จากที่ตามห้องไกลบ้านมาซักพัก เห็นว่าจะมีคนสอบถามเรื่องการสมัครทุนเรียนต่อเยอะมาก วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ค่ะ ประสบการณ์ทั้งจากตอนที่เราหาทุนเรียน ป.โท ซึ่งตอนนี้เรียนจบแล้ว และตอนนี้กำลังหาทุนเรียนต่อ ป.เอก ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ถามความต้องการตัวเอง
อยากเรียนด้านอะไร
เรียนจบแล้วจะทำอะไร
อยากเรียนประเทศแถบไหน
เพื่อที่จะได้หาข้อมูลสถานที่เรียนในขอบเขตที่แคบลงค่ะ บางคนอยากเรียนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ จะได้แม่นภาษาอังกฤษ บางคนอยากเรียนประเทศที่พูดภาษาอื่น จะได้ได้ภาษาที่ 3 ไปด้วยในตัว
ขั้นตอนที่ 2 เลือกมหาวิทยาลัย
อยากได้ Ranking ประมาณไหน
มีสาขาวิชาที่เราอยากเรียนหรือไม่
แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยจะมีทุกคณะ เราจึงต้องดูว่ามหาวิทยาลัยไหนมีคณะที่เราอยากเรียน โดยเริ่มจากหาเว็บไซต์ที่จัด Ranking แล้วแต่ว่าใครอยากเรียนมหาวิทยาลัยอันดับสูง กลาง หรือธรรมดา ที่เริ่มจากเว็บไซต์ที่จัดอันดับเพราะว่ามหาวิทยาลัยทั่วโลกนั้นมีเยอะมากกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) แล้วมหาวิทยาลัยแต่ละที่ก็จะมีคณะที่โดดเด่นแตกต่างกัน พอเรารู้ว่าเราอยากเรียนด้านอะไรตามข้อ 1 เราก็จะกำหนดขอบเขตจำนวนมหาวิทยาลัยได้ไปอีก โดยลอง google ดูแล้วมา cross check แต่ละเว็บ โดยทั่วไป high ranking มักไม่ค่อยแตกต่างกันมากในแต่เว็บ เช่น
http://www.timeshighereducation.co.uk/world-university-rankings/2014-15/world-ranking
ขั้นตอนที่ 3 เว็บไซต์ประกาศข่าวทุน
มีหลายเว็บไซต์ทั้งของไทยและของต่างประเทศ ที่จะรวบรวมข่าวข้อมูลทุนต่าง ๆ ไว้ เราเองก็หาง่าย ๆ ก่อนเลยค่ะ Google เช่น full scholarship for bachelor’s, master’s degree หรือ phd แล้วก็จะขึ้นพวกเว็บต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น
www.scholarship.in.th
www.scholars4dev.com
www.findaphd.com
www.chances4.me/category/undergraduate/
etc.
ทีนี้ จากที่เรารู้ว่าเราอยากเรียนด้านอะไร เราก็จะเจาะดูทุนสาขาวิชาที่เราอยากเรียน ใส่ filter เลือกได้ตามใจเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 เข้าไปหน้าหลักของผู้ให้ทุนหรือมหาวิทยาลัยนั้น ๆ
พวกเว็บไซต์ที่รวมข่าวทุนมักจะมี link ให้เราตามไปอ่านรายละเอียดทุนนั้น ๆ ไม่ว่าจะจากผู้ให้ทุนหรือมหาวิทยาลัยนั้น เราควรจะเข้าไปดูตามนั้นค่ะ เพราะหน้าหลักจะเชื่อถือได้มากกว่าเว็บคนกลาง แล้วที่หน้า official website แต่ละมหาวิทยาลัย ตรง tab scholarship จะมีบอกว่ามหาลัยนั้น ๆ มีทุนอะไรให้บ้าง นอกเหนือจากทุนรัฐบาล บางทีก็เป็นองค์กรให้ทุน บางทีก็เป็นบุคคลให้ทุน บางทีก็เป็นทุนของมหาวิทยาลัยเอง ฯลฯ สามารถศึกษาในแต่ละ website ของมหาวิทยาลัยที่สนใจได้ค่ะ ส่วนตัว official website ต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยและ sponsors เค้าก็จะบอกรายละเอียดตั้งแต่
ทุนระดับไหน ป.ตรี ป.โท ป.เอก วิจัย
ทุนกี่ % เต็มจำนวนหรือบางส่วน ยกเว้นค่าเล่าเรียน หรือมีค่ากินอยู่ ค่าเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ ให้ด้วย
สาขาวิชาอะไรบ้างที่ให้ทุนนี้
มีข้อผูกมัดอะไรหลังเรียนจบหรือไม่
เอกสารที่ต้องเตรียมได้แก่อะไรบ้าง พื้น ๆ ก็จะเป็น transcript, letter of motivation, ผลสอบ toefl/ielts, recommendation letters, etc.
วันหมดเขตรับสมัคร
Note: ต้องเช็คอย่างละเอียดนะคะ
แต่ละมหาลัยใช้ผลสอบไม่เหมือนกัน บางที่รับแต่ toefl บางที่รับทั้ง toefl และ ielts
ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ละคณะรับคะแนนไม่เท่ากัน บางคณะรับ ielts 6.0 แต่อีกคณะรับ 7.0
ส่วนใหญ่ ป.เอก writing ielts อย่างต่ำต้อง 7.0
บางแห่งบอกว่าถ้าจะต่อ ป.เอก จะต้องจบ ป.โท มาไม่เกินกี่ปี
โดยทุนเต็มจำนวนส่วนใหญ่จะเป็นทุนรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ที่นอกจากจะยกเว้นค่าเล่าเรียนแล้ว จะมีค่ากินอยู่รายเดือนให้ มีค่าเครื่องบิน ฯลฯ เช่น
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (อันนี้เราเรียนจบมาปีที่แล้วค่ะ ค่ากินอยู่เดือนละ 147,000 yen เพียงพอแน่นอน ถ้าไม่เที่ยวเล่น อยู่ได้อย่างสบายเลยค่ะ)
http://www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/boshu/1346643.htm
ทุนรัฐบาลออสเตรเลีย
http://www.australiaawards.gov.au/Pages/howtoapply.aspx
ทุนรัฐบาลเยอรมัน
http://www.daad.or.th/en/
ทุนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์
http://www.sbfi.admin.ch/themen/01366/01380/02175/index.html?lang=en
Etc. google ได้เลยค่ะ
ทุนอื่น ๆ ที่ให้เต็มจำนวน
ทุนฝั่ง UK:
http://www.chevening.org/
ทุนฝั่ง US:
http://www.fulbrightthai.org/
ขั้นตอนที่ 5 เตรียมเอกสารในการสมัครให้พร้อม
เนื่องจากเราไม่รู้ว่าเค้าจะประกาศช่วงไหน และเมื่อเค้าประกาศ มักจะมีช่วงเวลารับสมัครไม่กี่เดือน ฉะนั้น หลังจากดูข้อมูลข้อ 5 แล้ว ก็เตรียมเอกสารรอไว้เลยค่ะ โดยทั่วไปแล้ว การเรียนต่อเราใช้เวลาการสมัครเกือบ 1 ปี เพราะ
TOEFL: สมัครได้ทุกเสาร์อาทิตย์ (เราเพิ่งสมัครวันก่อน ว่างเยอะมาก) ผลสอบ toefl อาจจะรู้แค่ 10 วันหลังวันสอบ แต่ว่ากว่าจะเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ คงใช้เวลาเป็นเดือน เราคงไม่อยากเสียเงินสอบแพงแล้วไม่ผ่านเนอะ ค่าสอบประเทศไทย $185
IELTS: อันนี้ผลสอบ ielts รอ 3 อาทิตย์ นอกจากนี้คนยังสอบเยอะมาก หาวันสอบยากมากกกกกกกก อย่างต่ำ 2-3 เดือนกว่าจะได้สอบ พอรวมรอผลสอบอีก 3 อาทิตย์ ก็ปาไป 4 เดือนล่ะ เวลาเค้าประกาศทุนเค้าประกาศไม่ถึง 4 เดือนค่ะ ถ้าจะเอาเป็นว่าเข้าเรียนในปีนั้นเลยนะคะ
เอกสารที่ต้องรับรองจากทางมหาวิทยาลัย เช่น transcript: บางคนทำงาน ถ้าจะต้องลางานก็เตรียมให้ครบนะคะ บางที่มีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับเอกสารได้เลยในวันนั้น ขอเช้าได้บ่าย แต่บางที่ต้องรอขั้นต่ำ 1-2 วัน
Recommendation letters: โดยทั่วไปมักจะต้องเป็นอาจารย์ (academic reference) อย่างน้อย 1 ท่าน ส่วนอีกท่านอาจจะเป็นบุคคลที่ทำงานกับเรา และแน่นอนว่า เราต้องเผื่อเวลาให้ท่านเขียนด้วย เร่งท่านก็ไม่ได้ ขั้นตอนนี้อย่างต่ำก็ 3-4 อาทิตย์ล่ะค่ะ
รูปถ่าย ดูว่าต้องใช้ขนาดใดบาง พื้นหลังต้องเป็นสีอะไร
Research proposal: ตัวนี้ล่ะที่แทบจะขาดใจ ใช้เวลานานมากกกกกก ต้องอ่าน journals เยอะมากกกกก กว่าจะตกผลึกว่าจะทำเรื่องอะไรดี ใช้วิธีอะไรในการวิจัย บางทุนต้องมี Professor ตอบรับหัวข้อวิจัยเราก่อนด้วย เค้าถึงจะพิจารณา อันนี้ก็ต้องเช็คในขั้นตอนที่ 5 ค่ะ
ขั้นตอนที่ 6 เตรียมตัวอื่น ๆ ให้พร้อม
เช็ค Visa แต่ละประเทศให้ดีว่าต้องทำอะไรเพิ่มอีกบ้าง เช่น Visa student ของเยอรมัน จะต้องสอบภาษาเยอรมันผ่านในระดับ B1 เป็นต้น (เรากำลังเรียนอยู่ค่ะ) ซึ่งภาษาเยอรมันก่อนจะถึง B1 จะต้องผ่าน A1 และ A2 ซึ่งคอร์สที่เรียน 1 เลเวล ใช้เวลา 1 ปีค่ะ (อ้างอิง Goethe 1 คอร์สใช้เวลา 3 เดือน 1 เลเวลต้องเรียน 4 คอร์ส)
แม้บางประเทศไม่ต้องมีผลสอบภาษาประเทศเค้า แต่เราก็ควรจะเรียนไว้บ้าง เพื่อการใช้ชีวิตประจำวันที่นั่นค่ะ
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เช่น ค่าครองชีพ ลองดูราคาที่พัก ราคาการเดินทาง ราคาอาหาร บางทีก็จะมีคนมาแชร์ในพันทิปนี่ล่ะค่ะ
สภาพอากาศ ระยะทางจากไทย การขนส่งสินค้า ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 7 ทำการสมัคร
บางที่รับเฉพาะ online application บางรายต้องการให้ส่งเป็น air mail เอกสาร hard copy ด้วย ต้องตรวจสอบดี ๆ นะคะ ทำให้ถูกต้องตามกฎ ไม่งั้นทางมหาวิทยาลัยอาจจะไม่รับพิจารณาค่ะ หลังจากนั้นก็รอตามกำหนด อาจจะ email ไปสอบถามว่าได้รับเอกสารรึยังเพื่อยืนยันให้มั่นใจอีกทางก็ได้ค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ เป็นข้อมูลที่เราเองใช้แบบนี้ค่ะ หรือใครมีอะไรมาแชร์เพิ่มนี่ยินดีเลยนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยนกันค่ะ ^^
ตอนนี้เราเองก็อยู่ในขั้นตอนที่ 6 แล้วล่ะค่ะ นั่งงมเตรียมเอกสารต่าง ๆ อยู่ค่ะ จริง ๆ ทุนของเรายังไม่ประกาศรับ แต่ว่าอ้างอิงจากของปีก่อน ๆ ซึ่งคิดว่าก็คงช่วงเวลาเดิม เลยดำเนินการไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ใช้ได้เสมอจริง ๆ ค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขึ้นกระทู้แนะนำแล้ว ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจมาทั้งหลังไมค์และหน้าไมค์นะคะ ^^
มีหลายท่านสนใจทุนรัฐบาลญี่ปุ่น และสอบถามมาเป็นจำนวนมาก เลยจะขออนุญาตแชร์จากประสบการณ์ ป.โท ของเรานะคะ
ทั้งนี้ แต่ละระดับ แต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละช่องทางการรับสมัคร อาจจะมีขั้นตอน เอกสาร และวิธีการแตกต่างกันออกไป
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น มีการสมัครหลายแบบค่ะ 1. สมัครสอบแข่งขัน 2. สมัครผ่านมหาลัย ซึ่งของเราเป็นกรณีที่ 2. ค่ะ คือสมัครมหาลัยตอบรับก่อน จากนั้นมหาลัยจะ recommend เราให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นคัดเลือกอีกที
เอกสารที่เรายื่นคือ ใบสมัคร, degree certificate, transcrips, ielts score ที่มากกว่า 6.5, recommendation letters จากอาจารย์ 1 และผู้บังคับบัญชาที่ทำงาน 1 และเขียน essays 5 อันค่ะ 3 อันตอนกระบวนการคัดเลือกของมหาวิทยาลัย และอีก 2 ตอนกระบวนการขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่ง 2 อันนี้เค้าให้เขียน 1. เหตุผลที่ต้องการเรียน เรียนไปทำไม จบแล้วจะใช้ความรู้อย่างไร 2. Research proposal ว่าจะศึกษาเรื่องอะไร ทำไม อย่างไร
ยังไงเป็นกำลังใจให้ทุนคนค่ะ
[[ แนะนำขั้นตอนการขอทุนไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ ^^ ]]
ขั้นตอนที่ 1 ถามความต้องการตัวเอง
อยากเรียนด้านอะไร
เรียนจบแล้วจะทำอะไร
อยากเรียนประเทศแถบไหน
เพื่อที่จะได้หาข้อมูลสถานที่เรียนในขอบเขตที่แคบลงค่ะ บางคนอยากเรียนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ จะได้แม่นภาษาอังกฤษ บางคนอยากเรียนประเทศที่พูดภาษาอื่น จะได้ได้ภาษาที่ 3 ไปด้วยในตัว
ขั้นตอนที่ 2 เลือกมหาวิทยาลัย
อยากได้ Ranking ประมาณไหน
มีสาขาวิชาที่เราอยากเรียนหรือไม่
แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยจะมีทุกคณะ เราจึงต้องดูว่ามหาวิทยาลัยไหนมีคณะที่เราอยากเรียน โดยเริ่มจากหาเว็บไซต์ที่จัด Ranking แล้วแต่ว่าใครอยากเรียนมหาวิทยาลัยอันดับสูง กลาง หรือธรรมดา ที่เริ่มจากเว็บไซต์ที่จัดอันดับเพราะว่ามหาวิทยาลัยทั่วโลกนั้นมีเยอะมากกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) แล้วมหาวิทยาลัยแต่ละที่ก็จะมีคณะที่โดดเด่นแตกต่างกัน พอเรารู้ว่าเราอยากเรียนด้านอะไรตามข้อ 1 เราก็จะกำหนดขอบเขตจำนวนมหาวิทยาลัยได้ไปอีก โดยลอง google ดูแล้วมา cross check แต่ละเว็บ โดยทั่วไป high ranking มักไม่ค่อยแตกต่างกันมากในแต่เว็บ เช่น http://www.timeshighereducation.co.uk/world-university-rankings/2014-15/world-ranking
ขั้นตอนที่ 3 เว็บไซต์ประกาศข่าวทุน
มีหลายเว็บไซต์ทั้งของไทยและของต่างประเทศ ที่จะรวบรวมข่าวข้อมูลทุนต่าง ๆ ไว้ เราเองก็หาง่าย ๆ ก่อนเลยค่ะ Google เช่น full scholarship for bachelor’s, master’s degree หรือ phd แล้วก็จะขึ้นพวกเว็บต่าง ๆ ขึ้นมา เช่น
www.scholarship.in.th
www.scholars4dev.com
www.findaphd.com
www.chances4.me/category/undergraduate/
etc.
ทีนี้ จากที่เรารู้ว่าเราอยากเรียนด้านอะไร เราก็จะเจาะดูทุนสาขาวิชาที่เราอยากเรียน ใส่ filter เลือกได้ตามใจเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 เข้าไปหน้าหลักของผู้ให้ทุนหรือมหาวิทยาลัยนั้น ๆ
พวกเว็บไซต์ที่รวมข่าวทุนมักจะมี link ให้เราตามไปอ่านรายละเอียดทุนนั้น ๆ ไม่ว่าจะจากผู้ให้ทุนหรือมหาวิทยาลัยนั้น เราควรจะเข้าไปดูตามนั้นค่ะ เพราะหน้าหลักจะเชื่อถือได้มากกว่าเว็บคนกลาง แล้วที่หน้า official website แต่ละมหาวิทยาลัย ตรง tab scholarship จะมีบอกว่ามหาลัยนั้น ๆ มีทุนอะไรให้บ้าง นอกเหนือจากทุนรัฐบาล บางทีก็เป็นองค์กรให้ทุน บางทีก็เป็นบุคคลให้ทุน บางทีก็เป็นทุนของมหาวิทยาลัยเอง ฯลฯ สามารถศึกษาในแต่ละ website ของมหาวิทยาลัยที่สนใจได้ค่ะ ส่วนตัว official website ต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยและ sponsors เค้าก็จะบอกรายละเอียดตั้งแต่
ทุนระดับไหน ป.ตรี ป.โท ป.เอก วิจัย
ทุนกี่ % เต็มจำนวนหรือบางส่วน ยกเว้นค่าเล่าเรียน หรือมีค่ากินอยู่ ค่าเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ ให้ด้วย
สาขาวิชาอะไรบ้างที่ให้ทุนนี้
มีข้อผูกมัดอะไรหลังเรียนจบหรือไม่
เอกสารที่ต้องเตรียมได้แก่อะไรบ้าง พื้น ๆ ก็จะเป็น transcript, letter of motivation, ผลสอบ toefl/ielts, recommendation letters, etc.
วันหมดเขตรับสมัคร
Note: ต้องเช็คอย่างละเอียดนะคะ
แต่ละมหาลัยใช้ผลสอบไม่เหมือนกัน บางที่รับแต่ toefl บางที่รับทั้ง toefl และ ielts
ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ละคณะรับคะแนนไม่เท่ากัน บางคณะรับ ielts 6.0 แต่อีกคณะรับ 7.0
ส่วนใหญ่ ป.เอก writing ielts อย่างต่ำต้อง 7.0
บางแห่งบอกว่าถ้าจะต่อ ป.เอก จะต้องจบ ป.โท มาไม่เกินกี่ปี
โดยทุนเต็มจำนวนส่วนใหญ่จะเป็นทุนรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ที่นอกจากจะยกเว้นค่าเล่าเรียนแล้ว จะมีค่ากินอยู่รายเดือนให้ มีค่าเครื่องบิน ฯลฯ เช่น
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (อันนี้เราเรียนจบมาปีที่แล้วค่ะ ค่ากินอยู่เดือนละ 147,000 yen เพียงพอแน่นอน ถ้าไม่เที่ยวเล่น อยู่ได้อย่างสบายเลยค่ะ) http://www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/boshu/1346643.htm
ทุนรัฐบาลออสเตรเลีย http://www.australiaawards.gov.au/Pages/howtoapply.aspx
ทุนรัฐบาลเยอรมัน http://www.daad.or.th/en/
ทุนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ http://www.sbfi.admin.ch/themen/01366/01380/02175/index.html?lang=en
Etc. google ได้เลยค่ะ
ทุนอื่น ๆ ที่ให้เต็มจำนวน
ทุนฝั่ง UK: http://www.chevening.org/
ทุนฝั่ง US: http://www.fulbrightthai.org/
ขั้นตอนที่ 5 เตรียมเอกสารในการสมัครให้พร้อม
เนื่องจากเราไม่รู้ว่าเค้าจะประกาศช่วงไหน และเมื่อเค้าประกาศ มักจะมีช่วงเวลารับสมัครไม่กี่เดือน ฉะนั้น หลังจากดูข้อมูลข้อ 5 แล้ว ก็เตรียมเอกสารรอไว้เลยค่ะ โดยทั่วไปแล้ว การเรียนต่อเราใช้เวลาการสมัครเกือบ 1 ปี เพราะ
TOEFL: สมัครได้ทุกเสาร์อาทิตย์ (เราเพิ่งสมัครวันก่อน ว่างเยอะมาก) ผลสอบ toefl อาจจะรู้แค่ 10 วันหลังวันสอบ แต่ว่ากว่าจะเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ คงใช้เวลาเป็นเดือน เราคงไม่อยากเสียเงินสอบแพงแล้วไม่ผ่านเนอะ ค่าสอบประเทศไทย $185
IELTS: อันนี้ผลสอบ ielts รอ 3 อาทิตย์ นอกจากนี้คนยังสอบเยอะมาก หาวันสอบยากมากกกกกกกก อย่างต่ำ 2-3 เดือนกว่าจะได้สอบ พอรวมรอผลสอบอีก 3 อาทิตย์ ก็ปาไป 4 เดือนล่ะ เวลาเค้าประกาศทุนเค้าประกาศไม่ถึง 4 เดือนค่ะ ถ้าจะเอาเป็นว่าเข้าเรียนในปีนั้นเลยนะคะ
เอกสารที่ต้องรับรองจากทางมหาวิทยาลัย เช่น transcript: บางคนทำงาน ถ้าจะต้องลางานก็เตรียมให้ครบนะคะ บางที่มีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับเอกสารได้เลยในวันนั้น ขอเช้าได้บ่าย แต่บางที่ต้องรอขั้นต่ำ 1-2 วัน
Recommendation letters: โดยทั่วไปมักจะต้องเป็นอาจารย์ (academic reference) อย่างน้อย 1 ท่าน ส่วนอีกท่านอาจจะเป็นบุคคลที่ทำงานกับเรา และแน่นอนว่า เราต้องเผื่อเวลาให้ท่านเขียนด้วย เร่งท่านก็ไม่ได้ ขั้นตอนนี้อย่างต่ำก็ 3-4 อาทิตย์ล่ะค่ะ
รูปถ่าย ดูว่าต้องใช้ขนาดใดบาง พื้นหลังต้องเป็นสีอะไร
Research proposal: ตัวนี้ล่ะที่แทบจะขาดใจ ใช้เวลานานมากกกกกก ต้องอ่าน journals เยอะมากกกกก กว่าจะตกผลึกว่าจะทำเรื่องอะไรดี ใช้วิธีอะไรในการวิจัย บางทุนต้องมี Professor ตอบรับหัวข้อวิจัยเราก่อนด้วย เค้าถึงจะพิจารณา อันนี้ก็ต้องเช็คในขั้นตอนที่ 5 ค่ะ
ขั้นตอนที่ 6 เตรียมตัวอื่น ๆ ให้พร้อม
เช็ค Visa แต่ละประเทศให้ดีว่าต้องทำอะไรเพิ่มอีกบ้าง เช่น Visa student ของเยอรมัน จะต้องสอบภาษาเยอรมันผ่านในระดับ B1 เป็นต้น (เรากำลังเรียนอยู่ค่ะ) ซึ่งภาษาเยอรมันก่อนจะถึง B1 จะต้องผ่าน A1 และ A2 ซึ่งคอร์สที่เรียน 1 เลเวล ใช้เวลา 1 ปีค่ะ (อ้างอิง Goethe 1 คอร์สใช้เวลา 3 เดือน 1 เลเวลต้องเรียน 4 คอร์ส)
แม้บางประเทศไม่ต้องมีผลสอบภาษาประเทศเค้า แต่เราก็ควรจะเรียนไว้บ้าง เพื่อการใช้ชีวิตประจำวันที่นั่นค่ะ
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เช่น ค่าครองชีพ ลองดูราคาที่พัก ราคาการเดินทาง ราคาอาหาร บางทีก็จะมีคนมาแชร์ในพันทิปนี่ล่ะค่ะ
สภาพอากาศ ระยะทางจากไทย การขนส่งสินค้า ฯลฯ
ขั้นตอนที่ 7 ทำการสมัคร
บางที่รับเฉพาะ online application บางรายต้องการให้ส่งเป็น air mail เอกสาร hard copy ด้วย ต้องตรวจสอบดี ๆ นะคะ ทำให้ถูกต้องตามกฎ ไม่งั้นทางมหาวิทยาลัยอาจจะไม่รับพิจารณาค่ะ หลังจากนั้นก็รอตามกำหนด อาจจะ email ไปสอบถามว่าได้รับเอกสารรึยังเพื่อยืนยันให้มั่นใจอีกทางก็ได้ค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ เป็นข้อมูลที่เราเองใช้แบบนี้ค่ะ หรือใครมีอะไรมาแชร์เพิ่มนี่ยินดีเลยนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยนกันค่ะ ^^
ตอนนี้เราเองก็อยู่ในขั้นตอนที่ 6 แล้วล่ะค่ะ นั่งงมเตรียมเอกสารต่าง ๆ อยู่ค่ะ จริง ๆ ทุนของเรายังไม่ประกาศรับ แต่ว่าอ้างอิงจากของปีก่อน ๆ ซึ่งคิดว่าก็คงช่วงเวลาเดิม เลยดำเนินการไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ใช้ได้เสมอจริง ๆ ค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขึ้นกระทู้แนะนำแล้ว ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจมาทั้งหลังไมค์และหน้าไมค์นะคะ ^^
มีหลายท่านสนใจทุนรัฐบาลญี่ปุ่น และสอบถามมาเป็นจำนวนมาก เลยจะขออนุญาตแชร์จากประสบการณ์ ป.โท ของเรานะคะ
ทั้งนี้ แต่ละระดับ แต่ละมหาวิทยาลัย แต่ละช่องทางการรับสมัคร อาจจะมีขั้นตอน เอกสาร และวิธีการแตกต่างกันออกไป
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น มีการสมัครหลายแบบค่ะ 1. สมัครสอบแข่งขัน 2. สมัครผ่านมหาลัย ซึ่งของเราเป็นกรณีที่ 2. ค่ะ คือสมัครมหาลัยตอบรับก่อน จากนั้นมหาลัยจะ recommend เราให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นคัดเลือกอีกที
เอกสารที่เรายื่นคือ ใบสมัคร, degree certificate, transcrips, ielts score ที่มากกว่า 6.5, recommendation letters จากอาจารย์ 1 และผู้บังคับบัญชาที่ทำงาน 1 และเขียน essays 5 อันค่ะ 3 อันตอนกระบวนการคัดเลือกของมหาวิทยาลัย และอีก 2 ตอนกระบวนการขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่ง 2 อันนี้เค้าให้เขียน 1. เหตุผลที่ต้องการเรียน เรียนไปทำไม จบแล้วจะใช้ความรู้อย่างไร 2. Research proposal ว่าจะศึกษาเรื่องอะไร ทำไม อย่างไร
ยังไงเป็นกำลังใจให้ทุนคนค่ะ