เป็นที่ประจักษ์กันมาแล้วในพลังแห่งศรัทธามีอานุภาพขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งอันยิ่งใหญ่ พลังที่จะเป็นแรงผลักคนคนหนึ่งสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ ดังเช่นพลังแห่งความเชื่อของมหาเศรษฐีชาวอินเดีย Dr. B.K. Modi ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าตั้งแต่อายุ 24 ปี ต้องการถ่ายทอดพุทธประวัติของ "พระพุทธเจ้า" สู่สายตาคนทั้งโลก
เวลาผ่านไป 30 ปี ความต้องการของคนหนุ่มกลายเป็นความจริงขึ้นมา เขาทุ่มเงิน 1,000 ล้านบาทสร้างละครฟอร์มยักษ์ "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีโปรดักชั่นยิ่งใหญ่ อลังการระดับฮอลลีวูด ด้วยรางวัลการันตี รางวัลชนะเลิศ Asian Television Awards 2014 ในสาขา "Best Cinematography" หรือ "กำกับภาพยอดเยี่ยม"
ความยิ่งใหญ่อลังการของภาพและเสียงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่พุทธศาสนิกชนทั้งคนอินเดียและคนไทยเป็นละครน้ำดีชิงเรตติ้งซีรีส์เกาหลีที่โหมเกือบทุกช่อง มีส่วนทำให้ช่องเวิร์คพอยท์ติดกลุ่มทีวีดิจิทัลเรตติ้งสูงติดท็อป 3 ละคร "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" ในรูปแบบ 3D อันวิจิตรบรรจงด้วยเครื่องแต่งกาย โลเกชั่น และการตัดต่ออันประณีต ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ถูกอกถูกใจเหล่าชาวพุทธในดินแดนอุษาคเนย์ได้ไม่ยาก
ซีรีส์เรื่องนี้ลบภาพจำละครอินเดียกับฉากระบำหน้าท้องและการร้องเพลงวิ่งไล่ข้ามเขาไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้เอาใจคอซีรีส์อินเดียเต็มที่ "ดูแล้วเย็น" ทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ เสียงแฟนคลับ
- ซีรีส์พูดถึงละคร
ซีรีส์ "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ที่ไม่ได้มีเพียงพระธรรมคำสอน การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานเท่านั้น แต่ยังมีการนำเสนอในมุมที่ชาวพุทธเองยังไม่เคยรู้และอาจจะไม่เคยเห็นว่า วิถีโบราณของอินเดียในสมัยพุทธกาลที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้
ละครยังบอกเล่าเรื่องราวก่อนที่พระพุทธเจ้าจะออกผนวชได้ทำสิ่งใดและผ่านสิ่งใดมาบ้างในทางโลก อันมีทั้งความรัก โลภ โกรธ และหลง ดังเช่นปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่การเกิดแล้วก้าวย่างไปสู่การตรัสรู้ก่อนจะนิพพานเพียงเท่านั้น และฉายให้เห็นภาพว่า มนุษย์ทุกคนสามารถที่จะตรัสรู้ได้ เช่นเดียวกับพระอรหันต์หลายองค์มีวิถีปกติแบบปุถุชนคนธรรมดา
ขณะนี้ซีรีส์พระพุทธเจ้ากำลังออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในเวลา 10 โมงตรงและ 2 ทุ่มครึ่ง ถือเป็นรายการที่เรตติ้งอยู่ในระดับดี จนเจ้าของช่องอย่าง "เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ต้องนำมาออกอากาศให้ดูกันถึง 2 รอบ แต่ก็เหมือนผู้ชมยังไม่จุใจ มีเสียงเรียกร้องให้ออกอากาศทุกวัน
เสี่ยตาถึงกับยกคติธรรมขึ้นมาอธิบายเรื่องนี้ว่า "เวลาทำอะไรอย่าไปอินมาก ขนาดพระพุทธเจ้ายังต้องใช้เวลานานกว่าจะตรัสรู้ได้ ฉะนั้นเวลาทำอะไรก็อย่าไปอินเกินเหตุ ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ดูให้รอบคอบ แล้วก็พิสูจน์ความเพียรไปด้วย ไม่ใช่เอานั่นเอานี่เดี่ยวนี้ ๆ"
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เสี่ยตาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ โดยการแทรก "ธรรมะ" เข้ามาในบทสัมภาษณ์ด้วย เนื่องจากเรื่องที่พูดคุยกันเป็นเรื่องพระศาสดาของชาวพุทธ
เสี่ยตาเองก็ยอมรับว่า มีความเชื่อ ความศรัทธาและเป็นความบังเอิญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้มาอยู่ในจอทีวีไทย โดยความร่วมมือของเสี่ยตาและเสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด
"มันหลายเรื่องหลายราว ไม่รู้ว่ามันเป็นโชควาสนาหรือบุญญาอะไรหรือเปล่า พอดีเพิ่งกลับจากอินเดีย เหมือนจะมีนิมิต พอกลับมาทำงาน ปัง...(เสียงดัง) วันแรกก็มีซีรีส์เรื่องนี้มาให้พิจารณา พอได้ดูเราถึงกับร้อง ...อื้อฮือ โปรดักชั่นอย่างนี้เชียวหรือ" เสี่ยตาเล่า
ด้วยความปรารถนาที่อยากจะให้คนไทยได้ชมละครอินเดียเรื่องนี้ พร้อมกับเหตุผลที่ว่า เป็นละครที่สนุก ดูง่าย เหมือนกับดูละครหลังข่าว ไม่เหมือนสารคดีทั่วไป แต่เรื่องนี้มีรายละเอียดในการดำเนินชีวิตของพระพุทธเจ้า
"ในทางโลกคือมีตบตี อิจฉา ริษยา ในทางธรรมเด็กที่ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา พอดูปุ๊บ (ทำเสียงตื่นเต้น) จะเข้าใจและรู้เลยทันทีว่า พระพุทธเจ้าคืออะไร ออกบวชคืออะไร เกิดแก่เจ็บตายคืออะไร ตรงนี้คือแก่นของพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ใหญ่ก็สามารถอธิบายได้ ต่อยอดให้เด็กอยากไปค้นคว้า อ่านหนังสือเพิ่มเติม"
ความแตกต่างของซีรีส์พระพุทธเจ้าเรื่องนี้ไม่เหมือนในห้องเรียน จะมีหนังสือให้อ่านและมีภาพประกอบด้วย บางทีก็มีภาพการ์ตูนบ้าง ภาพนิ่งบ้าง หรือภาพเคลื่อนไหวก็เป็นแนวสารคดี ดังนั้นภาพในหัวของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับจินตนาการว่ากันไปตามความคิดว่า พระพุทธเจ้าจะหน้าตาแบบไหน กรุงกบิลพัสดุ์หน้าตาเป็นเช่นไร
"เรื่องนี้ถือว่าลงตัวที่สุด และเหมาะกับยุคดิจิทัลมาก ๆ อีกทั้งผู้สร้างก็เป็นชาวอินเดีย พระพุทธเจ้าก็เป็นชาวอินเดีย ฉะนั้นทุกอย่างจะสมจริงสมจังมาก ทั้งฉากในเมือง เครื่องแต่งกาย และวัฒนธรรมต่าง ๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าชาวอินเดีย เรื่องขนบธรรมเนียมและประเพณีเขาย่อมรู้ดี และส่วนตัวผมคิดว่าพระเอก Himanshu Soni คนนี้เหมาะสมมาก"
เสี่ยตาย้ำว่า นี่ถือเป็นซีรีส์ที่มีความขลังปนความรู้ นี่คือความกลมกล่อม ความนุ่มนวลสมจริง มีความสดใส และความทันสมัยเหมาะกับคนยุคนี้
"ใครที่ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนามาก่อนก็สนุกได้ ดูแบบไม่เอาความก็ดูได้ แต่สุดท้ายไม่ว่าจะดูแบบเอาความหรือไม่เอาความ ก็มีธรรมะแทรกอยู่ในทุกตอน และทำให้คนดูได้รู้วิธีคิดของมนุษย์อย่างพระเทวทัตคิดแบบหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงของคนบนโลกที่คิดแบบนี้ไม่ผิด จึงไม่แปลกหากเขาคิดแบบนี้ ชนะด้วยวิธีแบบนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคิดของเจ้าชายสิทธัตถะที่คิดแบบนี้ โจทย์แบบเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน"
ละครเรื่องนี้ยังนำเสนอเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะที่มีวิถีแบบเดียวกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่อาจจะสูงศักดิ์เพราะเป็นเจ้าชาย เนื้อเรื่องจะค่อย ๆ เล่ารายละเอียด ซึ่งหนังสือเรียนจะไม่มีบอกไว้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในวังแล้วก็กระโดดไปบวชเลย
"มันก็คือโลกของความเป็นจริง พระพุทธเจ้าก็ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ แบบที่มนุษย์ทั่วไปเจอ ทั้งเรื่องความรัก จิตใจ เยอะแยะมากมาย พระพุทธเจ้าก็คือมนุษย์ที่มีความคิดเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่ต่างจากมนุษย์แบบเทวทัต" เสี่ยตาเล่าในฐานะผู้นำเข้ามาฉายและผู้ชมที่อินไม่ต่างจากผู้ชมทางบ้าน และอธิบายต่อว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าเจอก็เหมือนกับสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอกับอุปสรรค แต่อยู่ที่ว่าจะคิดแก้ปัญหาได้แบบพระพุทธเจ้าที่มองไปในทางที่เจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่ เสน่ห์ของเรื่องนี้นอกจากบทละครที่แตกต่างจากที่อยู่ในตำราพุทธประวัติแล้ว ความตื่นตาตื่นใจอยู่ที่เรื่องราวในอดีตอันรุ่งโรจน์สมัยพุทธกาลที่มีโปรดักชั่นสมจริง
บทละครเรื่อง "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" เป็นที่ถูกอกถูกใจเสี่ยตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่แนวทางที่ใช่ในแบบที่ชอบ แต่เรตติ้งพุ่งแรงดึงดูดผู้ชมมากมายเกินคาด ทำเอาผู้นำเข้ามายิ้มหุบไม่ลงเช่นนี้ ย่อมมีอะไรมากกว่าการอินละคร
สิ่งที่จะได้นอกจากความบันเทิงคืออะไร
"เราได้เห็นว่าพระพุทธเจ้าคิดอย่างไร ได้เห็นมุมมองของการเป็นผู้นำ ซึ่งจะสอนให้คิดว่ามุมมองการดำเนินชีวิตก็ไม่เหมือนกันแล้ว บางคนไม่ต้องฆ่าเขาก็ได้ เพราะฆ่าคนก็ได้แค่ตัวเขา แต่ถ้าชนะใจเขาไม่ได้"
นี่เป็นอีกหนึ่งความกลมกล่อมที่เวิร์คพอยท์จัดมาเสิร์ฟคนดูแบบไม่ใช่หัวเราะจนกรามค้างแต่เสี่ยตาบอกว่า อยากมอบธรรมทานให้คนดู
"พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้ให้คนที่มีความรู้แตกต่างกัน เชี่ยวชาญต่างกัน ฉะนั้นรู้ไปคนละทาง ถนัดและเก่งคนละแบบก็สามารถบรรลุธรรมได้ ดังตัวอย่างพระอรหันต์หลายรูป เก่งไม่เหมือนกัน แต่บรรลุได้ ตามวิถีทางของตน"
ส่วนซีกความบันเทิงก็เหลือล้น มอบให้เหล่าแม่ยกที่ชื่นชอบชื่นชมความหล่อเหลาของเจ้าชาย รับบทโดยพระเอกหน้าคมชาวอินเดีย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่เรตติ้งซีรีส์ภารตะจะพุ่งกระฉูดได้ขนาดนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1430969821
เจ้าชายสิทธัตถะ มหากาพย์อินเดีย...แซงเรตติ้งเกาหลี
เวลาผ่านไป 30 ปี ความต้องการของคนหนุ่มกลายเป็นความจริงขึ้นมา เขาทุ่มเงิน 1,000 ล้านบาทสร้างละครฟอร์มยักษ์ "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีโปรดักชั่นยิ่งใหญ่ อลังการระดับฮอลลีวูด ด้วยรางวัลการันตี รางวัลชนะเลิศ Asian Television Awards 2014 ในสาขา "Best Cinematography" หรือ "กำกับภาพยอดเยี่ยม"
ความยิ่งใหญ่อลังการของภาพและเสียงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่พุทธศาสนิกชนทั้งคนอินเดียและคนไทยเป็นละครน้ำดีชิงเรตติ้งซีรีส์เกาหลีที่โหมเกือบทุกช่อง มีส่วนทำให้ช่องเวิร์คพอยท์ติดกลุ่มทีวีดิจิทัลเรตติ้งสูงติดท็อป 3 ละคร "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" ในรูปแบบ 3D อันวิจิตรบรรจงด้วยเครื่องแต่งกาย โลเกชั่น และการตัดต่ออันประณีต ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ถูกอกถูกใจเหล่าชาวพุทธในดินแดนอุษาคเนย์ได้ไม่ยาก
ซีรีส์เรื่องนี้ลบภาพจำละครอินเดียกับฉากระบำหน้าท้องและการร้องเพลงวิ่งไล่ข้ามเขาไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้เอาใจคอซีรีส์อินเดียเต็มที่ "ดูแล้วเย็น" ทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบ เสียงแฟนคลับ
- ซีรีส์พูดถึงละคร
ซีรีส์ "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ที่ไม่ได้มีเพียงพระธรรมคำสอน การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานเท่านั้น แต่ยังมีการนำเสนอในมุมที่ชาวพุทธเองยังไม่เคยรู้และอาจจะไม่เคยเห็นว่า วิถีโบราณของอินเดียในสมัยพุทธกาลที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนนี้
ละครยังบอกเล่าเรื่องราวก่อนที่พระพุทธเจ้าจะออกผนวชได้ทำสิ่งใดและผ่านสิ่งใดมาบ้างในทางโลก อันมีทั้งความรัก โลภ โกรธ และหลง ดังเช่นปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่การเกิดแล้วก้าวย่างไปสู่การตรัสรู้ก่อนจะนิพพานเพียงเท่านั้น และฉายให้เห็นภาพว่า มนุษย์ทุกคนสามารถที่จะตรัสรู้ได้ เช่นเดียวกับพระอรหันต์หลายองค์มีวิถีปกติแบบปุถุชนคนธรรมดา
ขณะนี้ซีรีส์พระพุทธเจ้ากำลังออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ในเวลา 10 โมงตรงและ 2 ทุ่มครึ่ง ถือเป็นรายการที่เรตติ้งอยู่ในระดับดี จนเจ้าของช่องอย่าง "เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ต้องนำมาออกอากาศให้ดูกันถึง 2 รอบ แต่ก็เหมือนผู้ชมยังไม่จุใจ มีเสียงเรียกร้องให้ออกอากาศทุกวัน
เสี่ยตาถึงกับยกคติธรรมขึ้นมาอธิบายเรื่องนี้ว่า "เวลาทำอะไรอย่าไปอินมาก ขนาดพระพุทธเจ้ายังต้องใช้เวลานานกว่าจะตรัสรู้ได้ ฉะนั้นเวลาทำอะไรก็อย่าไปอินเกินเหตุ ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ดูให้รอบคอบ แล้วก็พิสูจน์ความเพียรไปด้วย ไม่ใช่เอานั่นเอานี่เดี่ยวนี้ ๆ"
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เสี่ยตาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ โดยการแทรก "ธรรมะ" เข้ามาในบทสัมภาษณ์ด้วย เนื่องจากเรื่องที่พูดคุยกันเป็นเรื่องพระศาสดาของชาวพุทธ
เสี่ยตาเองก็ยอมรับว่า มีความเชื่อ ความศรัทธาและเป็นความบังเอิญที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้มาอยู่ในจอทีวีไทย โดยความร่วมมือของเสี่ยตาและเสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด
"มันหลายเรื่องหลายราว ไม่รู้ว่ามันเป็นโชควาสนาหรือบุญญาอะไรหรือเปล่า พอดีเพิ่งกลับจากอินเดีย เหมือนจะมีนิมิต พอกลับมาทำงาน ปัง...(เสียงดัง) วันแรกก็มีซีรีส์เรื่องนี้มาให้พิจารณา พอได้ดูเราถึงกับร้อง ...อื้อฮือ โปรดักชั่นอย่างนี้เชียวหรือ" เสี่ยตาเล่า
ด้วยความปรารถนาที่อยากจะให้คนไทยได้ชมละครอินเดียเรื่องนี้ พร้อมกับเหตุผลที่ว่า เป็นละครที่สนุก ดูง่าย เหมือนกับดูละครหลังข่าว ไม่เหมือนสารคดีทั่วไป แต่เรื่องนี้มีรายละเอียดในการดำเนินชีวิตของพระพุทธเจ้า
"ในทางโลกคือมีตบตี อิจฉา ริษยา ในทางธรรมเด็กที่ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา พอดูปุ๊บ (ทำเสียงตื่นเต้น) จะเข้าใจและรู้เลยทันทีว่า พระพุทธเจ้าคืออะไร ออกบวชคืออะไร เกิดแก่เจ็บตายคืออะไร ตรงนี้คือแก่นของพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ใหญ่ก็สามารถอธิบายได้ ต่อยอดให้เด็กอยากไปค้นคว้า อ่านหนังสือเพิ่มเติม"
ความแตกต่างของซีรีส์พระพุทธเจ้าเรื่องนี้ไม่เหมือนในห้องเรียน จะมีหนังสือให้อ่านและมีภาพประกอบด้วย บางทีก็มีภาพการ์ตูนบ้าง ภาพนิ่งบ้าง หรือภาพเคลื่อนไหวก็เป็นแนวสารคดี ดังนั้นภาพในหัวของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับจินตนาการว่ากันไปตามความคิดว่า พระพุทธเจ้าจะหน้าตาแบบไหน กรุงกบิลพัสดุ์หน้าตาเป็นเช่นไร
"เรื่องนี้ถือว่าลงตัวที่สุด และเหมาะกับยุคดิจิทัลมาก ๆ อีกทั้งผู้สร้างก็เป็นชาวอินเดีย พระพุทธเจ้าก็เป็นชาวอินเดีย ฉะนั้นทุกอย่างจะสมจริงสมจังมาก ทั้งฉากในเมือง เครื่องแต่งกาย และวัฒนธรรมต่าง ๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าชาวอินเดีย เรื่องขนบธรรมเนียมและประเพณีเขาย่อมรู้ดี และส่วนตัวผมคิดว่าพระเอก Himanshu Soni คนนี้เหมาะสมมาก"
เสี่ยตาย้ำว่า นี่ถือเป็นซีรีส์ที่มีความขลังปนความรู้ นี่คือความกลมกล่อม ความนุ่มนวลสมจริง มีความสดใส และความทันสมัยเหมาะกับคนยุคนี้
"ใครที่ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนามาก่อนก็สนุกได้ ดูแบบไม่เอาความก็ดูได้ แต่สุดท้ายไม่ว่าจะดูแบบเอาความหรือไม่เอาความ ก็มีธรรมะแทรกอยู่ในทุกตอน และทำให้คนดูได้รู้วิธีคิดของมนุษย์อย่างพระเทวทัตคิดแบบหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงของคนบนโลกที่คิดแบบนี้ไม่ผิด จึงไม่แปลกหากเขาคิดแบบนี้ ชนะด้วยวิธีแบบนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคิดของเจ้าชายสิทธัตถะที่คิดแบบนี้ โจทย์แบบเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน"
ละครเรื่องนี้ยังนำเสนอเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะที่มีวิถีแบบเดียวกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่อาจจะสูงศักดิ์เพราะเป็นเจ้าชาย เนื้อเรื่องจะค่อย ๆ เล่ารายละเอียด ซึ่งหนังสือเรียนจะไม่มีบอกไว้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในวังแล้วก็กระโดดไปบวชเลย
"มันก็คือโลกของความเป็นจริง พระพุทธเจ้าก็ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ แบบที่มนุษย์ทั่วไปเจอ ทั้งเรื่องความรัก จิตใจ เยอะแยะมากมาย พระพุทธเจ้าก็คือมนุษย์ที่มีความคิดเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป เพียงแต่ต่างจากมนุษย์แบบเทวทัต" เสี่ยตาเล่าในฐานะผู้นำเข้ามาฉายและผู้ชมที่อินไม่ต่างจากผู้ชมทางบ้าน และอธิบายต่อว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าเจอก็เหมือนกับสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอกับอุปสรรค แต่อยู่ที่ว่าจะคิดแก้ปัญหาได้แบบพระพุทธเจ้าที่มองไปในทางที่เจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่ เสน่ห์ของเรื่องนี้นอกจากบทละครที่แตกต่างจากที่อยู่ในตำราพุทธประวัติแล้ว ความตื่นตาตื่นใจอยู่ที่เรื่องราวในอดีตอันรุ่งโรจน์สมัยพุทธกาลที่มีโปรดักชั่นสมจริง
บทละครเรื่อง "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก" เป็นที่ถูกอกถูกใจเสี่ยตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่แนวทางที่ใช่ในแบบที่ชอบ แต่เรตติ้งพุ่งแรงดึงดูดผู้ชมมากมายเกินคาด ทำเอาผู้นำเข้ามายิ้มหุบไม่ลงเช่นนี้ ย่อมมีอะไรมากกว่าการอินละคร
สิ่งที่จะได้นอกจากความบันเทิงคืออะไร
"เราได้เห็นว่าพระพุทธเจ้าคิดอย่างไร ได้เห็นมุมมองของการเป็นผู้นำ ซึ่งจะสอนให้คิดว่ามุมมองการดำเนินชีวิตก็ไม่เหมือนกันแล้ว บางคนไม่ต้องฆ่าเขาก็ได้ เพราะฆ่าคนก็ได้แค่ตัวเขา แต่ถ้าชนะใจเขาไม่ได้"
นี่เป็นอีกหนึ่งความกลมกล่อมที่เวิร์คพอยท์จัดมาเสิร์ฟคนดูแบบไม่ใช่หัวเราะจนกรามค้างแต่เสี่ยตาบอกว่า อยากมอบธรรมทานให้คนดู
"พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีไว้ให้คนที่มีความรู้แตกต่างกัน เชี่ยวชาญต่างกัน ฉะนั้นรู้ไปคนละทาง ถนัดและเก่งคนละแบบก็สามารถบรรลุธรรมได้ ดังตัวอย่างพระอรหันต์หลายรูป เก่งไม่เหมือนกัน แต่บรรลุได้ ตามวิถีทางของตน"
ส่วนซีกความบันเทิงก็เหลือล้น มอบให้เหล่าแม่ยกที่ชื่นชอบชื่นชมความหล่อเหลาของเจ้าชาย รับบทโดยพระเอกหน้าคมชาวอินเดีย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่เรตติ้งซีรีส์ภารตะจะพุ่งกระฉูดได้ขนาดนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้