หยุดวันแรงงานที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนๆ ตัดสินใจจะไปนครวัดกันสักครั้ง
เช้าตรู่วันที่หนึ่ง เราเดินทางจากขนส่งหมอชิต2 โดยรถทัวร์แอร์อรัญตอนตีสี่ครึ่ง
ระยะเวลาเดินทางบนรถนานพอๆกับไปญี่ปุ่น ^^! เรามาถึงตลาดโรงเกลือน่าจะเกือบสิบโมง
เหมือนวันนี้พิเศษจริงๆ แถว ตม ขาออกยาวเลย 7-11 ออกไป(น่าจะกิโลนึง) เพราะพี่นักเสี่ยงวันนี้มากจริง
อย่างไรก็ตามเวลาผ่านแดนก็ไม่นานมาก ระหว่างรอคิวพี่ๆนักลุ้นได้สอนความรู้ใหม่
ทั้งเรื่องรถบ่อนที่วิ่งใช้เวลาน้อยกว่าครึ่ง รวมทั้งเมนูอาหารเด็ดของบ่อนต่างๆช่วงวันหยุด

หลังจากผ่านด่านไทย จะพบกับฟรีโซนเป็นแดนเสี่ยงโชคล้วนๆ งานนี้แล้วแต่ความถนัดครับ
เราใช้เวลาพออิ่มท้องและเปิดหูเปิดตาไปหลายบาท ก็ผ่านด่าน ตม ขาเข้ากัมพูชา
พอเดินมาสัก5ก้าว จะเห็นรถรับส่งฟรีไปที่ขนส่งของปอยเปตครับ ถ้าจะไปขึ้นรถที่ขนส่งเชิญครับ

พอดีเราจ้างรถตู้นำเที่ยวแล้ว เลยนั่งตรงเข้าเสียมเรียบเลย ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่พักครับ
จากนั้นไปซื้อตั๋วเข้าชมนครวัดของวันถัดไป(เริ่มขายห้าโมง) พอได้ตั๋วก็สามารถลุยเขตนครวัดเย็นนั้นได้เลย
จุดแรกที่เราไปคือยอดเขาพนมบาเคง จำนวนคนบนเขาวันนี้เยอะมากๆ แต่ด้วยสภาพอากาศที่มีเมฆเยอะมาก
ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ถอดใจลงไปไว ใช้เวลาไม่มาก เลยมีจังหวะได้ภาพปลอดคนมาบ้าง


หลังจากลงเขาเราไปกินข้าวกันที่ Pub street ครับราคาอาหารก็จะหลากหลาย (คล้ายถนนข้าวสาร)

แต่ที่ถูกมากน่าจะเป็นเบียร์ เริ่มตั้งแต่แก้วละครึ่งเหรียญครับ วันนี้อยู่ไม่ดึกเพราะต้องตื่นแต่เช้า
วันที่สอง คนขับมารับตอนตีสี่ครึ่งเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นหน้านครวัด
นครวัดสร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ใช้เวลา 37 ปี ตามคติศาสนาฮินดู สร้างเพื่อถวายพระวิษณุครับ


หลังจากรอเมฆเคลื่อนพ้นพระอาทิตย์ออกมา เราก็เริ่มเดินชมนครวัด
ภาพที่ติดตาผมจะเป็นผนังที่เป็นภาพแกะสลักนูนต่ำ รายละเอียดชัดเจนและครบมาก
ตัวอย่างเช่น ภาพการรบในมหาภารตะ ภาพการกวนเกษียรสมุทร ภาพกองทัพเขมร ครับ


เดินดูกันสักพักก็ออกมากินอาหารเช้าที่ร้านดัง blue pumpkin ด้านหน้านครวัด ก่อนไปลุยส่วนนครธมต่อ
ส่วนนครธมเป็นกลุ่มปราสาท (คล้ายๆอยุธยาที่มีวัดและปราสาทใกล้ๆกัน)
เริ่มกันที่ปราสาทตาพรหม ปราสาทนี้สร้างตามหลักศาสนาพุทธ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ปราสาทตาพรหมมีทีเด็ดที่ทำให้เป็นสถานที่ถ่ายหนังฮอลลีวูดเรื่องดัง
มีไม้เลื้อยขึ้นตามตัวปราสาทจนถึงพื้น สวยและมีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด

หลังจากนั้นไปต่อที่ปราสาทบายน เป็นปราสาทของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ด้วยครับ
มีลักษณะพิเศษจากปรางค์ปราสาทบายนถูกสลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์
เล่าว่าทำให้คล้ายพระพักตร์พระเจ้าชัยวรมันและใช้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนทุกทิศ


ออกจากปราสาทบายน เดินไปสักพักก็จะเป็นปราสาทบาปวนและลานช้างครับ

พอจบสามจุดนี้ เราพักกินข้าวเที่ยงและตัดสินใจไปจบที่ปราสาทสุดท้าย
คือ ปราสาทบันทายศรี ปราสาทนี้อยู่ห่างจากนครธมไปอีกเกือบสี่สิบนาที
ตัวปราสาทเหลือเพียงโครงสร้าง แต่สภาพรูปภาพแกะสลักบนหินสีชมพูยังสวยงามสมบูรณ์ครับ


หลังจากนั้นเราถอยกลับมาเล่นน้ำสระที่โรงแรม จบทัวร์นครวัดแต่เพียงย่อๆ
และขอไปนวดแผนเขมร (คนละ12usd) และไปจบที่ร้านใน Pubstreet ครับ

ร้านblue pumpkin อีกแล้วครับ จะเห็นทั่วเสียมเรียบ มีทั้งเค้ก กาแฟ ไอติม

วันที่สาม เราตื่นทานอาหารโรงแรมเบาๆก่อนตามลายแทงไปต่อมื้อสายเก๋ๆที่ sister srey cafe และเดินดูของในตลาด


หลังจากนั้นคนขับพากลับมาด่านปอยเปต เราใช้เวลาอีกชั่วโมงก่อนผ่าน ตม ขาเข้า
วันนั้นรถบ่อนเต็มแทบทุกเจ้า คนเยอะจริงจัง แต่ก็ยังได้นั่งรถตู้วินกลับ
ใช้เวลาขากลับประมาณสามชั่วโมงกว่าก็ถึงกรุงเทพครับ เย้ๆ
ครั้งนี้เสียดายที่พลาดจุดท่องเที่ยวสำคัญหลายจุด
ถ้ามีโอกาสได้มาอีก (ในอากาศสบายๆกว่านี้) ต้องมาครับ

ปล.ขอบคุณรูปภาพสวยๆของเพื่อนpeakด้วย (ภาพไม่สวยของผมครับ)