เรื่องราวมันก็ผ่านมาซักพักเเล้วตอนนั้นคบกับเเฟนได้ปีนึงเเล้วกำลังวางแผนไปฉลองงานวันเกิดครบ100ปีคุณย่าของแฟนค่ะ
ได้รับหนังสือเชิญ ได้รับใบ formal obligation เราเองเตรียมเอกสารไปครบทั้งหมด (เตรียมไปเกินด้วยนะเออใบจบการศึกษา ใบสอบโทอิค)
วันสัมภาษณ์จริงใส่ชุดสุภาพไปค่ะเเจ๊คเกตคลุมอีกชั้นนึงเพื่อความเรียบร้อย หน้าผมเป๊ะ งานนี้พี่พร้อม ^^
เงิบที่หนึ่ง ยามดุมาก ด้วยความที่เเฟนไปด้วยพี่ยามไล่เเฟนเราให้นั่งรอข้างนอกเข้าไปได้เฉพาะคนจะทำวีซ่าเท่านั้น (โชคดีที่เเฟนมีธุระอื่นกับสถานทูตถึงเข้าไปได้)
เงิบที่สอง
บริษัทเอเจนซี่ที่มาจองคิวก่อน เค้ามากันตัวคนเดียวเเต่จองคิวให้กับลูกทัวอีกสามสิบคน โห ...ไอ้เราก็รอจนเหี่ยวเลย
เงิบที่สาม
1.ไม่เข้าใจทำไมต้องทำหน้าเหวี่ยงๆ ห้วนๆ ปฎิบัติกับคนไทยได้เเย่มาก พอเเฟนเราเห็นนะเค้าเดินตามเข้าไปในช่องสัมภาษณ์ด้วยเจ้าหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าทันที งงมากเลย
มาดูคำถามกันค่ะ
Q1.ไปทำอะไร
Q2.วันเกิดคุณย่าเค้าเเล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วยคะ (เงิบไปอีกหนึ่ง คือเเบบไม่คิดว่าจะถามเเบบนี้เลยจริงๆ)
Q3.คุณย่าเกิดวันไหน เดือนอะไร ค.ศ. เท่าไหร่
Q4.เล่าเรื่องคุณย่าให้ฟังหน่อย (ดีนะที่เตรียมข้อมูลไปดีคือเเบบคุณจะจบเรื่องคุณย่าได้ยัง?)
พอจบเรื่องคุณย่า นางมาเรื่องเเฟนต่อค่า
Q1.เเฟนชื่ออะไร
Q2.เจอกันยังไง ก็ตอบไปว่าเค้าเป็นเพื่อนกับเพื่อนเรา
Q3.เพื่อนผญ หรือผช?
Q4.เจอกันทั้งหมดกี่ครั้ง? หลายครั้ง...ไม่ได้นับเนอะ 55
Q5.เกือน10 ครั้งรึเปล่า?
Q6.ช่วงที่เค้าบินมาหาคุณ เค้าพักที่ไหน?
Q7.เจอกันกี่ครั้งถึงยอมไปเที่ยวด้วยกัน
Q8.เค้าส่งเงินให้คุณใช้รึเปล่า? คุณเเน่ใจนะ? เเล้วคุณให้เค้าซื้อของอะไรให้มั้ย?
คำถามนี้อย่างจี๊ดเลย.......ถามงี้หมายความว่าไง ถามเเล้วคุณได้อะไร? จะทำวิจัยเหรอ? คือจะหาว่าชั้นให้เค้าส่งเงินมาให้ใช้งั้นเหรอ คือเเบบมันโมโหนะ หน้าที่การงานเราก็มี เงินเดือนเราก็ไม่ใช่เล่นๆใบลางานพร้อม ภาษาได้ โพรไฟล์ครบ เงินมีสามารถเลี้ยงผชได้เลยเอาสิ หลักฐานครบ ต้องกลับไทยเเน่นอน คือทำไมต้องถามกันยังกับว่าเราจะไปค้าเนื้อสด ไปหลอกลวงไถเงินคนที่นู่นด้วย โมโหมากเเต่ก็เก็บอาการไว้ ตอบไปหน้าเรียบๆ หน้าที่การงานดิฉันก็มีเอกสารก็อยู่ในมือคุณไง
Q9.วางแผนเเต่งงานรึยัง?
Q10.คบมานานเท่าไหร่เเล้ว
Q11.เจอกันครั้งเเรกวันอะไร ที่ไหน ทำอะไรบ้าง (ซอกเเซกไปนะ)
เเฟนเห็นเข้าไปนานนางเลยเข้ามาถามว่าทุกอย่างโอเคมั้ย คุณเจ้าหน้าที่เปลี่ยนสีหน้ามายิ้มเเย้มทันทีเลย คือเเบบเฮ้ยยยยยยย คือคุณก็เเค่ลูกจ้างฝรั่งนะ สุดท้ายคุณก็คนไทยคนนึงนั่นเเหละ อ่านมาถึงตรงนี้เเล้วขอประนามกลุ่มคนไทยที่ไปทำชื่อเสียไว้ที่ต่างเเดนเลยค่ะ เลยทำให้ จนท.เค้าทำงานยากขึ้น จนต้องมีอัคติกับคนไทยด้วยกันไปเกือบทุกรายไป
ปัจจุบันไปมาหลายรอบมากเเล้วค่ะ บางทีเจอคนเดิมนางก็ถามอีกว่าบริษัทให้ลางานด้วยเหรอ? ตอบไปก็นี่หล่ะค่ะเซ็นต์มาเเล้วเเปลว่าให้ไปค่ะ 555
ภาวนาข้อให้เจอเจ้าหน้าที่คนเดิมอีก จะได้จิกกลับบ้างว่าชั้นได้ไปพักร้อนเก๋ๆหย่ะ ส่วนเธอที่ดูถูกชั้นก็นั่งทำงานที่นี่ต่อไปนะ สบัดบ๊อป...บัยส์ มันสะใจก็ตรงนี้เเหละหึๆๆๆ
เพื่อนๆหล่ะคะไปสถานทูตไหนเจอคำถามอะไรบ้าง ชนิดที่อยากจะสวนหมัดกลับไป มาเเชร์กันได้นะคะ
ถูกสถานทูตเยอรมันตั้งคำถามสัมภาษณ์วีซ่าเเบบนี้ สมควรมั้ย?
ได้รับหนังสือเชิญ ได้รับใบ formal obligation เราเองเตรียมเอกสารไปครบทั้งหมด (เตรียมไปเกินด้วยนะเออใบจบการศึกษา ใบสอบโทอิค)
วันสัมภาษณ์จริงใส่ชุดสุภาพไปค่ะเเจ๊คเกตคลุมอีกชั้นนึงเพื่อความเรียบร้อย หน้าผมเป๊ะ งานนี้พี่พร้อม ^^
เงิบที่หนึ่ง ยามดุมาก ด้วยความที่เเฟนไปด้วยพี่ยามไล่เเฟนเราให้นั่งรอข้างนอกเข้าไปได้เฉพาะคนจะทำวีซ่าเท่านั้น (โชคดีที่เเฟนมีธุระอื่นกับสถานทูตถึงเข้าไปได้)
เงิบที่สอง
บริษัทเอเจนซี่ที่มาจองคิวก่อน เค้ามากันตัวคนเดียวเเต่จองคิวให้กับลูกทัวอีกสามสิบคน โห ...ไอ้เราก็รอจนเหี่ยวเลย
เงิบที่สาม
1.ไม่เข้าใจทำไมต้องทำหน้าเหวี่ยงๆ ห้วนๆ ปฎิบัติกับคนไทยได้เเย่มาก พอเเฟนเราเห็นนะเค้าเดินตามเข้าไปในช่องสัมภาษณ์ด้วยเจ้าหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าทันที งงมากเลย
มาดูคำถามกันค่ะ
Q1.ไปทำอะไร
Q2.วันเกิดคุณย่าเค้าเเล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วยคะ (เงิบไปอีกหนึ่ง คือเเบบไม่คิดว่าจะถามเเบบนี้เลยจริงๆ)
Q3.คุณย่าเกิดวันไหน เดือนอะไร ค.ศ. เท่าไหร่
Q4.เล่าเรื่องคุณย่าให้ฟังหน่อย (ดีนะที่เตรียมข้อมูลไปดีคือเเบบคุณจะจบเรื่องคุณย่าได้ยัง?)
พอจบเรื่องคุณย่า นางมาเรื่องเเฟนต่อค่า
Q1.เเฟนชื่ออะไร
Q2.เจอกันยังไง ก็ตอบไปว่าเค้าเป็นเพื่อนกับเพื่อนเรา
Q3.เพื่อนผญ หรือผช?
Q4.เจอกันทั้งหมดกี่ครั้ง? หลายครั้ง...ไม่ได้นับเนอะ 55
Q5.เกือน10 ครั้งรึเปล่า?
Q6.ช่วงที่เค้าบินมาหาคุณ เค้าพักที่ไหน?
Q7.เจอกันกี่ครั้งถึงยอมไปเที่ยวด้วยกัน
Q8.เค้าส่งเงินให้คุณใช้รึเปล่า? คุณเเน่ใจนะ? เเล้วคุณให้เค้าซื้อของอะไรให้มั้ย?
คำถามนี้อย่างจี๊ดเลย.......ถามงี้หมายความว่าไง ถามเเล้วคุณได้อะไร? จะทำวิจัยเหรอ? คือจะหาว่าชั้นให้เค้าส่งเงินมาให้ใช้งั้นเหรอ คือเเบบมันโมโหนะ หน้าที่การงานเราก็มี เงินเดือนเราก็ไม่ใช่เล่นๆใบลางานพร้อม ภาษาได้ โพรไฟล์ครบ เงินมีสามารถเลี้ยงผชได้เลยเอาสิ หลักฐานครบ ต้องกลับไทยเเน่นอน คือทำไมต้องถามกันยังกับว่าเราจะไปค้าเนื้อสด ไปหลอกลวงไถเงินคนที่นู่นด้วย โมโหมากเเต่ก็เก็บอาการไว้ ตอบไปหน้าเรียบๆ หน้าที่การงานดิฉันก็มีเอกสารก็อยู่ในมือคุณไง
Q9.วางแผนเเต่งงานรึยัง?
Q10.คบมานานเท่าไหร่เเล้ว
Q11.เจอกันครั้งเเรกวันอะไร ที่ไหน ทำอะไรบ้าง (ซอกเเซกไปนะ)
เเฟนเห็นเข้าไปนานนางเลยเข้ามาถามว่าทุกอย่างโอเคมั้ย คุณเจ้าหน้าที่เปลี่ยนสีหน้ามายิ้มเเย้มทันทีเลย คือเเบบเฮ้ยยยยยยย คือคุณก็เเค่ลูกจ้างฝรั่งนะ สุดท้ายคุณก็คนไทยคนนึงนั่นเเหละ อ่านมาถึงตรงนี้เเล้วขอประนามกลุ่มคนไทยที่ไปทำชื่อเสียไว้ที่ต่างเเดนเลยค่ะ เลยทำให้ จนท.เค้าทำงานยากขึ้น จนต้องมีอัคติกับคนไทยด้วยกันไปเกือบทุกรายไป
ปัจจุบันไปมาหลายรอบมากเเล้วค่ะ บางทีเจอคนเดิมนางก็ถามอีกว่าบริษัทให้ลางานด้วยเหรอ? ตอบไปก็นี่หล่ะค่ะเซ็นต์มาเเล้วเเปลว่าให้ไปค่ะ 555
ภาวนาข้อให้เจอเจ้าหน้าที่คนเดิมอีก จะได้จิกกลับบ้างว่าชั้นได้ไปพักร้อนเก๋ๆหย่ะ ส่วนเธอที่ดูถูกชั้นก็นั่งทำงานที่นี่ต่อไปนะ สบัดบ๊อป...บัยส์ มันสะใจก็ตรงนี้เเหละหึๆๆๆ
เพื่อนๆหล่ะคะไปสถานทูตไหนเจอคำถามอะไรบ้าง ชนิดที่อยากจะสวนหมัดกลับไป มาเเชร์กันได้นะคะ