เดี๋ยวอีกไม่นานเกินรอ Mad Max: Fury Road ก็จะซิ่งเข้าร่วมศึกชิงชัยความเป็นที่สุดแห่งหนังซัมเมอร์บล็อกบัสเตอร์ประจำปี 2015 ในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านทุกๆท่านแล้ว(ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าปีที่เป็นปีที่มีผู้เข้าแข่งขันเยอะดีจริงๆ) ในฐานะที่ตัวข้าพเจ้าเองเคยผ่านตาหนัง Mad Max มาครบแล้วทั้งสามภาค ผมเลยขอถือวิสาสะเขียนสเตตัสนี้ขึ้นมาเป็นไกด์ไลน์เล็กๆน้อยๆสำหรับใครก็ตามที่สนใจอยากจะหาหนังในไตรภาคนี้มาดู โดยในวงเล็บข้างหลังชื่อหนังแต่ละภาคจะเป็น“ดาว”ที่ผมให้หนังแต่ละภาคจากคะแนนเต็มห้าดาวนะครับ
(แต่ในขณะเดียวกันสำหรับใครก็ตามที่กำลังสงสัยว่าตัวเองจะดู Fury Road รู้เรื่องมั้ยถ้าหากว่าไม่เคยดู Mad Max ภาคก่อนๆมาก่อนเลย? ผมตอบแบบมั่นใจเกิน 100% เลยว่า“ดูรู้เรื่องแน่นอน” เพราะหนัง Mad Max แต่ละภาคนั้นมีเนื้อเรื่องแบบจบในตอน เนื้อเรื่องในหนังแต่ละภาคจึงไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกัน ฉะนั้นจะเริ่มดูที่ภาคไหนก่อนก็ได้ทั้งนั้น)
Mad Max (**1/2) – เป็นหนังภาคที่มีดีแค่สิบนาทีแรกและสิบนาทีสุดท้ายของหนังเท่านั้นจริงๆ นอกนั้นแล้วถือว่าดำเนินเรื่องได้ช้าและน่าเบื่อมาก แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าสาเหตุหลักที่ Mad Max ภาคแรกเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในหมู่คนทำหนังได้ขนาดนี้ก็เพราะข้อเท็จจริงที่ว่านี่คือหนังแอ็คชั่นที่ใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 400,000 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ผกก. George Miller และทีมงานของเขากลับสามารถเนรมิตโลกหลังหายนะที่สมจริงอีกทั้งยังถ่ายทำฉากขับรถไล่ล่าออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจในแบบที่มีหนังแอ็คชั่นยุคนั้นเพียงน้อยเรื่องที่จะทำได้(ฉากขับรถไล่ล่าใน Death Proof ของเฮีย Quentin Tarantino นี่ก็ได้แรงบันดาลใจจาก Mad Max มาแบบเต็มๆ) แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ยังต้องออกความเห็นแบบตรงๆว่าหนังมันมีช่วงน่าเบื่อเยอะมาก คุณสามารถเสิร์ชดูฉากขับรถไล่ล่าในหนังเรื่องนี้(ซึ่งก็เกิดขึ้นในช่วงสิบนาทีแรกและสิบนาทีสุดท้ายของหนังนั่นแหละ)ดูบน YouTube แล้วไม่จำเป็นจะต้องดูตัวหนังเต็มๆทั้งเรื่องเลยก็ยังได้
ตัวอย่างหนัง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Mad Max 2: The Road Warrior (****) – Mad Max ภาคที่หลายๆคนยกให้เป็นภาคดีที่สุด พอหยิบมาดูเดี๋ยวนี้หลายๆองค์ประกอบของหนัง(ไดอะล็อกเห่ยๆ,ตัวละครเพี้ยนๆที่แต่งตัวเหมือนกำลังจะไปคอนเสิร์ต Lady Gaga ฯลฯ)มันก็แลดูเก่าและเชยไปตามยุคสมัยของมัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้เกี่ยวกับ The Road Warrior ก็คือความ“สุดตีน”ของฉากขับรถไล่ล่าของหนังภาคนี้ที่ถือได้ว่ายาวที่สุด ผาดโพนที่สุด บ้าระห่ำที่สุด และทำออกมาดีที่สุดแล้วในหนังตระกูลนี้ หากคนดูหนังยุคนี้มีหนังตระกูล The Fast and the Furious + หากคนดูหนังยุค ‘90s มี Speed ฉันใด คนดูหนังยุค ‘80s ก็มี The Road Warrior ฉันนั้น
ตัวอย่างหนัง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Mad Max Beyond Thunderdome (***) – เป็น Mad Max ภาคที่ทุนหนาที่สุดจากทั้งสามภาค แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นภาคที่ดิบได้ไม่เท่าภาคแรกและ/หรือบ้าระห่ำได้เท่าภาคสอง ถึงกระนั้นหนังภาคนี้ก็มีองค์ประกอบที่ควรค่าแก่การชื่นชมหลายอย่าง อาทิเช่นการแสดงของเจ้าป้า Tina Turner ที่เจิดจรัสและแซ่บมากๆในบทตัวร้ายหลักของภาคนี้ และฉากแอ็คชั่นสองฉากที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์หลักของภาคนี้ อันได้แก่ฉากที่ Max ดวลตัวต่อตัวกับ Bluster ไอ้มนุษย์ยักษ์หัวเหล็กใน Thunderdome กับฉากขับรถไล่ล่าตอนท้ายเรื่องที่ทำออกมาดีไม่แพ้คราว The Road Warrior เลย
ตัวอย่างหนัง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล. ขอฝากเพจคุยเรื่องหนัง/เพลง/เกม/การ์ตูน/ทีวีซีรี่ส์แบบจิปาถะแบบตามใจตัวเองของผมกันนะครับ
>>>
https://www.facebook.com/appleoneoone
[ต้อนรับกระแส Mad Max: Fury Road] กระทู้แนะนำ + รีวิวหนัง Mad Max ต้นฉบับทั้งสามภาคสำหรับผู้ที่ไม่เคยดู
(แต่ในขณะเดียวกันสำหรับใครก็ตามที่กำลังสงสัยว่าตัวเองจะดู Fury Road รู้เรื่องมั้ยถ้าหากว่าไม่เคยดู Mad Max ภาคก่อนๆมาก่อนเลย? ผมตอบแบบมั่นใจเกิน 100% เลยว่า“ดูรู้เรื่องแน่นอน” เพราะหนัง Mad Max แต่ละภาคนั้นมีเนื้อเรื่องแบบจบในตอน เนื้อเรื่องในหนังแต่ละภาคจึงไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกัน ฉะนั้นจะเริ่มดูที่ภาคไหนก่อนก็ได้ทั้งนั้น)
Mad Max (**1/2) – เป็นหนังภาคที่มีดีแค่สิบนาทีแรกและสิบนาทีสุดท้ายของหนังเท่านั้นจริงๆ นอกนั้นแล้วถือว่าดำเนินเรื่องได้ช้าและน่าเบื่อมาก แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าสาเหตุหลักที่ Mad Max ภาคแรกเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในหมู่คนทำหนังได้ขนาดนี้ก็เพราะข้อเท็จจริงที่ว่านี่คือหนังแอ็คชั่นที่ใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 400,000 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ผกก. George Miller และทีมงานของเขากลับสามารถเนรมิตโลกหลังหายนะที่สมจริงอีกทั้งยังถ่ายทำฉากขับรถไล่ล่าออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจในแบบที่มีหนังแอ็คชั่นยุคนั้นเพียงน้อยเรื่องที่จะทำได้(ฉากขับรถไล่ล่าใน Death Proof ของเฮีย Quentin Tarantino นี่ก็ได้แรงบันดาลใจจาก Mad Max มาแบบเต็มๆ) แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ยังต้องออกความเห็นแบบตรงๆว่าหนังมันมีช่วงน่าเบื่อเยอะมาก คุณสามารถเสิร์ชดูฉากขับรถไล่ล่าในหนังเรื่องนี้(ซึ่งก็เกิดขึ้นในช่วงสิบนาทีแรกและสิบนาทีสุดท้ายของหนังนั่นแหละ)ดูบน YouTube แล้วไม่จำเป็นจะต้องดูตัวหนังเต็มๆทั้งเรื่องเลยก็ยังได้
ตัวอย่างหนัง: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Mad Max 2: The Road Warrior (****) – Mad Max ภาคที่หลายๆคนยกให้เป็นภาคดีที่สุด พอหยิบมาดูเดี๋ยวนี้หลายๆองค์ประกอบของหนัง(ไดอะล็อกเห่ยๆ,ตัวละครเพี้ยนๆที่แต่งตัวเหมือนกำลังจะไปคอนเสิร์ต Lady Gaga ฯลฯ)มันก็แลดูเก่าและเชยไปตามยุคสมัยของมัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้เกี่ยวกับ The Road Warrior ก็คือความ“สุดตีน”ของฉากขับรถไล่ล่าของหนังภาคนี้ที่ถือได้ว่ายาวที่สุด ผาดโพนที่สุด บ้าระห่ำที่สุด และทำออกมาดีที่สุดแล้วในหนังตระกูลนี้ หากคนดูหนังยุคนี้มีหนังตระกูล The Fast and the Furious + หากคนดูหนังยุค ‘90s มี Speed ฉันใด คนดูหนังยุค ‘80s ก็มี The Road Warrior ฉันนั้น
ตัวอย่างหนัง: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Mad Max Beyond Thunderdome (***) – เป็น Mad Max ภาคที่ทุนหนาที่สุดจากทั้งสามภาค แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นภาคที่ดิบได้ไม่เท่าภาคแรกและ/หรือบ้าระห่ำได้เท่าภาคสอง ถึงกระนั้นหนังภาคนี้ก็มีองค์ประกอบที่ควรค่าแก่การชื่นชมหลายอย่าง อาทิเช่นการแสดงของเจ้าป้า Tina Turner ที่เจิดจรัสและแซ่บมากๆในบทตัวร้ายหลักของภาคนี้ และฉากแอ็คชั่นสองฉากที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์หลักของภาคนี้ อันได้แก่ฉากที่ Max ดวลตัวต่อตัวกับ Bluster ไอ้มนุษย์ยักษ์หัวเหล็กใน Thunderdome กับฉากขับรถไล่ล่าตอนท้ายเรื่องที่ทำออกมาดีไม่แพ้คราว The Road Warrior เลย
ตัวอย่างหนัง: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล. ขอฝากเพจคุยเรื่องหนัง/เพลง/เกม/การ์ตูน/ทีวีซีรี่ส์แบบจิปาถะแบบตามใจตัวเองของผมกันนะครับ >>> https://www.facebook.com/appleoneoone