ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีใครไม่รู้จักหุ้น Nex แล้ว เพราะทั้งหน้าสื่อ และในสื่อ Social ต่างพากันพูดถึงแต่หุ้นตัวนี้ ก็จะไม่ให้พูดถึงได้อย่างไร... เหตุเพราะราคาหุ้นโดนทุบอย่างหนัก ทั้งจากคนตกใจขาย และจากการ Force Sell รวม ๆ กันแล้ว ก็ลบไปอย่างน้อย ๆ 60% จากเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า เรียกได้ว่าใครมีหุ้นตัวนี้อยู่ก็ร้องกันทุกคนครับ
และระหว่างสองสัปดาห์นั้น บรรดานักวิเคราะห์ค่ายต่าง ๆ ก็ออกมาแสดงความกังวลต่อหุ้นตัวนี้กันอย่างต่อเนื่อง บางรายลดเป้าหมายปี 67 ลง บางรายก็ยังคงเป้าหมายเดิม ซึ่งประเด็นที่กังวลเริ่มตั้งแต่ยอดขาย และกำไรที่ลดลง หรือการมีลูกหนี้การค้ามากจนเกินไป รวมถึงการเข้ามาทำตลาดรถ EV เชิงพาณิชย์จากค่ายรถจีน ฯลฯ
หากถามว่าประเด็นต่าง ๆ นี้น่ากังวลหรือไม่? คำตอบก็คือ “มันก็น่ากังวลนั่นล่ะ”
แต่หากถามว่า มันน่ากังวลมากขนาดไหน? อันนี้ต้องมาแยกเป็นประเด็น ๆ ครับ
เริ่มกันที่ประเด็น ยอดขายและกำไรลดลงนั้น เป็นผลมาจากยอดขายรถ EV ที่ลดลง จากการปรับเปลี่ยนสายการผลิตบางส่วน(รถกระบะ) ของโรงงานผลิตที่ร่วมทุนกับ EA ทำให้กำลังการผลิตรถ EV เดิมลดลง ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึง Q2-67
แน่นอนว่า ...เมื่อขายรถได้ลดลง สิ่งที่ตามมาก็คือกำไรลดลงตามไปด้วย ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากบริษัทร่วมพลิกเป็นขาดทุนในไตรมาสนี้ จึงคาดว่าใน Q2-67 Performance ของ Nex ก็ยังไม่น่าจะพื้นกลับเป็นปกติครับ
ตามด้วยประเด็นยอดลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจาก 3,000 กว่าล้านใน Q4-66 มาเป็น 5,000 กว่าล้านในไตรมาสนี้ ทำให้มีคนเริ่มกังวัลเกี่ยวกับคุณภาพลูกหนี้ รวมถึงการเรียกชำระหนี้ของบริษัท หรือง่าย ๆ คือกลัวจะเป็นหนี้สูญนั้นเอง หากแต่เราลองเข้าไปดูในงบการเงินใน Q1-67 ที่ผ่านมา กลับพบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในชั้นปกตินะครับ ลูกหนี้ที่เกินกำหนดชำระจริง ๆ มีประมาณแค่ 200 กว่าลบ.เท่านั้นเอง (แต่ต้องเข้าใจว่ามันเป็นยอด ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น) และหากเรามองอีกด้านหนึ่งของการมีลูกหนี้มาก ก็คือการขายได้มากเช่นเดียวกันครับ
สุดท้ายประเด็นที่มีค่ายรถจีนเข้ามาทำตลาดรถ EV เชิงพาณิชย์นั้น ผมคิดว่าการตัดราคาคงต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ตามคิดของผมอาจจะใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 -12 เดือนข้างหน้า ก็น่าจะเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นกว่าปัจจุบัน แต่ต้องไม่ลืมว่า Nex ก็เป็นผู้เล่นรายใหญ่รายหนึ่งในธุรกิจจำหน่ายรถ EV เชิงพาณิชย์ของไทย และเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เข้ามาเล่นในตลาดนี้ ผมจึงคาดว่า Nex น่าจะยังต่อสู้กับการแข่งขันนี้ได้ในอนาคต
โดยสรุปแล้ว ผมคาดว่าความกังวลในประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมา และที่ไม่ได้กล่าวมานั้น นักลงทุนต้องพิจารณาให้ดีว่าประเด็นไหนควร Concern ประเด็นไหนเป็นเพียง Noise เพราะบางครั้งวิกฤตกับโอกาส มันก็ต่างกันแค่นิดเดียว และทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ
ส่วน Next Station ของหุ้น NEX ราคาจะไปทางไหนต่อจะขึ้นหรือจะลง คงต้องให้ตลาดเป็นผู้เฉลยว่า Money Game เกมนี้ว่าจะไปจบลงตรงไหน และแบบไหน เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน 5555
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
บทความเก่า WAVE ไม่ WoW!
https://ppantip.com/topic/42729489
NEX…(t) Station?
และระหว่างสองสัปดาห์นั้น บรรดานักวิเคราะห์ค่ายต่าง ๆ ก็ออกมาแสดงความกังวลต่อหุ้นตัวนี้กันอย่างต่อเนื่อง บางรายลดเป้าหมายปี 67 ลง บางรายก็ยังคงเป้าหมายเดิม ซึ่งประเด็นที่กังวลเริ่มตั้งแต่ยอดขาย และกำไรที่ลดลง หรือการมีลูกหนี้การค้ามากจนเกินไป รวมถึงการเข้ามาทำตลาดรถ EV เชิงพาณิชย์จากค่ายรถจีน ฯลฯ
หากถามว่าประเด็นต่าง ๆ นี้น่ากังวลหรือไม่? คำตอบก็คือ “มันก็น่ากังวลนั่นล่ะ”
แต่หากถามว่า มันน่ากังวลมากขนาดไหน? อันนี้ต้องมาแยกเป็นประเด็น ๆ ครับ
เริ่มกันที่ประเด็น ยอดขายและกำไรลดลงนั้น เป็นผลมาจากยอดขายรถ EV ที่ลดลง จากการปรับเปลี่ยนสายการผลิตบางส่วน(รถกระบะ) ของโรงงานผลิตที่ร่วมทุนกับ EA ทำให้กำลังการผลิตรถ EV เดิมลดลง ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึง Q2-67
แน่นอนว่า ...เมื่อขายรถได้ลดลง สิ่งที่ตามมาก็คือกำไรลดลงตามไปด้วย ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากบริษัทร่วมพลิกเป็นขาดทุนในไตรมาสนี้ จึงคาดว่าใน Q2-67 Performance ของ Nex ก็ยังไม่น่าจะพื้นกลับเป็นปกติครับ
ตามด้วยประเด็นยอดลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจาก 3,000 กว่าล้านใน Q4-66 มาเป็น 5,000 กว่าล้านในไตรมาสนี้ ทำให้มีคนเริ่มกังวัลเกี่ยวกับคุณภาพลูกหนี้ รวมถึงการเรียกชำระหนี้ของบริษัท หรือง่าย ๆ คือกลัวจะเป็นหนี้สูญนั้นเอง หากแต่เราลองเข้าไปดูในงบการเงินใน Q1-67 ที่ผ่านมา กลับพบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในชั้นปกตินะครับ ลูกหนี้ที่เกินกำหนดชำระจริง ๆ มีประมาณแค่ 200 กว่าลบ.เท่านั้นเอง (แต่ต้องเข้าใจว่ามันเป็นยอด ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น) และหากเรามองอีกด้านหนึ่งของการมีลูกหนี้มาก ก็คือการขายได้มากเช่นเดียวกันครับ
สุดท้ายประเด็นที่มีค่ายรถจีนเข้ามาทำตลาดรถ EV เชิงพาณิชย์นั้น ผมคิดว่าการตัดราคาคงต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ตามคิดของผมอาจจะใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 -12 เดือนข้างหน้า ก็น่าจะเห็นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นกว่าปัจจุบัน แต่ต้องไม่ลืมว่า Nex ก็เป็นผู้เล่นรายใหญ่รายหนึ่งในธุรกิจจำหน่ายรถ EV เชิงพาณิชย์ของไทย และเป็นเจ้าแรก ๆ ที่เข้ามาเล่นในตลาดนี้ ผมจึงคาดว่า Nex น่าจะยังต่อสู้กับการแข่งขันนี้ได้ในอนาคต
โดยสรุปแล้ว ผมคาดว่าความกังวลในประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมา และที่ไม่ได้กล่าวมานั้น นักลงทุนต้องพิจารณาให้ดีว่าประเด็นไหนควร Concern ประเด็นไหนเป็นเพียง Noise เพราะบางครั้งวิกฤตกับโอกาส มันก็ต่างกันแค่นิดเดียว และทั้งหมดที่เขียนมานี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ
ส่วน Next Station ของหุ้น NEX ราคาจะไปทางไหนต่อจะขึ้นหรือจะลง คงต้องให้ตลาดเป็นผู้เฉลยว่า Money Game เกมนี้ว่าจะไปจบลงตรงไหน และแบบไหน เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน 5555
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ดช.จุ่น
บทความเก่า WAVE ไม่ WoW! https://ppantip.com/topic/42729489