อยากเขียนเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ ขออนุญาตร่วมวงเลยแล้วกันนะครับ
กระแสการต่อต้านการผูกขาดที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราตอนนี้
ผมเชื่อว่า มันจะเป็นแค่ กระแส สั้นๆแล้วจบลงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา
เหตุผลหลักๆของมัน คือ การผูกขาดเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา
โดยที่เรายอมรับมัน เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง ขอยกตัวอย่างสักอันหนึ่งนะครับ
แล้วค่อยกลับเข้ามาที่ CP /7-11
ปัจจุบันนี้ ทุกท่านเคยดูภาพยนตร์(หนัง) จากโรงหนังที่ไม่ใช่เครือ ของเมเจอร์ หรือ SF หรือไม่
คำตอบน่าจะเป็น ไม่ นะครับ
เพราะปัจจุบันนี้ โรงหนังที่ไม่ได้อยู่ในเครือนี้ แทบจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
แล้วหายไปไหนกันหมด เจ๊ง ครับ
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การไปดูหนังสมัยนี้ต้องมีร้านค้า ร้านอาหารที่ทำให้เกิดการจับจ่าย
อยู่รวมกันเป็นกระจุก เราเรียกง่ายๆว่า complex หรือ avenue ถ้าไม่มีผู้บริโภคไม่ไปใช้บริการ
เพราะมันจะรวมร้าน /Bank /supermarket และอีกหลายอย่างทำให้ผู้บริโภคสะดวก
เมื่อผู้บริโภคสะดวก ก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมการใดูหนังตามไป ใครจะอยากดูโรงธรรมดา
แล้วโรงหนังก็ค่อยๆสาบสูญไป ผลที่ตามมาคือ เจ้าของcomplex นั้น ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับโรงหนัง
ยึดเอาอำนาจการต่อรอง การฉายหนังให้คนไทยได้ดูกัน เรียกว่าใครจะเอาทำหนังอะไรก็ต้องมาคุย
หาโรงฉาย หารอบฉาย ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้คุ้มทุน รวมไปถึงการตัดสินว่าจะเอาหนังอะไรมาให้คนไทยได้ดูกัน
ทุกอย่างอยู่ในมือคนกลุ่มเดียวหมด
แบบนี้เรียกผูกขาดหรือเปล่าครับ
ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คำตอบ คงจะเป็นการที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกเอง แล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมไป
จนกลายเป็นการยอมรับโดยนัย ว่าการเปลี่ยนแปลงถือเป็นส่วนหนึ่งพลวัตรทางสังคม
ดังนั้นการผูกขาด ที่ถูกกล่าวถึง หากเรามองลึกลงไปในมิติอื่นๆ จะพบว่ามันเปลี่ยนแปลง
อย่างช้าๆแต่แนบแน่นไปกับวิถีชีวติของเรา จนแทบแยกไม่ออก
คำถามสุดท้ายคือผูกขาดหรือเปล่า
ผมว่าผู้บริโภคเองคงต้องเป็นคนตอบตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง
ว่ามันเป็นการผูกขาดโดยการทุ่มทุน หรือ เรายอมให้ผูกขาดด้วยตัวของเราเอง
ว้า ยาวเกินไปละ คงต้องขอยกยอดเรื่อง CP/7-11ไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ
ขอเขียนเรื่องการผูกขาดสักหน่อยนะครับ
กระแสการต่อต้านการผูกขาดที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราตอนนี้
ผมเชื่อว่า มันจะเป็นแค่ กระแส สั้นๆแล้วจบลงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา
เหตุผลหลักๆของมัน คือ การผูกขาดเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา
โดยที่เรายอมรับมัน เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง ขอยกตัวอย่างสักอันหนึ่งนะครับ
แล้วค่อยกลับเข้ามาที่ CP /7-11
ปัจจุบันนี้ ทุกท่านเคยดูภาพยนตร์(หนัง) จากโรงหนังที่ไม่ใช่เครือ ของเมเจอร์ หรือ SF หรือไม่
คำตอบน่าจะเป็น ไม่ นะครับ
เพราะปัจจุบันนี้ โรงหนังที่ไม่ได้อยู่ในเครือนี้ แทบจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
แล้วหายไปไหนกันหมด เจ๊ง ครับ
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การไปดูหนังสมัยนี้ต้องมีร้านค้า ร้านอาหารที่ทำให้เกิดการจับจ่าย
อยู่รวมกันเป็นกระจุก เราเรียกง่ายๆว่า complex หรือ avenue ถ้าไม่มีผู้บริโภคไม่ไปใช้บริการ
เพราะมันจะรวมร้าน /Bank /supermarket และอีกหลายอย่างทำให้ผู้บริโภคสะดวก
เมื่อผู้บริโภคสะดวก ก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมการใดูหนังตามไป ใครจะอยากดูโรงธรรมดา
แล้วโรงหนังก็ค่อยๆสาบสูญไป ผลที่ตามมาคือ เจ้าของcomplex นั้น ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับโรงหนัง
ยึดเอาอำนาจการต่อรอง การฉายหนังให้คนไทยได้ดูกัน เรียกว่าใครจะเอาทำหนังอะไรก็ต้องมาคุย
หาโรงฉาย หารอบฉาย ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้คุ้มทุน รวมไปถึงการตัดสินว่าจะเอาหนังอะไรมาให้คนไทยได้ดูกัน
ทุกอย่างอยู่ในมือคนกลุ่มเดียวหมด
แบบนี้เรียกผูกขาดหรือเปล่าครับ
ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คำตอบ คงจะเป็นการที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกเอง แล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมไป
จนกลายเป็นการยอมรับโดยนัย ว่าการเปลี่ยนแปลงถือเป็นส่วนหนึ่งพลวัตรทางสังคม
ดังนั้นการผูกขาด ที่ถูกกล่าวถึง หากเรามองลึกลงไปในมิติอื่นๆ จะพบว่ามันเปลี่ยนแปลง
อย่างช้าๆแต่แนบแน่นไปกับวิถีชีวติของเรา จนแทบแยกไม่ออก
คำถามสุดท้ายคือผูกขาดหรือเปล่า
ผมว่าผู้บริโภคเองคงต้องเป็นคนตอบตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง
ว่ามันเป็นการผูกขาดโดยการทุ่มทุน หรือ เรายอมให้ผูกขาดด้วยตัวของเราเอง
ว้า ยาวเกินไปละ คงต้องขอยกยอดเรื่อง CP/7-11ไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ