คุณแม่อายุ 65 ปีค่ะ สุขภาพยังค่อนข้างดีอยู่ มีแค่ข้อเข่าเริ่มจะเสื่อมเท่านั้น
เมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อนของคุณแม่ ชวนคุณแม่ ไปหาหมอฝังเข็ม เป็นคนเกาหลี ที่กาญจนบุรี
โดยบอกกับคุณแม่ว่า หมอฝังเข็มคนนี้นะ แค่ "แมะ" -จับข้อมือ ดู ก็รู้เลยว่าเป็น หรือกำลังจะเป็นโรคอะไร
คุณแม่เลยลองไปหาหมอคนนี้ค่ะ ไปครั้งแรก หมอก็จับข้อมือดู แล้วบอกว่าคุณแม่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
จะรักษากะเค้าหรือไม่ก็ได้ ถ้าตกลงรักษา ก็ต้องจ่ายเงินก่อนเลย ในราคา 40,000 บาท
แล้วจะสามารถมาฝังเข็ม รมยา รับยาเม็ดกลมๆ เล็กๆ ไปกิน ได้จนกว่าจะหายค่ะ โดยหมอแนะนำว่าควรจะมาทุกๆ 5-7 วัน
คุณแม่ก็ไปรักษาทุกวันอาทิตย์ หรือบางทีก็แล้วแต่วันสะดวกวันว่างของหมอค่ะ
พอเวลาผ่านไปสัก 2 เดือน หมอก็บอกใกล้จะหายแล้ว แต่บอกต่ออีกว่าหมอจับข้อมือแมะดูหลายรอบ แล้วพบว่า...
คุณแม่กำลังจะเป็นโรคเกี่ยวกับตับและไต คุณแม่ก็เชื่อค่ะ ท่านมีนิสัยขี้วิตกกังวล ขี้กลัวอยู่แล้ว ก็ตกลงรักษาโรคที่หมออ้างว่ากำลังจะเป็นต่ออีก
ต้องเสียเงินอีกค่ะ คราวนี้หมอเรียกเงินค่ารักษาโรคใหม่นี้ 60,000 บาท
พอถึงปลายเดือนที่แล้ว หมอก็แมะข้อมือดู แล้วบอกว่าใกล้จะหายแล้วค่ะ คุณแม่ดีใจใหญ่เลย
แต่หมอแมะข้อมืออีกหลายรอบ แล้วบอกคุณแม่ว่า กำลังจะเป็นโรคมะเร็งระยะแรกค่ะ
คราวนี้คุณแม่ตื่นเต้น กลัวใหญ่เลยค่ะ เชื่อเขาเต็มที่เลย หมอฝังเข็มรมยานั่นก็บอกตามสูตรเดิมว่า จะรักษากับผมหรือไม่ก็ได้
ฟังดูดีใช่มั้ยคะ เสนอทางเลือกให้ลูกค้า แต่ในความเป็นจริง แทบจะทุกคนล่ะค่ะ กลัวเป็นมะเร็ง กลัวเจ็บป่วย กลัวตาย
ก็ยอมรักษาต่อกับหมอคนนี้กันทั้งนั้น เช่นเดียวกันกับคุณแม่ที่คิดว่า...
ไหนๆ ก็มารักษากับหมอคนนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว แถมหมอคนนี้ยังตรวจเจอโรคมะเร็ง ก่อนที่จะรอให้เป็นหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
คราวนี้หมอเกาหลี บอกเงินค่ารักษา 100,000 ค่ะ ต้องจ่ายเงินก่อน สามารถผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ แล้วมารักษากี่ครั้งก็ได้ จนกว่าเขาจะบอกว่าหายแล้ว
ตอนนี้ทั้งเพื่อนคุณแม่และคุณแม่ต่างก็เชื่อว่า หมอคนนี้เป็นหมอเทวดา รักษาได้ทุกโรค รู้ล่วงหน้าว่าคนไหนกำลังจะเป็น หรือเป็นโรคอะไรอยู่
และรักษาได้ทุกโรคด้วยการฝังเข็มกับรมยา และทานยากลมๆ เม็ดเล็กนิดเดียว
มันใช่หรือคะ แค่จับข้อมือดู แล้วเห็นเซลล์มะเร็งกำลังเริ่มเจริญเติบโตอยู่ในร่างกาย ฟังดูไม่ค่อยฉลาดเลยค่ะ ถ้าหลงเชื่อ
ที่เคยเรียนมา มะเร็งจะวินิจฉัยได้ว่าเป็นหรือไม่จากการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจค่าความปกติการทำงานของอวัยวะต่างๆ และเอกซเรย์ นี่คะ
แล้วดูสิคะ โรคนี้หาย บอกเป็นโรคนั้นต่อ พอหายอีก ก็บอกเป็นต่ออีก
หากินกับความกลัว ความวิตกกังวลของคนนี่ง่ายดีนะคะ
หมอรวย คนไข้จะหมดเนื้อหมดตัว เพราะวิตกกังวลเกินเหตุนี่สิ
แถมคุณแม่ไม่ยอมไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ อ้างว่า ก็หมอฝังเข็มเกาหลี เขาตรวจเจอแล้ว จะไปเสียเงินที่โรงพยาบาลอีกทำไม
คือที่บ้านพอมีพอกินค่ะ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินเหลือใช้อะไรมากนัก
ถ้าคุณแม่เจ็บป่วยจริง แล้วรักษาที่โรงพยาบาล จะจ่ายเงินเท่าไรก็ยอมค่ะ ถ้ารักษาหาย หรือดีขึ้น
แต่กับหมอฝังเข็มเกาหลีคนนี้ คิดว่าน่าจะถูกหลอกเอาเงินมากกว่าใช่มั้ยคะ
เพราะค่ารักษาแพงเกินจริง โรคที่บอกมาเป็นจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมหายโรคนี้แล้ว ยังบอกเป็นโรคใหม่ต่ออีก
อยากให้คุณแม่ตาสว่างสักทีค่ะ ว่าคนทุกคนเกิดมาแล้วต้องป่วย ต้องตายเหมือนกันหมด
ไม่มีแน่นอน ที่การฝังเข็มกับรมยาจะสามารถรักษาได้ทุกโรค
ไม่อย่างนั้นแล้ว คนทุกคนก็เป็นอมตะ ไม่เจ็บป่วย เป็นอะไรก็รักษาได้ทุกโรค กันหมดสิคะ แล้วจะมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีโรงพยาบาลไปทำไม
คุณแม่วิตกกังวล กลัวเป็นโรค กลัวเจ็บป่วยมากเลยค่ะ ทั้งๆที่ จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถึงป่วยจริงๆ น่าจะเอาเงินที่ไปหาหมอคนนี้ ไปทำบุญ เตรียมสะสมบุญไว้เป็นเสบียงติดตัวเดินทางสู่ภพชาติต่อๆ ไปยังจะดีกว่าอีกมั้ยคะ
ตามที่เล่ามา หมอเกาหลีคนนี้ น่าจะหลอกหากินกับความวิตกกังวล ความหวาดกลัวโรคภัยไข้เจ็บของคนใช่มั้ยคะ
จะทำอย่างไร คุณแม่ถึงจะได้สติ คิดเองเป็น และตาสว่างสักทีคะ ขอบคุณค่ะ
ขอความเห็นค่ะ สงสัยว่าคุณแม่กำลังถูกหลอกเอาเงินจากหมอฝังเข็มชาวเกาหลีรายหนึ่ง ที่กาญจนบุรี
เมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อนของคุณแม่ ชวนคุณแม่ ไปหาหมอฝังเข็ม เป็นคนเกาหลี ที่กาญจนบุรี
โดยบอกกับคุณแม่ว่า หมอฝังเข็มคนนี้นะ แค่ "แมะ" -จับข้อมือ ดู ก็รู้เลยว่าเป็น หรือกำลังจะเป็นโรคอะไร
คุณแม่เลยลองไปหาหมอคนนี้ค่ะ ไปครั้งแรก หมอก็จับข้อมือดู แล้วบอกว่าคุณแม่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
จะรักษากะเค้าหรือไม่ก็ได้ ถ้าตกลงรักษา ก็ต้องจ่ายเงินก่อนเลย ในราคา 40,000 บาท
แล้วจะสามารถมาฝังเข็ม รมยา รับยาเม็ดกลมๆ เล็กๆ ไปกิน ได้จนกว่าจะหายค่ะ โดยหมอแนะนำว่าควรจะมาทุกๆ 5-7 วัน
คุณแม่ก็ไปรักษาทุกวันอาทิตย์ หรือบางทีก็แล้วแต่วันสะดวกวันว่างของหมอค่ะ
พอเวลาผ่านไปสัก 2 เดือน หมอก็บอกใกล้จะหายแล้ว แต่บอกต่ออีกว่าหมอจับข้อมือแมะดูหลายรอบ แล้วพบว่า...
คุณแม่กำลังจะเป็นโรคเกี่ยวกับตับและไต คุณแม่ก็เชื่อค่ะ ท่านมีนิสัยขี้วิตกกังวล ขี้กลัวอยู่แล้ว ก็ตกลงรักษาโรคที่หมออ้างว่ากำลังจะเป็นต่ออีก
ต้องเสียเงินอีกค่ะ คราวนี้หมอเรียกเงินค่ารักษาโรคใหม่นี้ 60,000 บาท
พอถึงปลายเดือนที่แล้ว หมอก็แมะข้อมือดู แล้วบอกว่าใกล้จะหายแล้วค่ะ คุณแม่ดีใจใหญ่เลย
แต่หมอแมะข้อมืออีกหลายรอบ แล้วบอกคุณแม่ว่า กำลังจะเป็นโรคมะเร็งระยะแรกค่ะ
คราวนี้คุณแม่ตื่นเต้น กลัวใหญ่เลยค่ะ เชื่อเขาเต็มที่เลย หมอฝังเข็มรมยานั่นก็บอกตามสูตรเดิมว่า จะรักษากับผมหรือไม่ก็ได้
ฟังดูดีใช่มั้ยคะ เสนอทางเลือกให้ลูกค้า แต่ในความเป็นจริง แทบจะทุกคนล่ะค่ะ กลัวเป็นมะเร็ง กลัวเจ็บป่วย กลัวตาย
ก็ยอมรักษาต่อกับหมอคนนี้กันทั้งนั้น เช่นเดียวกันกับคุณแม่ที่คิดว่า...
ไหนๆ ก็มารักษากับหมอคนนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว แถมหมอคนนี้ยังตรวจเจอโรคมะเร็ง ก่อนที่จะรอให้เป็นหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
คราวนี้หมอเกาหลี บอกเงินค่ารักษา 100,000 ค่ะ ต้องจ่ายเงินก่อน สามารถผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ แล้วมารักษากี่ครั้งก็ได้ จนกว่าเขาจะบอกว่าหายแล้ว
ตอนนี้ทั้งเพื่อนคุณแม่และคุณแม่ต่างก็เชื่อว่า หมอคนนี้เป็นหมอเทวดา รักษาได้ทุกโรค รู้ล่วงหน้าว่าคนไหนกำลังจะเป็น หรือเป็นโรคอะไรอยู่
และรักษาได้ทุกโรคด้วยการฝังเข็มกับรมยา และทานยากลมๆ เม็ดเล็กนิดเดียว
มันใช่หรือคะ แค่จับข้อมือดู แล้วเห็นเซลล์มะเร็งกำลังเริ่มเจริญเติบโตอยู่ในร่างกาย ฟังดูไม่ค่อยฉลาดเลยค่ะ ถ้าหลงเชื่อ
ที่เคยเรียนมา มะเร็งจะวินิจฉัยได้ว่าเป็นหรือไม่จากการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจค่าความปกติการทำงานของอวัยวะต่างๆ และเอกซเรย์ นี่คะ
แล้วดูสิคะ โรคนี้หาย บอกเป็นโรคนั้นต่อ พอหายอีก ก็บอกเป็นต่ออีก
หากินกับความกลัว ความวิตกกังวลของคนนี่ง่ายดีนะคะ
หมอรวย คนไข้จะหมดเนื้อหมดตัว เพราะวิตกกังวลเกินเหตุนี่สิ
แถมคุณแม่ไม่ยอมไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ อ้างว่า ก็หมอฝังเข็มเกาหลี เขาตรวจเจอแล้ว จะไปเสียเงินที่โรงพยาบาลอีกทำไม
คือที่บ้านพอมีพอกินค่ะ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินเหลือใช้อะไรมากนัก
ถ้าคุณแม่เจ็บป่วยจริง แล้วรักษาที่โรงพยาบาล จะจ่ายเงินเท่าไรก็ยอมค่ะ ถ้ารักษาหาย หรือดีขึ้น
แต่กับหมอฝังเข็มเกาหลีคนนี้ คิดว่าน่าจะถูกหลอกเอาเงินมากกว่าใช่มั้ยคะ
เพราะค่ารักษาแพงเกินจริง โรคที่บอกมาเป็นจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมหายโรคนี้แล้ว ยังบอกเป็นโรคใหม่ต่ออีก
อยากให้คุณแม่ตาสว่างสักทีค่ะ ว่าคนทุกคนเกิดมาแล้วต้องป่วย ต้องตายเหมือนกันหมด
ไม่มีแน่นอน ที่การฝังเข็มกับรมยาจะสามารถรักษาได้ทุกโรค
ไม่อย่างนั้นแล้ว คนทุกคนก็เป็นอมตะ ไม่เจ็บป่วย เป็นอะไรก็รักษาได้ทุกโรค กันหมดสิคะ แล้วจะมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีโรงพยาบาลไปทำไม
คุณแม่วิตกกังวล กลัวเป็นโรค กลัวเจ็บป่วยมากเลยค่ะ ทั้งๆที่ จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ
ถึงป่วยจริงๆ น่าจะเอาเงินที่ไปหาหมอคนนี้ ไปทำบุญ เตรียมสะสมบุญไว้เป็นเสบียงติดตัวเดินทางสู่ภพชาติต่อๆ ไปยังจะดีกว่าอีกมั้ยคะ
ตามที่เล่ามา หมอเกาหลีคนนี้ น่าจะหลอกหากินกับความวิตกกังวล ความหวาดกลัวโรคภัยไข้เจ็บของคนใช่มั้ยคะ
จะทำอย่างไร คุณแม่ถึงจะได้สติ คิดเองเป็น และตาสว่างสักทีคะ ขอบคุณค่ะ