนุกที่จะคอยมองหานางอัปสรทั้ง 3 องค์นี้เมื่อเข้ามาเยือนในปราสาทนครวัดค่ะ
ข้อแนะนำในการท่องเที่ยวนครวัด
การท่องเที่ยวใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนะคะ ฉะนั้นควรที่จะติดน้ำหรือเกลือแร่ติดเข้าไปด้วยนะคะ อีกอย่างใน นครวัด มีห้องน้ำนะคะ จะอยู่ห่างไปจากตัว นครวัด ประมาณ 300 เมตรทางด้านขวา ห้องน้ำสะอาด และมีน้ำมะพร้าว เครื่องดื่มเอาไว้ให้บริการอีกด้วย รวมถึงการเดินชมอาจจะต้องใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อเหมาะกับการเดินเที่ยวชมเพราะทริปนี้ เดิน เดิน เดิน เดิน และปีนป่ายสักนิดใน เขาพระสุเมรุ ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะคะ เพราะแดดที่นี่ร้อนมากค่ะ
ติดตามการเที่ยวปราสาทบายน นครหลวง และนครธม กันต่อนะคะ
อ่านบทความที่เคทเคยไปเที่ยวมาก่อนนะคะ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ [CR]เที่ยวเชียงคาน บันทึกการเดินทางแสนทรหดกับเชียงคานที่เปลี่ยนไป http://ppantip.com/topic/33643481
สถานที่ท่องเที่ยวกัมพูชา ลุยคุกโตนสเลงเขมรแดง http://ppantip.com/topic/33643825
หากสนใจอย่าลืมมาติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Facebook https://www.facebook.com/tripandtravel.fanpage
website http://trip-and-travel.com/
ขอบคุณค่ะ ติชมได้นะคะ
[CR] เที่ยวนครวัด นครธม แบกร่างป่วยลุย กัมพูชา
ลงรถมาตรงบริเวณใกล้ๆ กับ Walking Stress ของเสียมเรียบ เราก็ได้ทำการมองหาโรงแรมกันค่ะตกลงราคากันได้ 1000 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเช้า เรียกว่าห้องดูดีทีเดียวน่าจะสัก 3-4 ดาวด้วยซ้ำ เก็บข้าวของอาบน้ำให้เรียบร้อยหลังจากนั้นเราก็เริ่มที่จะมองหา ทัวร์นครวัด นครธม กันแทบจะทันทีในบริเวณ Walking Stress ของเสียมเรียบก็จะคล้ายๆ กับถนนข้าวสารของบ้านเรานั่นเอง ซึ่งในตอนแรกเราคิดว่าจะเช่ารถสามล้อแล้วไปกันเองแต่ลองมาคิดดูกันแล้วว่า พวกเราต้องการรู้ประวัติต่างๆ จากไกด์ทัวร์อีกด้วยจึงเลือกไปทัวร์พร้อมกับคณะค่ะ ราคาสามารถต่อรองได้เนื่องจากความที่เป็นสาวนักต่อรองราคาจาก 1000 บาทไทยโดยประมาณ ลดลงเหลือคนละ 800 บาทโดยประมาณ ราคานี้จะไม่รวมบัตรค่าเข้าที่จะต้องเสียคนละ 20 ดอลลาร์สำหรับบัตร 1 วันนะคะเป็นบัตรที่รวมค่าข้าวของกลุ่มปราสาทที่อยู่โดยเสียมเรียบ รถมารับประมาณ 8 โมงเช้าที่โรงแรมค่ะ
เอาล่ะ...การซื้อ ทัวร์นครวัด นครธม เสร็จสิ้นลงไปแล้วได้เวลาไปหาของกินและเครื่องดื่มทำลายสุขภาพกันสักหน่อย แหะๆ อาหารมื้อนี้เป็นเฝอแบบ กัมพูชา สไตล์ค่ะ และ ล็อกแลก (ขอเรียกว่า หมูผัดน้ำมันหอยกับพริกไทยดำ ก็แล้วกัน) อร่อยระดับ 5 ดาวแต่เฝอเอาไว้ 5 กะโหลกเพราะตกดึกมา ทั้งสาวไทยทั้งหนุ่มฝรั่ง วิ่งเข้าห้องน้ำกันแทบไม่ทัน
ตื่นมาตอนเช้าแทบจะหมดแรงแต่ยังใจสู้เพราะอัดยาเข้าไปเต็มที่ น้ำเต็มกระเป๋ารวมถึงของกินแบบเปรี้ยวๆ ที่จะไม่ทำให้เราอาเจียนระหว่างทาง รถนัด 8 โมงเช้าแต่มารับ 8 โมง 45 แอบอารมณ์เสียนิดๆ แต่เข้าใจว่าเขาต้องเวียนรถไปรับคนอื่นด้วยสรุป ทัวร์นครวัด นครธม กลุ่มนี้มีเพื่อนร่วมทาง 11 คนค่ะ รถตู้เป็นแบบกลางเก่ากลางใหม่แต่แอร์ยังเย็นอยู่พอถูไถค่ะ ที่แรกที่เราจะไปกันคือ นครวัด หรือ อังกอร์วัด นั่นเองค่ะ
รถตู้จะจอดให้คุณลงไปทำบัตรนักท่องเที่ยวซึ่งจริงๆ แล้วเขาจะเช็คแค่ที่ นครวัด เท่านั้น คุณจะต้องถ่ายรูปเพื่อแสดงบนบัตร เราแอบสะกิดถามไกด์ว่าทำไมเขาบอกว่า มันมีพวกไกด์นิสัยไม่ดีชอบเวียนตั๋วเลยต้องมีรูปติดบัตรไปเลยเพื่อตัดปัญหา ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเราก็ทำบัตรเสร็จ ขับรถต่อไปสักนิดจึงเห็น นครวัด ยอมรับเลยว่าขนลุกมากเพราะ นครวัด ใหญ่และสวยงามมากจริงๆ แม้จะไม่เหมือนในรูปแต่ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยจริงๆ เราไม่ได้ถ่ายรูปตรงหน้าเพราะในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ย้อนแสง ขอโทษด้วยนะคะ เลยเอาภาพจากอินเตอร์เน็ตที่คิดว่าใกล้เคียงมาแทนค่ะ
สำหรับคนที่อยากทราบประวัติความเป็นมาอ่านตรงนี้นะคะ อันนี้ได้มาจากปากไกด์เองและข้อมูลที่หาเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตค่ะ
“ นครวัด “ “อังกอร์วัด” หรือ “ นอร์กอร์วัด” (ชื่อที่ชาวกัมพูชาเรียก) ถูกก่อสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 1656-1693 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี ใช้หินทั้งหมดจากเทือกเขาพนมกุเลนที่ไกลออกไปกว่า 50 กิโลเมตร การขนส่งคือ ล่องหินตามแม่น้ำมา ใช้แรงงานคนกว่าแสนคนและช้างกว่าพันเชือก เป็นเทวสถานให้แก่องค์วิษณุเทพในศาสนาฮินดู กัมพูชาในช่วงนั้นนับถือพระวิษณุที่สุด ผู้สร้างคือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่ง นครวัด ยังเป็นสถานที่ที่ใช้เป็นสุสานของพระองค์อีกด้วย นครวัด จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ทิศแห่งความตาย) แตกต่างจากปราสาทแห่งอื่น ก่อนเข้าไปคุณจะสะดุดตากับ คูน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องสะดุดตาในวันอากาศร้อนๆ จะเห็นเด็กลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานแบบลืมเหนื่อยกันเลยทีเดียว คูน้ำมีความยาว 1.5 เมตร กว้าง 1.3 กิโลเมตรล้อมรอบ นครวัด หลักการก่อสร้างปราสาทที่ต้องการให้เหมือนกับเขาพระสุเมรุที่อยู่ของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ในส่วนของคูน้ำเปรียบกับมหาสมุทรที่โอบล้อมโลกซึ่งปราสาทอื่นๆ ก็มีคูน้ำที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน
เดินผ่านสะพานข้ามเข้าไปจะเห็นกำแพงชั้นด้านนอกรูปสี่เหลี่ยมทรงจัตุรัสสร้างด้วยศิลาแลง มีความยาวประมาณ 235 เมตรทางด้านหน้ามีทางเข้ามีประตูทางเข้าถึง 5 แห่ง ประตูขนาดใหญ่ตรงกลางที่เป็นทางเข้าของพระมหากษัตริย์ ประตูที่ขนาบข้างประตูใหญ่ทั้งสองข้างเป็นทางเข้าของพราหมณ์ ข้าหลวง ข้าราชการในสมัยนั้น ประตูซ้ายสุดนั้นสำหรับประชาชน ชาวบ้าน ประตูขวาสุดนั้นเป็นประตูสำหรับสัตว์ที่เป็นพาหนะ ช้างหรือม้า สำหรับผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการค่ะ เดินผ่านกำแพงขั้นนอกเข้ามา จะเจอทางเดินพญานาค 2 ตัวขนาบกันไปกับทางเดินส่วนราวบันราวบันไดส่วนหัว และปลายของราวบันไดสร้างเป็นส่วนหัว นอกจากนี้คุณสามารถเดินชมสระน้ำด้านหน้าที่เห็นภาพปราสาทนครวัดทั้ง 5 สะท้อนผิวน้ำที่สวยงามที่สุดค่ะ แต่เราไม่เห็นนะ 555
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป นครวัด
พระวิษณุ 8 กร ประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ สังเกตง่ายๆ คือ หุ่นที่มีพระเนตรปิด พระโอษฐ์ที่อมยิ้ม มีชายผ้าเสมอต้นขาและมีรูปหางปลา มีแขน 8 กร ไกดืบอกเราว่า รูปปั้นพระวิษณุนี้เป็นรูปปั้นที่คล้ายกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งพระองค์ถือว่าเป็นพระวิษณุอวตารลงมาจุติบนพื้นโลกค่ะ
ปราสาทชั้นกลาง มีภาพสลักและประติมากรรมอันโดดเด่น จนได้รับการยกย่องว่าเป็น ศิลปะแห่งยุคนครวัด มีภาพสลักยาวกว่า 600 เมตรมีถึง 4 ด้านให้เข้าชม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของคัมภีรพระเวท มหากาพย์ของศาสนาฮินดู และการเดินทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จุดเด่นของปราสาทชั้นกลางคือ สระน้ำขนาดเล็กจำนวน 4 สระ ในบริเวณนี้มีในสมัยของนักองค์จัน (กษัตริย์กัมพูชาในสมัยอยุธยา) เคยใช้เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปอยู่จำนวนมากอีกด้วย
เขาพระสุเมรุ เดินเข้ามาถึงด้านในสุดของ นครวัด พบกับปรางค์ปราสาททั้ง 5 อยู่บนฐานยกสูงขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือบันไดทางขึ้นสูงถึง 4 ด้าน ด้านละ 3 แห่งรวมทั้งหมด 12 แห่ง ซึ่งสูงมากนะคะเดินระวังหน่อย แต่ในปัจจุบันนั้นได้เปิดให้เข้าชมเพียง 1 ด้านเท่านั้นเอง ด้วยความเชื่อของพราหมณ์และเทพเจ้าที่เชื่อว่า ได้อยู่บนแกนกลางของจักรวาล หรือเขาพระสุเมรุ รอบๆ จะมีองค์พระรอบๆ มีคนคอยจุดธูปเทียนให้ อย่าหลงเข้าไปเชียวเพราะคุณจะต้องบริจาคเงินให้พวกเขาอีกด้วยนะคะ เมื่อไปถึงจุดสูงสุดจะมองเห็นวิวมุมสูงที่สวยงามของเมืองอีกด้วย และเป็นสถานที่บรรจุพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เชื่อว่าพระราชาคือ เทพ และเมื่อสวรรคตแล้วนั้นจะกลายเป็นหนึ่งกับพระวิษณุ จึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ “มฤตกเทวาลัย” ค่ะ
ชมนางอัปสรที่สวยงาม เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของ นครวัด อีกอย่างหนึ่งก็ได้ นางอัปสรใน นครวัด นั้นมีถึง 1,635 องค์ซึ่งจะเห็นตั้งแต่บริเวณด้านหน้าคือบริเวณชั้นนอกจนถึงองค์ตัวพระปรางค์ด้านใน นางอัปสรในปราสาทนครวัดมีถึง 36 แบบ แต่ที่ดูแปลกว่านางอื่นคือ 3 องค์คือ นางอัปสรที่ยิ้มจนเห็นฟัน นางอัปสรเปลือยอก และนางอัปสรลิ้นสองแฉก และเป็นเรื่องสนุกที่จะคอยมองหานางอัปสรทั้ง 3 องค์นี้เมื่อเข้ามาเยือนในปราสาทนครวัดค่ะ
ข้อแนะนำในการท่องเที่ยวนครวัด
การท่องเที่ยวใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนะคะ ฉะนั้นควรที่จะติดน้ำหรือเกลือแร่ติดเข้าไปด้วยนะคะ อีกอย่างใน นครวัด มีห้องน้ำนะคะ จะอยู่ห่างไปจากตัว นครวัด ประมาณ 300 เมตรทางด้านขวา ห้องน้ำสะอาด และมีน้ำมะพร้าว เครื่องดื่มเอาไว้ให้บริการอีกด้วย รวมถึงการเดินชมอาจจะต้องใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อเหมาะกับการเดินเที่ยวชมเพราะทริปนี้ เดิน เดิน เดิน เดิน และปีนป่ายสักนิดใน เขาพระสุเมรุ ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะคะ เพราะแดดที่นี่ร้อนมากค่ะ
ติดตามการเที่ยวปราสาทบายน นครหลวง และนครธม กันต่อนะคะ
อ่านบทความที่เคทเคยไปเที่ยวมาก่อนนะคะ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากสนใจอย่าลืมมาติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณค่ะ ติชมได้นะคะ