ติดตามอ่านข่าวพระสุเทพเรื่อยมา...ล่าสุดวันนี้ท่านเทศน์ออกหน้าออกตาสนับสนุนท่านผู้นำให้ปกครองประเทศห้าปีขึ้น! สาธุ ขอให้เรื่องราวในพระไตรปิฏกที่ผมเขียนไว้ย่อๆ ฉบับวัชรานนท์นี้เป็นอุทาหรณ์สะท้อนกลับไปสอนใจพระเดชพระคุณท่านด้วยเถิด...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อครั้งที่พระเทวทัตกราบทูลขอพระพุทธเจ้าเข้ามาบริหารสงฆ์แทนพระองค์และได้รับการปฏิเสธไป พระเทวทัตถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยงโกรธแค้นพระองค์ หันไปหาฝ่ายบ้านเมืองหวังจะยืมมือเข้ามาช่วย ยุยงส่งเสริมพระเจ้าอาชาตศรัตรูให้ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วย “ทางลัด” (คุ้นกันไหมกับคำนี้ “ขึ้นสู่อำนาจด้วยทางลัด??)โดยทำร้ายผู้มีพระคุณ ทำการปิตุฆาต(ฆ่าพ่อ)คือพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอาชาตศรัตรูคือลูกศิษย์โปรดของเทวทัตในตอนนั้น ในส่วนวงการสงฆ์ก็ที่รู้กันอยู่ ท่านเทวทัตได้จ้าง สไนเปอร์(คำนี้ก็คุ้นๆ นะ)ในสมัยนั้น(พรานแม่นธนู)ไปดักยิงพระพุทธเจ้าก็แล้ว กลิ้งหินทับก็แล้ว ปล่อยช้างเข้าชาร์ตก็แล้ว ไม่สำเร็จผลสักอย่าง สุดท้ายท่านเทวทัตประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพระพุทธเจ้า พาลูกศิษย์ที่พึ่งบวชใหม่จำนวน500ออกจากสำนักไปอยู่สวนป่าตั้งสำนักสงฆ์เป็นเอกเทศ (สังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยก) สุดท้ายพระเทวทัตเกิดไปแตกคอกับศิษย์เอกคือพระโกกาลิกะ ถึงขั้นวางแม่ไม้มวยไทยใส่กัน พระโกกาลิกะโน้มคอพระเทวทัตลงมาตีเข่าเข้ายอดอก (อันนี้บรรยายในพระไตรปิฏกจริงๆ ว่าพระสุเทพ เอ้ย! พระเทวทัตโดนเข่ากระทุ้งเข้าที่อก ผมไม่ได้เวอร์ค้นพระไตรปิฏกดูได้เลย ผมเสริมแค่คำว่าแม่ไม้มวยไทยเท่านั้น ตรงนี้สงสัยว่าวงการมวยไทยต้องยกพระโกกาลิกะให้เป็นครูมวยเรื่องเข่า) พระเทวทัตถึงกับกระอักเลือดล้มป่วย ก่อนวาระวาระสุดท้ายจะมาถึง ท่านให้ลูกศิษย์หามแคร่ที่นอนซมอยู่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เชตวัน เพื่อสำนึกบาปที่ตนทำ พอก้าวขาลงจากแคร่ธรณีก็สูบท่าน ก่อนที่ร่างจะลอยละลิ่วลงสู่อเวจี ท่านอาศัยคางเกาะขอบธรณีไว้ถวายแด่พระพุทธเจ้าด้วยว่าสำนึกผิด เส้นทางการเมืองของพระเทวทัตลงเอยที่นรกอเวจี ก็มีดังนี้แลฯ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงบุคคลสี่ประเภทไว้ดังนี้ฯ
มามืดไปสว่างหนึ่ง
มามืดไปมืดหนึ่ง
มาสว่างไปมืดหนึ่ง
มาสว่างไปสว่างหนึ่ง
....พระกับการเมือง "เทวทัตแอนด์เทพเทือก".......
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อครั้งที่พระเทวทัตกราบทูลขอพระพุทธเจ้าเข้ามาบริหารสงฆ์แทนพระองค์และได้รับการปฏิเสธไป พระเทวทัตถึงกับหัวฟัดหัวเหวี่ยงโกรธแค้นพระองค์ หันไปหาฝ่ายบ้านเมืองหวังจะยืมมือเข้ามาช่วย ยุยงส่งเสริมพระเจ้าอาชาตศรัตรูให้ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วย “ทางลัด” (คุ้นกันไหมกับคำนี้ “ขึ้นสู่อำนาจด้วยทางลัด??)โดยทำร้ายผู้มีพระคุณ ทำการปิตุฆาต(ฆ่าพ่อ)คือพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอาชาตศรัตรูคือลูกศิษย์โปรดของเทวทัตในตอนนั้น ในส่วนวงการสงฆ์ก็ที่รู้กันอยู่ ท่านเทวทัตได้จ้าง สไนเปอร์(คำนี้ก็คุ้นๆ นะ)ในสมัยนั้น(พรานแม่นธนู)ไปดักยิงพระพุทธเจ้าก็แล้ว กลิ้งหินทับก็แล้ว ปล่อยช้างเข้าชาร์ตก็แล้ว ไม่สำเร็จผลสักอย่าง สุดท้ายท่านเทวทัตประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพระพุทธเจ้า พาลูกศิษย์ที่พึ่งบวชใหม่จำนวน500ออกจากสำนักไปอยู่สวนป่าตั้งสำนักสงฆ์เป็นเอกเทศ (สังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยก) สุดท้ายพระเทวทัตเกิดไปแตกคอกับศิษย์เอกคือพระโกกาลิกะ ถึงขั้นวางแม่ไม้มวยไทยใส่กัน พระโกกาลิกะโน้มคอพระเทวทัตลงมาตีเข่าเข้ายอดอก (อันนี้บรรยายในพระไตรปิฏกจริงๆ ว่าพระสุเทพ เอ้ย! พระเทวทัตโดนเข่ากระทุ้งเข้าที่อก ผมไม่ได้เวอร์ค้นพระไตรปิฏกดูได้เลย ผมเสริมแค่คำว่าแม่ไม้มวยไทยเท่านั้น ตรงนี้สงสัยว่าวงการมวยไทยต้องยกพระโกกาลิกะให้เป็นครูมวยเรื่องเข่า) พระเทวทัตถึงกับกระอักเลือดล้มป่วย ก่อนวาระวาระสุดท้ายจะมาถึง ท่านให้ลูกศิษย์หามแคร่ที่นอนซมอยู่ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เชตวัน เพื่อสำนึกบาปที่ตนทำ พอก้าวขาลงจากแคร่ธรณีก็สูบท่าน ก่อนที่ร่างจะลอยละลิ่วลงสู่อเวจี ท่านอาศัยคางเกาะขอบธรณีไว้ถวายแด่พระพุทธเจ้าด้วยว่าสำนึกผิด เส้นทางการเมืองของพระเทวทัตลงเอยที่นรกอเวจี ก็มีดังนี้แลฯ
มามืดไปสว่างหนึ่ง
มามืดไปมืดหนึ่ง
มาสว่างไปมืดหนึ่ง
มาสว่างไปสว่างหนึ่ง